พิษในชั้นที่ห้านั้นรุนแรงมาก
ทว่า ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มู่เฉียนซีมีสภาพเหมือนพวกเขาเหล่านี้ ไม่สามารถทำอะไรนางได้
นางไม่เป็นเหมือนนักปรุงยาเหล่านี้ที่เลือกเรียนรู้เฉพาะตำราที่ตนเองชอบ คิดว่าตนเองสูงศักดิ์ มีเกียรติไม่ศึกษาตำราพิษ
นางเคยปกป้องตัวเองมาแล้วในโลกแห่งความมืดมิด และนางใช้ประสบการณ์ในการศึกษาตำราพิษมากกว่าการปรุงยาเสียอีก
ที่เสี่ยวเย่ากล่าวมานั้นไม่ผิด นักปรุงยาอย่างพวกเขานั้นมีความสามารถพิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ มากนัก เหตุใดถึงไม่ใช้ความสามารถพิเศษนี้สร้างความสามารถพิเศษเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งเพื่อใช้ปกป้องตัวเองหล่ะ ?
หากเป็นคนจอมปลอมและโง่เง่า ถึงตอนนั้นถูกคนอื่นลอบฆ่าคงไร้ที่จะมุดหน้าร้องไห้
มู่เฉียนซีเอาหม้อยาออกมา และได้เริ่มปรุงยา พิษในชั้นห้านี้นางได้วิเคราะห์ออกมาแล้ว ตราบใดที่ปรุงยาออกมาได้สำเร็จ พิษในที่แห่งนี้ก็ทำอะไรนางไม่ได้
ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จ หลังจากที่ได้ดื่มยาเข้าไป พิษในชั้นที่ห้าแห่งนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อนางมากนัก
เมื่อเห็นใบหน้าของมู่เฉียนซีเป็นปกติ การที่เดินในชั้นห้าที่มีพิษร้ายแรงแห่งนี้ก็เหมือนกับการที่นางเดินเล่นอยู่ในสวนบุปผาหลังจวนที่มีอากาศบริสุทธิ์ก็มิปาน
คนอื่น ๆ ต่างก็เผยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อออกมา พิษร้ายแรงนี้ทรมานพวกเขาให้ตายทั้งเป็น แต่นางที่เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นานกลับแก้พิษได้แล้ว
ช่างวิปริตยิ่งนัก!
เสี่ยวเย่าก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้น และกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “คนงาม เจ้าช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
“อ๊า อ๊า อ๊า! เจ้าคือของล้ำค่าที่สวรรค์มอบให้ข้าจริง ๆ!”
“……”
การแสดงออกที่ลืมตัวเช่นนี้แน่นอนว่าไม่อาจให้ผู้อื่นได้ยินไปได้ ประเดี๋ยวจะทำลายความน่าเกรงขามของกลไกวิญญาณอย่างมัน
อวี้เหลียนชิงกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “ก็ทำได้แค่วิธีที่คดโกงนั่นแหละ!”
ไป๋เหลิ่งชวงรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก ที่กลไกวิญญาณกล่าวมาเมื่อครู่นี้ก็ถูก ก่อนหน้านี้นางถือเกียรติมากไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นนักปรุงยาคนหนึ่ง การศึกษาตำราพิษเพื่อปกป้องตัวเอง และเอาไว้ต่อกรกับศัตรูไม่มีสิ่งใดที่ไม่ถูก
การท้าทายของหอโอสถในครั้งนี้ ถึงแม้ว่านางจะพ่ายแพ้ในที่แห่งนี้ แต่ทุกสิ่งที่นางได้ตระหนักรู้ก็เพียงพอที่นางจะเอาไปใช้ประโยชน์ในการใช้ชีวิตแล้ว
การมาครั้งนี้ของนางไม่ได้เปล่าประโยชน์เลย!
มู่เฉียนซีเดินอยู่ในชั้นห้าที่มีพิษร้ายแรงแห่งนี้ราวกับเดินอยู่ในสวนสมุนไพรของตัวเองก็มิปาน เดินเลือกสมุนไพรพิษและดอกไม้พิษที่ตนเองต้องการด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายสบาย ๆ จากนั้นนางก็เริ่มหลอมยาพิษแล้ว
ไม่นานนัก กลิ่นหอมของยาพิษก็ตลบอบอวลออกมา ทำให้ทุกคนหนาวสั่นสะท้านขึ้นมา
พวกเขามีความรู้สึกขนลุกขนพอง ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีหลอมพิษชนิดใด แต่มันต้องเป็นยาพิษที่อันตรายมากเป็นแน่
หลังจากที่มู่เฉียนซีหลอมยาเสร็จนางก็ได้เอายานั้นออกมา เสี่ยวเย่าประกาศออกมาอย่างไม่รีรอว่าได้ผ่านแล้ว!
