เหล่าผู้อาวุโสมองมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง “สาวน้อย เจ้าสามารถแก้พิษนี่ได้จริง ๆ รึ ?”
“เจ้ามิใช่ศิษย์ของสำนักย่อยการปรุงยานี่”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสุขุม “ถึงแม้ข้าจะมิใช่ศิษย์สำนักย่อยการปรุงยา แต่ข้านั้นคุ้นเคยกับมู่ซีเป็นอย่างดี บางสิ่งบางอย่างที่เขาทำเป็น ข้าเองก็ทำเป็นเช่นเดียวกัน พวกท่านจะไม่เชื่อข้าก็ไม่แปลก แต่ก็ควรเชื่อเขามิใช่หรือ ?”
มู่ซี มู่ซีอีกแล้ว! แล้วเขายังสกุลเดียวกันกับซีเอ๋อร์อีกด้วย แม้แต่ชื่อก็ยังคล้ายกันนัก
เส้นเอ็นและเส้นเลือดบนมือของหลิงพลันปูดนูนขึ้นมา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเกิดความเกลียดชังมู่ซีถึงขีดสุด เขาหวงหลานสาวเสียแล้ว…
“หมายความว่าสิ่งที่เขาทำได้เจ้าก็ทำได้งั้นเรอะ ?”
“โอ้! สวรรค์เมตตาเราแล้ว เด็กนี่แก้พิษให้เราได้”
“สาวน้อย เช่นนั้นเจ้าต้องช่วยพวกเรานะ” พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนกระคนอ้อนวอน
พวกเขารู้กันดีว่าเด็กสาวตรงหน้านี้เป็นผู้ที่มู่ซีให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ฉะนั้นแล้วนางคงไม่มาล้อเล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซี “เถ้าแก่ ข้าขอยืมใช้ร้านของท่านสักหน่อยสิ”
ผู้อาวุโสทั้งหลายก็เหมือนกับมู่เฉียนซี พวกเขารู้ว่าพวกเขาโดนพิษอะไรเข้าไป และรู้ว่าจะต้องปรุงยาถอนพิษออกมาเช่นไร ทว่าสมุนไพรวิญญาณกลับหาได้ยากเย็นยิ่ง
“สาวน้อย เจ้าเองก็สิ้นหนทางแล้วชะ… ใช่ไหม ?”
มู่เฉียนซียังคงใจเย็น “หึ ๆ อย่าได้เศร้าหมองไป นี่พวกท่านคงยังไม่ลืมสิ่งที่หมอปีศาจมู่ซีถนัดอีกอย่างกระมัง”
“เจ้า… เจ้าหมายถึงยาชนิดนั้น!”
“เจ้าก็ทำเป็นงั้นรึ ? เท่าที่ข้ารู้มา มันยากมากเลยนะ”
พวกเขาล้วนตื่นเต้นขึ้นมา ถ้าหากว่ายาเม็ดไม่สามารถแก้พิษได้ ยาลึกลับนั้นอาจจะทำได้ก็ได้
มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก มือเรียวหยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวด “ถึงแม้ว่ายาแก้พิษนี้อาจไม่สามารถแก้พิษได้แบบหายเป็นปลิดทิ้ง แต่มันก็สามารถยับยั้งฤทธิ์ของพิษที่อยู่ในตัวพวกท่านได้เป็นการชั่วคราว คาดว่าไม่นานข้าจะช่วยทำยาแก้พิษออกมาช่วยพวกท่านได้ คำเตือนคือระหว่างนั้นพวกท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้”
ผู้สาวุโสสูงสุดเปิดขวดยานั้น สูดดมเข้าไปลึก ๆ หนึ่งเฮือกแล้วเอ่ยขึ้น “อา… ยาที่มีความบริสุทธิ์เต็มร้อยนี้ ความหอมนี้ นี่เป็นยาที่มู่ซีหลอมมันออกมาแน่แล้ว”
