“เอ่อ! นี่… จะว่าไปก็น่าอายไปหน่อย!” เสี่ยวเย่าพูดอย่างอาย ๆ
“เจ้าควรจะอธิบายให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แม้ว่าข้านั้นจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากโบราณกาล แต่หน้าที่หลัก ๆ ของข้าคืออยู่เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์เช่นพวกเจ้า เจ้าเองก็เห็นอยู่ ข้านั้นอยู่บนโลกนี้มานานเกินไป ร่างกายของข้าไม่มีการเสริมพลังทดแทน ข้าจึงต้องการคนเข้ามาใช้งานและทำให้ข้าไม่ตกไปอยู่ในสภาวะหลับใหล”
“แต่หลายพันปีมานี้ ข้าเร่ร่อนไปถึงหุบเขาโอสถ และแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดได้ จึงไม่มียาที่สามารถเติมเต็มพลังให้กับข้าได้”
“รอคอยมาหลายปีแล้ว ที่จริงข้าก็ไม่มีความหวังแล้ว จึงหลับใหลและตกอยู่ในความโกลาหลเช่นนี้ จนกระทั่งสาวน้อยปรากฏตัวขึ้น ทำให้ข้ารู้ว่ายังมีผู้ที่สามารถช่วยข้าได้ ”
“สาวน้อย ข้าจะรอเจ้าอีกสิบปี ข้าเชื่อว่าอีกสิบปีข้างหน้าเจ้าจะสามารถทําการทดสอบของชั้นที่เจ็ดได้อย่างแน่นอน ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพูดมากไปแล้ว รอมานับพันปีแล้ว จะรออีกสักวันหนึ่ง จะเป็นไรไป”
“แต่…”
“สาวน้อย เจ้าอย่าฝืนเลย การกลั่นยาระดับปฐพีที่ข้ามระดับ จะเกิดเรื่องขึ้นได้”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่สามารถปรุงยาระดับปฐพีได้ เจ้ามีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน เจอนักปรุงยามาก็มาก แต่ประสบการณ์และความคุ้นเคยของเจ้าไม่สามารถมาตัดสินข้าได้ อีกทั้งตอนนี้ข้าอยู่ในระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สอง ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง ”
“ระดับหนึ่งกับระดับที่สอง ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก!”
“เจ้ามองดูอยู่เงียบ ๆ เถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
การปรุงยาครั้งนี้ นางไม่ได้ใช้หม้อเทพปาฮวางชิงมู่อีกต่อไปแล้ว
แต่เป็นหม้อเทพนิรันดร์ หม้อวิญญาณนิรันดร์
เมื่อหม้อวิญญาณนิรันดร์ปรากฏขึ้น หอโอสถที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล หอคอยทั้งหลังเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับหอโอสถ?”
“หรือว่าหอโอสถจะตกอยู่ในสภาวะหลับใหลเร็ว ๆ นี้แล้ว และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว?”
“……”
เพราะทุกคนในหุบเขาโอสถกังวลกับหอโอสถมากเกินไป เมื่อหอโอสถเกิดอาการเพียงเล็กน้อย พวกเขาจึงเริ่มหวาดกลัว
“หม้อเทพนิรันดร์ หม้อวิญญาณนิรันดร์ ราชันย์แห่งหม้อทั้งปวงกลับยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย ความรู้สึกนี้ไม่มีผิด ต้องเป็นหม้อเทพนิรันดร์อย่างแน่นอน…” เสียงของเสี่ยวเย่าทั้งดังสนั่นและสั่นเครือ
ตั้งแต่มู่เฉียนซีเข้าสู่ชั้นแรก เสี่ยวเย่าก็รู้ได้ว่านางนั้นโดดเด่นมาก แต่ตอนนี้มันพึ่งจะพบว่ามันได้ประเมินมู่เฉียนซีต่ำไปอย่างสิ้นเชิง
ผู้เป็นเจ้าของหม้อเทพนิรันดร์ย่อมแข็งแกร่งกว่าที่มันคาดไว้เป็นพันเท่าอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะดูออก ในเมื่อดูออกแล้วก็จงอย่าได้แพร่งพรายออกไป อย่าได้บังคับให้ข้าต้องฆ่าหอโอสถปิดปาก!”