จะไม่ได้ผ่านได้อย่างไรกันเล่า เพราะนี่ต้องเป็นยาพิษที่ดีที่สุดแน่นอน!
ตั้งแต่มู่เฉียนซีขึ้นมาจนกระทั่งนางหลอมยาเสร็จ เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย นางก็ผ่านแล้ว!
คนอื่น ๆ ล้วนแต่รู้สึกมึนงงไปหมด นี่มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
“คนงาม ข้าจะส่งเจ้าไปชั้นหก เจ้าจะต้องขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดให้ได้เชียวนะ! โอ้ โอ้ โอ้ ข้านั้นตั้งตารอเหลือเกิน!” เสี่ยวเย่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ช้าก่อน!”
มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าไป๋เหลิ่งชวง “เจ้าเห็นข้าเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าไม่ใช่เหรอ หากแพ้อยู่ที่นี่มันก็ดูห่างไกลไปหน่อยนะ”
ไป๋เหลิ่งชวงกล่าว “เมื่อก่อนข้าถือเกียรติของตัวเองมากเกินไป หากจะแพ้อยู่ในชั้นนี้ ก็สมควรแล้ว!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “สามารถทำให้ผู้ที่หยิ่งยโสเช่นเจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ ดูท่าการสั่งสอนของหอโอสถจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ข้าให้เจ้า…”
มู่เฉียนซีหยิบยาแก้พิษออกมาวางให้ตรงหน้านาง ไป๋เหลิ่งชวงกล่าว “นี่เจ้ากำลังสงสารอย่างนั้นเหรอ ?”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าในการคัดเลือกครั้งนี้ ข้าก็เห็นเจ้าเป็นคู่ต่อสู้เช่นกัน ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน เจ้าก็ยังดีกว่าเจ้าอวี้ผู้โง่เง่าหน้าเขียวนั่นไม่ใช่เหรอ ?”
โง่เง่า! เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีด่าทอเขาเช่นนี้ อวี้เหลียนชิงก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเนื้อมู่เฉียนซีออกเป็นเสี่ยง ๆ
ทว่า น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาโดนพิษแทรกซึมเข้าลึกเกินไป แม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกยืนขึ้นก็ไม่มี
มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่า “การหลอมยาพิษเป็นจุดอ่อนของเจ้า ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้ายังเอาออกมาใช้ไม่หมดเลยหนิ ข้าอยากจะให้เจ้าไปแข่งกับข้าที่สองชั้นข้างบนสักหน่อย ข้าคิดว่าเจ้าก็คงจะไม่สบายใจที่จะหยุดอยู่แค่ชั้นนี้หรอกใช่ไหม ขึ้นไปชั้นบนคงจะได้รับอะไรมากกว่านี้”
ไป๋เหลิ่งชวงนิ่งเงียบไป แต่ก็มีเกียรติในตนเอง นางยังคงไม่อยากรับการช่วยเหลือของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดซะว่ายานี้เป็นสิ่งตอบแทนจากข้าก็ได้ ตอนที่อยู่ชั้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าเจ้าจะบอกว่าไม่ได้ช่วยข้า แต่จริง ๆ ก็ถือว่าช่วยข้าแล้ว”
มู่เฉียนซีวางยาลง และกล่าวกับเสี่ยวเย่าว่า “เราไปชั้นหกกันเถอะ!”
“ได้เลย!”
ลำแสงสีขาวได้ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ และส่งนางไปยังชั้นหก อวี้เหลียนชิงทำได้แค่จ้องเขม็งมองมู่เฉียนซีถูกส่งตัวขึ้นไปด้วยความอิจฉาริษยาจนแทบจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว
ในที่สุดไป๋เหลิ่งชวงก็รับน้ำใจของมู่เฉียนซีเอาไว้ ส่วนอวี้เหลียนชิงก็ใจเด็ดหยิบยาวิญญาณออกมาเม็ดหนึ่งและกลืนเข้าไป
นี่คือยาแก้พิษช่วยชีวิตเม็ดเดียวที่ท่านอาจารย์ได้ให้เขาเอาไว้ แต่มันสามารถบรรเทาพิษร้ายแรงได้หลายชนิด
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ เขาไม่คิดที่จะสิ้นเปลืองยาแก้พิษเม็ดนี้เลย
ถึงแม้ว่าจะกินยาแก้พิษเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้พิษได้ทั้งหมด เพียงแต่สามารถทำให้อวี้เหลียนชิงเคลื่อนไหวได้ปกติเท่านั้น
อาการของไป๋เหลิ่งชวงดีกว่าเขามาก แต่ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ เป็นไปได้ยังไง ?
