เมื่อครู่ซ่างกวนเม่าคุยโวโอ้อวดมากเกินไป ในขณะที่พลังทำลายล้างใกล้เข้ามานั้น เขาคิดจะหลบหลีกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น
เปรี้ยง! ลานประลองยุทธ์อันแข็งแกร่งนั้นแหลกสลาย และร่างของซ่างกวนเม่าก็จมลงไปในซากปรักหักพังนั้น และเขาก็เป็นลมหมดสติไป
“แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งยิ่งนัก”
“ช่างกล้าหาญมาก!”
“……”
ชั่วครู่หนึ่งทั่วทั้งลานประลองก็คึกคักขึ้น
“ทักษะวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฆ่าได้ภายในชั่วพริบตาเดียว!”
“ช้ะ! นักเรียนใหม่เก่งกาจเช่นนี้ นี่จะโจมตีให้ตายเลยหรือไง ?”
ซ่างกวนเม่าถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว ในเมื่อมาแล้ว มู่เฉียนซีก็เลือกที่จะไต่อันดับขึ้นไปอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีในฐานะที่เป็นจอมภูตพลังธาตุวารีเดิมทีก็สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพต้านสวรรค์ยิ่งเป็นทักษะที่สูงกว่าปกติ อีกทั้งยังมีทักษะตี้ซวนกับทักซะเทียนซวนที่จิ่วเยี่ยเป็นคนสอนให้อีก การต่อสู้ข้ามระดับถึงสองสามระดับนั้นไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ดังนั้นสำนักศึกษาจึงส่งคู่ต่อสู้ที่ต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิระดับสี่ออกมารับมือกับนักเรียนใหม่วิปริตผู้นี้
นอกจากมู่เฉียนซีแล้วยังมีนักเรียนใหม่อีกคนหนึ่งก็กำลังไต่อันดับขึ้นมาเช่นกัน นั่นก็คือโม่ซางคง
แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิปริตเท่ากับมู่เฉียนซี แต่ก็โดดเด่นและเก่งกาจกว่านักเรียนเก่าส่วนมากมาก
“สามสิบอันดับแรก ? มู่เฉียนซีไต่ขึ้นมาถึงสามสิบอันดับแรกแล้ว”
“คงไม่คิดจะต่อสู้วันเดียวไต่ขึ้นมาถึงสิบอันดับแรกหรอกกระมัง!”
“ยี่สิบอันดับแรก!”
“สิบอันดับแรก!”
มู่เฉียนซีต่อสู้ไต่อันดับขึ้นมาในวันเดียวจริง ๆ ด้วย นอกจากขายยาวิญญาณได้รับค่าวิญญาณมาแล้ว ตอนนี้ในมือนางยังมีทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อยเลย
ทุกคนมองไปที่มู่เฉียนซีที่ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณดูเหมือนจะใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด พวกเขาก็แทบจะมึนชาไปแล้ว
ตอนนี้ในสิบอันดับแรก ผู้ที่สามารถท้าประลองได้ก็คือจูเก๋ออี้เทียนผู้ที่อยู่อันดับที่เจ็ด ส่วนผู้อื่นนั้นจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบประจำเดือนในครั้งนี้
“สหายมู่เฉียนซี เจ้ายังอยากท้าประลองต่อกับจูเก๋ออี้เทียนผู้ที่อยู่อันดับเจ็ดเช่นนั้นเหรอ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่!”
การประลองได้ถูกจัดขึ้นพร้อมแล้ว ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ได้เผชิญหน้ากับจูเก๋ออี้เทียน
“วะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะถูกสาวงามพลิกไพ่เข้าแล้ว ช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก!” จูเก๋ออี้เทียนรูปร่างหน้าตางดงาม ตอนนี้เขามองมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มเจ้าชู้
“รอตอนที่เจ้าพ่ายแพ้ต่อข้า เจ้าจะยิ่งตื่นเต้นมากกว่านี้อีก” มู่เฉียนซีตอบกลับ
“ศิษย์น้องคนสวย เจ้านี่ช่างคุยโวโอ้อวดได้ดีเยี่ยมจริง ๆ เลยนะ! แต่ข้าก็ชอบมาก เส้นทางแห่งชัยชนะของเจ้า มันจะสิ้นสุดลงในตอนนี้”
“สิ้นสุดลง เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองมากเสียจริง!”
“ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าทักษะวิญญาณคู่นั้นของเจ้า สำหรับพลังระดับสี่ลงมานั้นมันมีกำลังที่แข็งแกร่งไม่อาจต้านทานได้ แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ มันไม่เหมาะกับการโจมตีระยะไกล เพียงแค่ข้าไม่ให้เจ้าเข้ามาใกล้ เช่นนั้นก็เพียงพอที่จะหลบหลีกได้”
ผู้ที่สามารถครองอันดับเจ็ดได้นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวละครธรรมดา
ข้อเสียของทักษะเทียนซวนและทักษะตี้ซวนนั้นถูกเขามองออกแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดู ว่าเจ้าจะมีความสามารถหลบหลีกมันได้หรือไม่”
“เริ่มการประลอง!”
ทันทีที่ผู้ตัดสินประกาศเริ่มการประลอง จูเก๋ออี้เทียนก็ชิงโจมตีก่อน เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้ที่มีพลังขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าตรงหน้าผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้รุ่นเดียวกันเหล่านั้นที่เขาเคยเจอมามาก
หอกยาวด้ามหนึ่งถูกนำออกมา ทันทีที่ปลายหอกขยับก็พุ่งเป้าไปที่คอของมู่เฉียนซีทันที
“จูเก๋ออี้เทียนลงมือจริง ๆ แล้ว เขาเอาหอกออกมาแล้วนั่น”
“สนามนี้เขาต้องชนะเป็นแน่ ภายในวันเดียวก็ทำให้นักเรียนใหม่ไต่อันดับขึ้นมาถึงสิบอันดับแรก หากเขายังเอาชนะไม่ได้อีก ตาเฒ่าอย่างพวกข้าคงต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่”
“……”
ทันทีที่ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหว ปลายหอกนั้นก็แทงทะลุเงาร่างปลอมของนางไป
“ทักษะตี้ซวน!”
พลังอันแข็งแกร่งของทักษะวิญญาณนี้พุ่งไปที่จูเก๋ออี้เทียนรุนแรงอย่างมิอาจต้านทานได้
พลังวิญญาณของเขาไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งทำให้กระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีล้มเหลวลง
ตูม ตูม ตูม!
ฝุ่นละอองลอยตลบอบอวลทั่วทุกสารทิศ ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง “หลบได้แล้ว”
จูเก๋ออี้เทียนสามารถหลบหลีกได้อย่างสบาย ดูเหมือนจะทำให้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าสามารถขัดขวางความหวังในชัยชนะของมู่เฉียนซีได้
ร่างสีม่วง และร่างสีขาวทั้งสองนั้นได้เคลื่อนไหวสลับกันไปมาทำให้ผู้คนดูแล้วตาลาย หลังจากที่ปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง เงาร่างทั้งสองก็แยกจากกัน จูเก๋ออี้เทียนมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ศิษย์น้องคนสวย หากเจ้าอยู่ในระดับจักรพรรดิ วันนี้ข้าคงต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าเป็นแค่ราชาแห่งภูต พลังก็ถึงขีดจำกัดแล้ว วันนี้ข้าชนะแน่แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “นั่นมันก็ไม่แน่หรอกนะ!”
มู่เฉียนซีชักกระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมา ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่กระบี่เล่มนั้น
“มันก็แค่อาวุธวิญญาณระดับต่ำ!”
“ข้าก็คิดว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงที่จะกู้สถานการณ์ได้ ก็แค่อาวุธวิญญาณระดับต่ำ เทียบอาวุธสงครามของจูเก๋ออี้เทียนไม่ได้สักนิด ดูท่าแล้วศิษย์น้องผู้นี้ต้องพ่ายแพ้แล้วหล่ะ”
“……”
ตัวกระบี่นี้มู่เฉียนซีเป็นคนหลอมขึ้นมาเอง แน่นอนว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ
จูเก๋ออี้เทียนยิ้มพลางกล่าว “ศิษย์น้อง นี่เจ้าจะทำให้ข้าตกใจมากไปแล้ว ข้าก็คิดว่าเจ้าจะเอาอาวุธเทพต้านสวรรค์ออกมาซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำเช่นนี้ไปได้!”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว มาตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบวนท่านี้ดีกว่า!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ก็ดี ตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบวนท่าเดียว!” จูเก๋ออี้เทียนก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ทันทีที่ปลายกระบี่ขยับ มังกรเพลิงสีแดงฉานก็คำรามออกมาราวกับมังกรเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณก็มิปาน กวัดแกว่งไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
รูม่านตาของจูเก๋ออี้เทียนหดลงไปในทันที นี่มัน……
เป็นไปได้ยังไง ?
เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดเพื่อต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ และชะตากรรมของเขาก็ถูกมังกรเพลิงโอบล้อมเอาไว้แล้ว!
ไป๋เหยียนและฉินตั่วเอ๋อร์ก็ตกใจผงะไปเช่นกัน “ที่แท้ก็มีกระบวนท่านี้อยู่นี่เอง นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งก่อนนางจะไม่ใช้!”
พวกเขากล่าวอย่างจนปัญญาว่า “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าครั้งก่อนนางจะยังยั้งมือ พวกเราพ่ายแพ้โดยที่ไม่ได้เสียเปรียบเลย!”
ตูม! ร่างของจูเก๋ออี้เทียนกระเด็นลอยลงไปจากลานประลอง
ทุกคนได้ยินเสียง แกร๊ง! ดังขึ้น กระบี่มังกรเพลิงหักอีกครั้ง
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เมื่อครู่กระบี่เล่มนั้นทรงพลังยิ่งนัก จู่ ๆ ก็หักไปง่าย ๆ เช่นนี้
มู่เฉียนซีหยิบคมกระบี่กับตัวกระบี่ขึ้นมา อาจารย์ใหญ่ของสำนักซวนเสียผู้นั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่ จะต้องทำเช่นไรถึงจะให้เขาปรากฏตัวออกมา มิเช่นนั้นแล้วกระบี่มังกรเพลิงก็คงจะใช้ได้แค่ครั้งต่อครั้ง เช่นนี้ช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก
รายชื่อในอันดับเจ็ดตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว นั่นก็คือมู่เฉียนซีผู้ที่เป็นนักเรียนใหม่ ข่าวนี้ได้สร้างความตื่นเต้นไปทั่วทั้งสำนักศึกษา
โม่ซางคงก็เข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน ส่วนฉินปา หลังจากที่อาการบาดเจ็บดีขึ้นเขาก็อดไม่ได้ ลุกมาต่อสู้ไต่อันดับต่อไป
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ห้ามเขา เพียงแค่มอบยารักษาอาการบาดเจ็บให้เขาไป
ภายใต้การสอนในรูปแบบปีศาจของมู่เฉียนซี นักเรียนห้องเจ็ดก็สามารถหลอมเม็ดยากึ่งสำเร็จรูปได้แล้ว
หากผู้อื่นรู้ว่าพวกเขาก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ จะต้องคุยโวโอ้อวดว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน แต่ผลสุดท้ายกลับยังไม่เป็นที่พอใจในสายตาของท่านอาจารย์ปีศาจร้ายของพวกเขา
“ปริมาณในการใช้ยายังน้อยเกินไป เจ้าสังเกตไม่เห็นเหรอ!”
“ใช้ตัวยาผิดแล้ว!”
“สิ่งเจือปนเยอะเกินไป!”
“ออ! ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาพิษชนิดใหม่อยู่ หากผลงานของพวกเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็จะเป็นผู้โชคดีที่จะได้ลองยานั้น”
ใบหน้าที่งดงามราวกับภูตปีศาจนั้นกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายราวกับปีศาจออกมา
สีหน้าของทุกคนซีดเผือดไป จากนั้นก็กลับไปปรุงยาอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง
มู่เฉียนซีเดินออกไปจากห้องปรุงยาก็ได้เห็นกับหวงฝู่จี้เหินที่มองมาจากไกล ๆ และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสังเกตเห็นการจ้องมองของมู่เฉียนซีแล้ว เขารีบหันหลังวิ่งไป มู่เฉียนซีตะโกนเรียก “หวงฝู่จี้เหิน หยุดเดี๋ยวนี้!”