เสี่ยวเย่าตอบ “สาวน้อย เจ้าวางใจได้! ถึงข้าตายก็จะไม่พูด”
“อืม!”
มู่เฉียนซีเคยปรุงยาระดับปฐพีมาก่อน แม้ว่าตอนแรกจะมีจวินโม่ซีคอยช่วย แต่นางก็ยังมีประสบการณ์ในการปรุงยาระดับต่ำ
ยานั่นถูกใช้ไปหมดแล้ว ตอนนี้นางทําได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นไปหนึ่งขั้น บวกกับประสบการณ์ที่มี นางสามารถลองดูได้!
มู่เฉียนซีถามว่า “ระดับปฐพีขั้นที่หนึ่ง ก็เพียงพอแล้วหรือ?”
“เนื่องจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีข้อจํากัดด้านอายุ การที่อายุไม่เกินสามสิบปีแต่สามารถเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาได้ การปรุงยาระดับปฐพีจึงถือว่าเป็นอัจฉริยะมากแล้ว นายท่านของข้าไม่ได้ให้ความสําคัญกับระดับขั้น แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ! ”
“หากการกลั่นยาระดับปฐพีขั้นที่หนึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วน เช่นนั้นก็จะสามารถผ่านด่านได้”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”
มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดออกมาและเริ่มปรุงยา
มู่เฉียนซีทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไปในการหลอมโอสถ เสี่ยวเย่ามองดูการเคลื่อนไหวของนางและรู้สึกร้อนใจยิ่งกว่ามู่เฉียนซีเสียอีก
“ต้องสําเร็จ ต้องสําเร็จอย่างแน่นอน!”
“เจ้าของหม้อเทพนิรันดร์ การปรุงยาระดับปฐพีต้องเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน”
“โอ้! ลืมบอกกับสาวน้อยคนสวยว่าการทดสอบการปรุงยาในขั้นที่เจ็ดมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! เมื่อล้มเหลวแล้วก็จะตกรอบไปในทันที! จะทําอย่างไร? จะทําอย่างไรกันดี? ”
แม้ว่าเสี่ยวเย่าจะใช้เรื่องที่มู่เฉียนซีเป็นเจ้าของหม้อเทพนิรันดร์เพื่อปลอบใจอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้ว่านางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบกว่าปี และเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองเท่านั้น
ภายใต้ความกังวลอย่างหาที่เปรียบมิได้ของเสี่ยวเย่า เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ก็ยังไม่ได้กลิ่นโอสถหอม ๆ เลย
“บ้าเอ๊ย! พลังวิญญาณไม่พอแล้วจะทําอย่างไรดี?” เสี่ยวเย่าสังเกตเห็นสถานการณ์ของมู่เฉียนซีก็กระโดดโลดเต้นอย่างร้อนใจ
ถ้ามันมีความสามารถที่จะช่วยให้มู่เฉียนซีเพิ่มพลังวิญญาณขึ้นมาได้เล็กน้อย มันก็คงจะพุ่งเข้าไปนานแล้ว
พลังวิญญาณไม่เพียงพอก็คงถูกกำหนดให้ล้มเหลว และสิ่งที่แย่กว่านั้นคือคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นเจ้าของมัน สามารถทําได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากล้มเหลวก็จบสิ้นแล้ว
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่รู้ว่าความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจะทำให้จบสิ้นลง แต่ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้กลางคัน มือข้างหนึ่งกําลังปรุงยา และอีกมือหนึ่งก็หยิบเข็มยาออกมาเข็มหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าดูไม่มีสมาธิ! เสียสมาธิเช่นนี้แต่กลับไม่ทำเตาระเบิด เสี่ยวเย่าก็ตะลึงงันเช่นกัน