“ใครจะคาดคิดว่าเจ้ามู่ซีนั่นที่ไม่เคยให้ยาที่ดีเช่นนี้แก่พวกเราแม้สักขวด เขากลับมอบมันให้แก่เจ้าทั้งหมด”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่ได้ดมกลิ่นหอมของยานั้น ก็เริ่มเกิดอาการอิจฉามู่เฉียนซีขึ้นมา อารมณ์ของหลิง ณ ตอนนี้ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม มู่ซี มู่ซี อะไร ๆ ก็มู่ซี เขาได้ยินชื่อนี้บ่อยครั้งมากเกินไปแล้ว
เมื่อได้ยินว่ายาเม็ดนั่นเป็นมู่ซีผู้นั้นหลอมมันออกมา เขาก็รู้สึกอยากอาเจียนออกมาในทันใด
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอารองของตน นางกล่าว “อารอง ข้าจะต้องไปห้องปรุงยาของนักปรุงยาสักหน่อย ท่านคอยคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกได้หรือไม่ อย่าให้ผู้ใดเข้ามารบกวนข้าได้”
“อืม มีข้าอยู่ซีเอ๋อร์วางใจได้ แม้แต่มดตัวเดียวก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าห้องปรุงยาไปรบกวนเจ้าได้”
“ขอบคุณท่านมาก มีอารองอยู่ ข้าก็วางใจแล้ว”
หลิงกล่าวขึ้น “แต่ทว่า ข้าขอถามหน่อย เจ้าไม่ช่วยเจ้าเฒ่าพวกนั้นก็ได้ เจ้านั้นยังเด็กนัก จะไปทำเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยเช่นนั้นทำไมกัน ?”
แม้เขาจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่เขารู้ว่าการปรุงยาเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองพลังแห่งจิตใจ
เขาอดถามไม่ได้จริง ๆ ก็ในเมื่ออยู่ ๆ ต้องให้หลานสาวของตนเองไปเหนื่อยเสียจนร่างแทบพังเพื่อพวกตาเฒ่าใกล้ตายพวกนั้น
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าอารองผู้ซึ่งสูญเสียความทรงจำไปนั้น มีความผิดประหลาดในเรื่องความรักและทะนุถนอมหลานสาวมากเสียยิ่งกว่าท่านอาเล็กผู้อ่อนโยนเสียอีก
“อารอง ข้านั้นเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง และข้าก็ยังคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างมากอีกด้วย ข้าต้องช่วยพวกเขาสิ” “ข้าว่า เป็นเจ้าเด็กมู่ซีนั่นที่สนิทคุ้นเคยกับพวกเขามากกว่ากระมัง ให้เขาช่วยไม่ดีกว่ารึ ?” หลิงแค่นเสียงเย็นชาถาม
อารมณ์ของผู้มีพลังสูงส่งดั่งเช่นท่านอาคุกรุ่นเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศโดยรอบมืดครึ้ม ทุกคนรู้สึกเหมือนรอบตัวนั้นมีฝนตกลงมา ผู้อาวุโสพวกนั้นต้องพิษเข้าไป แน่นอนว่าเรื่องของมู่ซีก็คือเรื่องของนาง รอให้มีเวลาว่างก่อนค่อยอธิบายให้อารองเข้าใจก็แล้วกัน
เพื่อที่จะไม่ให้เขาต้องมาอิจฉาริษยาผู้อื่นอยู่เช่นนี้
มู่เฉียนซีเข้าไปปรุงยาในห้องปรุงยา และใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ยาถอนพิษก็ถูกนางปรุงออกมาได้สำเร็จ
เมื่อหลิงได้เห็นมู่เฉียนซีเดินออกมา เขาก็กล่าวขึ้นด้วยความห่วงใยไปต่าง ๆ นานา “ซีเอ๋อร์ เจ้าเหนื่อยมากไหม ?”
