ร่างของซู่ซินเซี่ยพุ่งไปชนกับต้นไม้ ตาเหลือกและหมดสติไป
หากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงจะรวมตัวกันเพื่อซู่ซินเซี่ยแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับกล่าวว่า “รวดเร็วฉับไว ระบายอารมณ์ได้ดีเยี่ยม!” สำหรับซู่ซินเซี่ยนั้น ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ยังเหลือเวลาก่อนที่ตะวันจะตกดิน พวกเจ้าอยากจะท้าประลองก็รีบเข้ามา!”
ปัง! อีกทางด้านหนึ่ง โม่ซางคงถูกเตะกระเด็นออกจากลานประลอง
เขาแพ้แล้ว เพิ่มเข้ามาเรียนได้สองเดือน เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักศึกษามาเป็นเวลาปีสองปีแล้ว ความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ ต้องพยายามฝึกต่อไปถึงจะได้
เขามองไปที่ลานประลองนั้น หญิงสาวชุดม่วงที่ยืนอยู่อย่างสุกใสเป็นประกาย ดวงตาฉายแววโศกเศร้า
ดูท่าแล้วครั้งนี้คงจะตามนางไปไม่ได้แล้ว
การทดสอบชั้นระดับกลาง มู่เฉียนซีได้ผ่านการทดสอบอย่างฉะลุย
ทว่า หลังจากที่สอบผ่านแล้ว นางก็โดนอาจารย์ใหญ่ฉู่เรียกตัวไป เพราะว่ารองอาจารย์ใหญ่ซู่ของหน่วยสำนักปรุงยานั้นได้ก่อเรื่องขึ้นแล้ว
“นางวางยาพิษลูกสาวข้าในระหว่างการประลอง ละเมิดกฎการสอบประจำเดือน ควรจะไล่ออกไปจากสำนักศึกษาซะ” รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
มู่เฉียนซีกล่าว “วางยาพิษ! มีหลักฐานงั้นเหรอ ?”
ในเมื่อนางกล้าวางยาพิษ แน่นอนว่าไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่
รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าว “ท่านอาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ปรุงยาที่มีฝีมือเยี่ยมยอดที่สุดของสำนักศึกษาพวกเรา เขาได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าลูกสาวข้าโดนยาพิษ เป็นฝีมือเจ้าแน่นอน”
มู่เฉียนซีมองไปยังชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นั้น คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ห้องหนึ่งของชั้นเรียนระดับสูง นางกล่าวถามว่า “เช่นนั้น ท่านอาจารย์ท่านนี้ ท่านบอกได้หรือไม่ว่าซู่ซินเซี่ยโดนพิษชนิดใด ?”
คำถามนี้ของมู่เฉียนซีทำให้เขาถึงกับชะงักไป
อาการของคุณหนูใหญ่ซู่นั้นผิดปกติมาก แต่เขาตรวจสอบเช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันคือพิษชนิดใด
ทว่า รับมือกับสาวน้อยผู้ที่ไม่รู้เรื่องหยูกยาคนเดียว เขาแค่บอกพิษมั่วซั่วออกไปสักอย่างนางก็คงจะไม่รู้
“คุณหนูใหญ่ซู่โดนพิษสลบไสล”
มุมปากของมู่เฉียนซีปรากฏรอยยิ้มถากถางขึ้น “ยาพิษสลบไสลอาการมันก็ต้องหลับใหลลึกไร้สติ ไม่ใช่อาการเช่นนี้ ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว อีกอย่างตัวก็สั่นจนหยุดไม่ได้ ท่านอาจารย์ ฝีมือของท่านไม่ชำนาญเอาเสียเลย ไม่กลัวถูกกล่าวหาว่าละเลยหน้าที่สอนสั่งที่ดี ทำให้นักเรียนเสียผลประโยชน์หรอกเหรอ ?”