ในตอนนั้นที่อยู่ในถิ่นของเจ้าเฒ่าประหลาดนั่นได้ทำการฝึกฝนต่อต้านต่อสิ่งรบกวนจิตใจมาแล้ว นี่แค่การเบี่ยงเบนสมาธิเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร
แน่นอนว่ายาที่มู่เฉียนซีสกัดออกมานั้นเทียบมิได้กับยาระดับสวรรค์ของจวินโม่ซี แต่ก็พอที่จะทำให้พลังของนางนั้นเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถสกัดยาที่มีระดับขั้นต่ำ ๆ ออกมาเม็ดหนึ่งได้อย่างแน่นอน
เสี่ยวเย่าประหลาดใจมากที่พบว่าเมื่อมู่เชียนซีใช้เข็มเล็ก ๆ เล่มนั้น พลังวิญญาณของนางที่ไม่เพียงพอก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังวิญญาณมากมายขนาดนี้ เพียงพอที่จะประคองนางให้หลอมยาจนเสร็จ
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เม็ดยาก็จะประสบความสําเร็จ ด้วยระดับการปรุงยาของสาวน้อย คุณภาพของยาย่อมไม่มีปัญหา
ตอนนี้เสี่ยวเย่าตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดโลดเต้น แต่เม็ดยาจะสำเร็จได้ ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เสี่ยวเย่าและคนอื่น ๆ ร้อนใจราวกับถูกไฟเผา!
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็หยุดมือ
เสี่ยวเย่ารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นหอมของโอสถ หรือว่านางจะล้มเหลว
“สําเร็จแล้ว!”
คําสามคํานี้ของมู่เฉียนซี เหมือนได้มอบยาสงบใจให้กับมัน!
“สําเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริง ๆ หรือ? ทําไมไม่มีกลิ่นหอมของโอสถ! ”
เมื่อหม้อยาเปิดออก กลิ่นหอมของโอสถก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป กลิ่นหอมที่เข้มข้นนั่นของเม็ดยาระดับปฐพี ทําให้เสี่ยวเย่ารู้สึกมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“มันสําเร็จ! มันสําเร็จแล้วจริง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีกลิ่นหอมของโอสถ แต่หม้อเทพนิรันดร์ได้ปิดกั้นการระเหยของกลิ่นหอม ทําให้คุณภาพของยาดียิ่งขึ้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ระดับค่อนข้างต่ำ แน่นอนว่าต้องพยายามทำให้สมบูรณ์แบบ หากถึงตอนนั้นมีข้อบกพร่องเล็กน้อยทำให้ไม่ผ่าน ก็คงน่าเสียดาย”
“ผ่าน ต้องผ่านแน่นอน” แน่นอนว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องที่เครื่องกลไกวิญญาณจะสามารถตัดสินอย่างจบสิ้นได้ด้วยตัวมันเอง
ทุกอย่างต้องได้รับการตรวจสอบโดยหอโอสถก่อนถึงจะผ่านได้ จากนั้นแสงสีขาวก็ได้ปกคลุมมู่เฉียนซีเอาไว้
เสี่ยวเย่ากล่าว “ยินดีด้วย ที่ได้เป็นนักปรุงยาที่ผ่านการทดสอบเจ็ดชั้นของหอโอสถในรอบหลายพันปี เจ้าจะได้รับสมุนไพรวิญญาณครึ่งหนึ่งของหอโอสถในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา”
รางวัลนี้ ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวเลยสักนิด!
“ถ้าหากว่าเจ้าสามารถปรุงยาที่สามารถมอบพลังให้แก่หอโอสถได้ ยาสวรรค์ว่านหลิง เช่นนั้นสมุนไพรวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งก็จะเป็นของเจ้า”
ม้วนคัมภีร์สีขาวลอยมาตรงหน้ามู่เฉียนซี
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสูตรยาของเม็ดยาสวรรค์ว่านหลิงทําให้มู่เฉียนซีเปิดม้วนคัมภีร์นี้และต้องตะลึงงันเมื่อได้เห็นเนื้อหาด้านบน
“เสี่ยวเย่า สําหรับข้าในตอนนี้ นี่มันเป็นภารกิจที่ไม่อาจทําสําเร็จได้”