“เจ้าสูญเสียพลังจิตไปมากน้อยขนาดไหน ?”
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีรีบตอบก่อนที่ท่านอารองจะถามคำถามมากไปกว่านี้อีก “อารอง ข้าไม่เป็นไร ข้าจะไปถอนพิษให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นแล้วล่ะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย”
“อืม”
…
“เจ้า… ปรุงยาสำเร็จแล้วรึ ?” เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเดินเข้ามา สายตาของผู้อาวุโสเหล่านั้นพลันลุกวาว
มู่เฉียนซีนำเอายาออกมาทั้งหมดห้าเข็มก่อนจะกล่าว “แน่นอน พวกท่านเตรียมตัวให้พร้อมได้เลย”
— ซึ่บ! ซึ่บ! ซึ่บ! —
ยาทั้งห้าเข็มปักเข้าไปที่แขนของพวกเขา
จากนั้นไม่นาน พวกเขารู้สึกว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของตนเองค่อย ๆ ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้นไปจนพากันกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง
“ถอนพิษออกไปแล้วจริง ๆ ข้ารู้สึกได้!”
“จริงด้วย ผลของมันมหัศจรรย์มาก”
หลานสาวของตนเก่งกาจเช่นนั้น ทำให้หลิงเองเกิดความรู้สึกภูมิใจอย่างมาก
ทันใดนั้นผู้อาวุโสกล่าวขึ้นมาว่า “สาวน้อย ถ้าหากว่าเจ้ามิได้เป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งละก็ ข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวกับมู่ซีไปแล้ว”
“ใช่ แต่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งมิอาจเป็นนักปรุงยาขั้นสูงได้”
“บอกข้าสักหน่อยเถอะว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจ้าหนุ่มมู่ซี ? เป็นคู่รักกันหรือว่าเป็นศิษย์กับอาจารย์ ?”
เมื่อพิษถูกถอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งห้าสบายใจขึ้นไม่น้อย บัดนี้จึงได้เริ่มอยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาขึ้นมาแล้ว
ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลิงหม่นคล้ำลงอีกครั้ง “หลานสาวของข้าไม่มีทางไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าเด็กป่านั่นแน่”
ผู้อาวุโสสูงสุดเลิกคิ้ว “สาวน้อย อารองของเจ้าดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”
“ข้าจะบอกเจ้าไว้ให้นะสาวน้อย มู่ซีนั้นเป็นอาจารย์อัจฉริยะนักปรุงยาผู้หนึ่ง อายุเขาน้อยมากแต่กลับเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยา ความสามารถในการปรุงยาของเขาลึกซึ้งยากจะหยั่งถึงได้”
“อีกทั้งเขายังเป็นเจ้าของหอหมอปีศาจ ความรวดเร็วในการทำเงินของหอหมอปีศาจทำให้ผู้อื่นอิจฉากันแทบตาย หาคนอย่างเขาได้ยากยิ่ง”
“และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหน้าตาอันงามสง่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของมู่ซี ไม่มีชายผู้ใดเทียบเขาได้ เมื่อเทียบกับหน้าตาของอัจฉริยะผู้นี้ แม่สาวน้อยซี เจ้าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดแล้ว”
มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนมีนกกามาบินวนอยู่บนศีรษะเหมือนกับรายการโทรทัศน์เด็กในสมัยใหม่ ดูพวกตาเฒ่าเหล่านี้สิ มากล่าววาจาทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชัก อยากจะเป็นสื่อกลางความรักให้แก่นาง
หลิงแทบระเบิดอารมณ์ออกมาเต็มที “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อว่าในโลกทั้งสี่ทิศนี้ จะมีผู้ใดเหมาะสมกับซีเอ๋อร์หลานของข้า!”