เพียงประเดี๋ยวเดียวก็ถูกมู่เฉียนซีเปิดโปงเอาเสียแล้ว สีหน้าของอาจารย์ท่านนี้เขียวคล้ำด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ขะ ข้า ข้าก็แค่ดูผิดไปก็เท่านั้น แต่อาการของคุณหนูใหญ่ซู่โดนพิษแน่นอน เจ้าไม่อาจหนีโทษการถูกไล่ออกของสำนักศึกษาซวนเสียไปได้”
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน “ในเมื่อท่านสายตาเฉียบคมรู้ว่าคุณหนูใหญ่ซู่โดนพิษ ด้วยสายตาอันเฉียบคมของท่านแล้วก็คงจะดูรู้ ว่าตอนที่ทดสอบนางใช้ยาบีบบังคับเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง หากจะขับไล่ข้าออก เช่นนั้นก็คงจะขับไล่นางด้วยใช่หรือไม่!”
รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าว “เจ้าพูดจาเหลวไหล ลูกสาวของข้าจะโกงการสอบประจำเดือนได้ยังไง!”
อาจารย์ท่านนั้นกล่าว “คุณหนูซู่ไม่ได้ใช้ยาบีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณ นางก็แค่ทะลวงพลังวิญญาณได้เองตามธรรมชาติ สาวน้อย เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดไปเลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านรังแกข้าเพราะฝ่ายข้าไม่มีนักปรุงยาอยู่ด้วยใช่หรือไม่!”
“พวกท่านรอข้าประเดี๋ยว ข้าจะไปเชิญนักปรุงยามา ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะกระจ่างแจ้ง!”
ทันทีที่กล่าวจบมู่เฉียนซีก็เดินออกไป รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าว “สาวน้อย นี่เจ้าคิดจะหนีเหรอ ? ไม่มีทาง!”
มู่เฉียนซีมองไปที่อาจารย์ใหญ่ฉู่ และกล่าวว่า “ท่านเฝ้าพวกเขาเอาไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ เดี๋ยวข้าจะตามคนผู้หนึ่งมา!”
อาจารย์ใหญ่ฉู่กล่าว “เจ้ารีบไปเถอะ ทางนี้ข้าจะดูเอาไว้ให้เอง!”
รองอาจารย์ใหญ่ซู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ตาเฒ่าเช่นเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะช่วยสาวน้อยผู้นั้น นี่เจ้าจะปกป้องนาง ช่วยกลับผิดเป็นถูกให้นางใช่หรือไม่ ?”
อาจารย์ใหญ่ฉู่กล่าว “คนที่กลับผิดเป็นถูก คงจะเป็นพวกเจ้ามากกว่า!”
มู่เฉียนซีแปลงร่างเป็นอาถิงเพื่อกอบกู้สถานการณ์ และได้เชิญผู้อาวุโสผู้ที่เก่าแก่ที่สุดทั้งห้าท่านของสำนักศึกษา และมีอำนาจที่สุดมา
“คุณชายมู่ กว่าที่เจ้าจะมาหาพวกข้านั้นมันไม่ง่ายเลย ไม่ดื่มชานั่งคุยกับพวกข้าสักหน่อยเหรอ แล้วนี่จะพาพวกข้าไปไหน!”
“ตาเฒ่าแก่ ๆ อย่างข้าเดินเหินก็ไม่ไหวแล้ว!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกท่านก็อายุมากแล้ว อย่าได้ขี้บ่นมากนักเลย เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละหน่า”
ในขณะที่รองอาจารย์ใหญ่ซู่กำลังรออยู่อย่างใจร้อน ปัง! เสียงประตูดังขึ้น ประตูถูกเตะและเปิดออก
เมื่อพวกเขาเห็นกับชายหนุ่มหน้าตางดงามราวกับภูตปีศาจ ต่างก็ตกตะลึงขึ้น “เป็นเจ้า!”
อาจารย์ท่านนั้นกล่าวว่า “เจ้าคืออาจารย์ของนักปรุงยาไร้ประโยชน์เหล่านั้น!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ไปดูแม่นางที่โดนพิษผู้นั้นสักหน่อยเถอะ”
ผู้อาวุโสทั้งห้าเดินเข้าไป รองอาจารย์ใหญ่ซู่กับอาจารย์ท่านนั้นต่างก็อกสั่นขวัญหาย “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านผู้อาวุโสรอง……”
“พวกท่านมาได้อย่างไร ?”