สาวน้อยผู้นั้นปรุงยาแก้พิษออกมาอย่างง่ายดาย แต่เหตุใดยาแก้พิษของนางถึงได้ดีกว่ายาแก้พิษของท่านอาจารย์ได้
มู่เฉียนซีปรุงยาแก้พิษตามพิษที่มีอยู่ในที่แห่งนี้ ผลของยาแก้พิษของนางย่อมดีกว่ายาแก้พิษสารพัดพิษของตาเฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาแน่นอน
ในชั้นที่หกเป็นห้องปรุงยาเดี่ยว มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวเย่า การทดสอบครั้งนี้คือสิ่งใด ?”
เสี่ยวเย่าตอบ “นี่คือสูตรยา!”
มู่เฉียนซีมองสูตรยาแล้ว เป็นสูตรยาระดับเก้า ไม่ยาก!
“สูตรยานี้ได้กำหนดจากพลังความแข็งแกร่งของคนงาม ตอนนี้คนงามเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง ต่อให้วิปริตมากกว่านี้เจ้าก็สามารถหลอมได้เพียงแค่ยาระดับเก้าเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่คือการทดสอบของชั้นที่หก สองชั้นสุดท้ายของหอโอสถ ข้าคิดว่าคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น!”
“ใช่ คนงาม เจ้าพูดถูกแล้ว เจ้าฟังข้าพูดต่อ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
“ภายในเวลาสามวัน เจ้าต้องหลอมยาออกมาให้เต็มกล่องนี้” กล่าวจบ กล่องไม้กล่องหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดยาวท่านิ้วโป้ง ภายในเวลาสามวันหลอมยาออกให้เต็มกล่อง ช่างง่ายดายเกินไปแล้ว
เป็นเพราะว่าง่ายเกินไปเช่นนี้มู่เฉียนซีจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเสี่ยวเย่าจะไม่ได้เปิดเผยความหมายของเขา มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจหลอมยาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หอโอสถได้จัดเตรียมอุปกรณ์ในการหลอมยาระดับเก้าให้กับนางเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะหลอมยามากมายแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าสมุนไพรจะไม่พอ
มู่เฉียนซีหลอมยาออกมาในคราเดียวอย่างรวดเร็วและเพียงพอที่จะบรรจุในกล่องไม้นั้นให้เต็ม แต่ทันทีที่นางเอายาใส่เข้าไป นึกไม่ถึงว่ายาเหล่านั้นจะอันตรธานหายไปหมด!
ดูเหมือนจะถูกกล่องกลืนเข้าไปก็มิปาน
“เสี่ยวเย่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“คนงาม ก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ กล่องใบนี้จะกลืนยาวิญญาณเข้าไป ดังนั้นเจ้าอย่าประเมินกล่องใบนี้ต่ำไป คิดจะใส่เข้าไปให้เต็ม มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น” เสี่ยวเย่าตอบ
มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว! ต้องมีความรวดเร็วพอ ภายในเวลาสามวัน หลอมออกมาให้เร็วพอ หลอมออกมาให้มากกว่าจำนวนที่สามารถบรรจุยาวิญญาณเต็ม เช่นนี้ก็สามารถบรรจุยาวิญญาณได้เต็มแล้ว”
นี่เป็นการทดสอบจำนวนการหลอมยาแน่นอน!
เสี่ยวเย่ากล่าว “ว่ากันว่านักปรุงยามักจะคิดว่า ทำสิ่งใดอย่างช้า ๆ จะได้พร้าเล่มงาม ยาระดับสูงบางอย่างก็ต้องใช้เวลาหลอมนับเดือนถึงครึ่งปีกว่าจะสำเร็จ”
“ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ หากมีคนนับหมื่นคนมาให้นักปรุงยาช่วยชีวิต แต่นักปรุงยาปรุงยาออกมาได้วันละเม็ด เช่นนั้นก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้ตั้งการทดสอบเช่นนี้ออกมา”
“ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา ยาประณีตและสมบูรณ์แบบนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ก็ต้องยกระดับประสิทธิภาพของยาด้วย”
เสี่ยวเย่าเจตนาตั้งการทดสอบเช่นนี้เพื่อบอกมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว!”
“เอาหล่ะ ข้าจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังและความสามารถแล้ว!”