มันไม่ได้เป็นการโอดครวญในใจ แต่จากความมั่นใจในตนเองในกระดูกของเขา แม้เขาจะไม่มีความทรงจํา เขาก็รู้สึกหวงหลานสาวจริง ๆ
มู่เฉียนซีจนปัญญาจึงจงใจเปลี่ยนเรื่องพูดคุยไปเป็นเรื่องอื่น “ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านมิใช่ว่าจะออกไปช่วยเหลืออาจารย์ใหญ่ของสำนักย่อยการปรุงยาหรอกหรือ ? ตอนนี้อาจารย์ใหญ่อยู่ที่ไหน ?”
ถ้าหากว่าอาจารย์ใหญ่ที่รักและเป็นห่วงหวงฝู่จี้เหินเกิดเป็นอะไรไป มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสทั้งห้ากล่าวอย่างละอายใจ “พวกเราไม่ได้ไปถึงที่ที่สามารถช่วยอาจารย์ใหญ่ได้ กลับกันพวกเราถูกคนของนิกายปีศาจดำลอบทำร้าย และยังต้องพิษของพวกมันด้วย”
“คนอื่นออกตามหาอาจารย์ใหญ่แล้ว และพวกเราจะรอให้พลังชีวิตฟื้นฟูขึ้นมาก็จะออกไปตามหาอีก ช่วงนี้ทวีปเสียโจวไม่ค่อยสงบเท่าไรนัก สาวน้อย เจ้าเองก็รีบกลับไปที่สำนักศึกษา อย่าให้มู่ซีนั้นเป็นกังวลเลย”
“นิกายปีศาจดำรึ ?” มู่เฉียนซีมองไปทางพวกเขาด้วยความสงสัย “ทวีปเสียโจวเมื่อหนึ่งพันปีก่อนหน้ามิได้มีเพียงแค่สำนักนิกายระดับสองเพียงแห่งเดียว ในตอนนั้นยังมีนิกายปีศาจดำอีกแห่งหนึ่งซึ่งก็เป็นสำนักนิกายระดับสองอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน ทว่าวิชามารที่พวกเขาฝึกฝนนั้นเป็นอะไรที่โหดร้ายทารุณยิ่งนัก การฆ่าล้างเมืองและสังเวยด้วยเลือดกลายเป็นพิธีขั้นสูงของพวกเขา จึงต้องเผชิญกับการล้อมทำลายจากกลุ่มกองกำลังในทวีปเสียโจว
“การเข้าปราบปรามในครั้งนั้น แน่นอนว่ามีสำนักนิกายที่เป็นสำนักนิกายระดับสองเป็นผู้นำ พวกเราประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการปราบปราม แต่ก็ยังมีผู้ที่หนีรอดออกไปได้ ระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกนิกายปีศาจดำกระทำการต่าง ๆ อย่างลับ ๆ ทว่าพวกมันก็ทำอะไรไม่ได้ แต่มาช่วงหลังในหลายปีมานี้ นับวันพวกมันกลับโอหังมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“คาดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้มันจะลงมือกับอาจารย์ใหญ่ของเรา”
“ฮ่า ๆ ๆ! ไอ้เฒ่าพวกนี้ พวกเจ้าต้องพิษแต่กลับมาหลบอยู่ที่นี่ ให้ข้าหาเสียจนลำบากไม่น้อยเชียวนะ”
อยู่ ๆ เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดเสียงหนึ่งก็ดังลอยมาจากชั้นบนของหอยา
สีหน้าผู้อาวุโสทั้งห้าเปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าตอนนี้พิษนั้นจะถูกถอนไปแล้ว พลังชีวิตของพวกเขาก็ยังไม่ฟื้นฟูขึ้นมา ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับตามมาถึงได้อย่างรวดเร็ว
หลิงมีปฏิกิริยาตอบสนองอันว่องไว เขาขยับเท้าเอาตัวไปยืนกันไว้ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีพร้อมกล่าวขึ้นด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“เจ้าเป็นใคร ?! ไสหัวลงมา!”