“ข้ามาจัดการเรื่องบางอย่างให้เจ้าหนุ่มผู้นี้ พวกเจ้าถอยไป!”
ตอนนี้รองอาจารย์ใหญ่ซู่ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อครู่นี้สาวน้อยผู้นั้นบอกว่าจะไปเชิญนักปรุงยามา นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไปเชิญมู่ซีมา
และสิ่งที่ทำให้กระอักเลือดยิ่งกว่านั้นก็คือ มู่เฉียนซียังจะเชิญท่านผู้อาวุโสทั้งห้ามาด้วย ครั้งนี้เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด นี่มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จะรบกวนท่านผู้อาวุโสได้อย่างไรกัน ท่านผู้อาวุโสทุกท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดเหลือบมองไปที่ซู่ซินเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเผือด “นี่ไม่ใช่บุตรสาวของเจ้าหรอกรึ ? ดูแล้วอาการของนางไม่ดีเอาซะเลย เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้ข้าตรวจดูอาการนาง!”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ไม่ต้อง พักผ่อนสักหน่อยก็คงจะหายดี!” ผู้อาวุโสสูงสุดมีความรู้และประสบการณ์มากมายถึงเพียงนี้ หากให้เขาตรวจดูเขาก็ต้องรู้แน่นอนว่าซู่ซินเซี่ยใช้ยาบีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณ
“แต่คุณชายมู่ให้ข้ามาตรวจดู ข้าจำต้องตรวจดู เจ้าถอยไป!”
“ถอยไป!”
ผู้อาวุโสท่านอื่นก็พรวดเข้าไป และนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนสองคนจะขวางเอาไว้ได้ เหล่าผู้อาวุโสได้สลับกันตรวจร่างกายของซู่ซินเซี่ย จากนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “สาวน้อยผู้นี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ได้โดนพิษอะไรด้วย เพียงแต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้นางได้ใช้ยาบีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณไป ต้องทำให้เส้นปราณพลังอบอุ่นขึ้น มิเช่นนั้นต่อไปเกรงว่าจะยากที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต!”
รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าว “ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อมู่ซี แล้วจะช่วยเขาเช่นนี้ไม่ได้นะ อาการของซินเซี่ยดูไม่เหมือนคนโดนพิษตรงไหน!”
ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้ว “ข้าเป็นคนที่เกลียดการโกหกมาโดยตลอด นี่เจ้าบังอาจกล้าสงสัยในตัวข้า!”
รองอาจารย์ใหญ่ซู่ได้ยินเช่นนี้ก็ใบ้แดกพูดไม่ออก นิสัยใจคอของผู้อาวุโสเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้
ในตอนนี้เอง อาจารย์ใหญ่ฉู่ก็กระโดดออกมากล่าวขึ้นว่า “โชคดีที่เหล่าผู้อาวุโสทุกท่านมีความเชี่ยวชาญในเรื่องหยูกยา มองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เจ้าไม่รู้เหรอว่าตาเฒ่าผู้นี้กล้าใส่ความนักเรียนอัจฉริยะผู้หนึ่ง เพื่อปกป้องลูกสาวของตัวเอง……”
หลังจากคำพูดนี้ของอาจารย์ใหญ่ฉู่จบลง เหล่าผู้อาวุโสต่างก็หันไปมองอาจารย์ห้องหนึ่งผู้นั้น และกล่าวว่า “เจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ สามารถกลับถูกเป็นผิดได้ นับจากนี้ต่อไป เจ้าถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาแล้ว”
อาจารย์ผู้นั้นสีหน้าซีดเผือด จากนั้นสายตาของเหล่าผู้อาวุโสก็จับจ้องไปที่รองอาจารย์ใหญ่ซู่ รองอาจารย์ใหญ่ซู่กล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านจะไล่ข้าไม่ได้นะ”