“นายน้อย ต้องการให้พวกเราลงมือหรือไม่” พวกองครักษ์ระดับมหาจักรพรรดินั้นก็รู้ว่ากระบี่เล่มนั้นของมู่เฉียนซีไม่ธรรมดา
“พวกเจ้าคอยปิดทางเอาไว้ อย่าให้นางหนีไปได้ก็พอ ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง!”
หลังจากพูดจบ อวี้เหลียนชิงก็ได้ลงมืออีกครั้ง
ลมพายุอันน่ากลัวได้รอบล้อมตัวของมู่เฉียนซีเอาไว้ และอวี้เหลียนชิงก็ได้กวัดแกว่งกระบี่ไปมาอยู่หลายครา
ปราณกระบี่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงนั้นทำให้บรรยากาศรอบด้านร้อนผ่าวขึ้นมา อวี้เหลียนชิงกล่าว “มู่เฉียนซี หากว่าเจ้ายอมแพ้เสียแต่โดยดีและขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้าจากใจจริง บางทีข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปสักครั้งก็ได้ ?”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีพลันปรากฏกายขึ้นที่ด้านหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าค่อย ๆ ฝันกลางวันไปเองเถอะ!”
“ทักษะเทียนซวน!”
พลังทำลายล้างอันแรงกล้าพลังหนึ่งได้พุ่งเข้าซึ่ง ๆ หน้า ถึงแม้ว่าอวี้เหลียนชิงจะเป็นระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ด แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหลบหลีกไปได้
“นายน้อย!”
“……”
เดิมทีองครักษ์เหล่านั้นก็คิดว่านายน้อยของพวกเขานั้นจะต้องชนะจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองได้อย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วจึงมิได้กังวลอะไรมากมาย แต่ว่าบัดนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“บึ้ม!”
ทั้งตัวของอวี้เหลียนชิงได้กระเด็นลอยออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะได้ใช้พลังทั้งหมดของตนที่มีอยู่มาป้องกันตนในจังหวะสุดท้าย แต่เขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ดี
“พรวด!” เขากระอักเลือดออกมาราวกับว่าจะคายอวัยวะภายในที่แตกสลายออกมาด้วย
เสียงดังนั้นได้ยินไปยังอีกฝั่งที่กำลังสู้รบกันอยู่ หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวขึ้น “แย่แล้ว!”
“ที่ทางด้านเสี่ยวซีเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
“หวังว่าเจ้าสามคงจะสามารถไปถึงได้ทันเวลานะ!” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น
ผู้อาวุโสที่สามที่กำลังเดินทางไปช่วยเหลือมู่เฉียนซีนั้นได้ถูกคนของหุบเขาหมอเทวดาขวางทางเอาไว้
“ผู้อาวุโสที่สาม เจ้ารีบร้อนเช่นนี้จะไปที่แห่งใดหรือ?”
“หลีกทางไป!” ในตอนนี้ผู้อาวุโสที่สามนั้นร้อนรนเหมือนดั่งไฟเผาใจ และได้ตะโกนใส่ผู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าไม่หลีก เจ้าจะทำอะไรได้?”
“นายน้อย!” การที่อวี้เหลียนชิงได้รับบาดเจ็บหนักทำให้เหล่าองครักษ์นั้นลนลาน
หนึ่งในองครักษ์เหล่านั้นได้พุ่งเข้าไปเอายารักษาบาดแผลให้อวี้เหลียนชิงกิน ส่วนอีกสองคนนั้นมองมู่เฉียนซีด้วยจิตสังหารอันคมกริบ
“สาวน้อย เจ้ากล้าทำให้นายน้อยของพวกเราได้รับบาดเจ็บหนัก เจ้ามันรนหาที่ตายนัก!”
มู่เฉียนซียักไหล่แล้วกล่าวขึ้น “นายน้อยของพวกเจ้าไร้ประโยชน์เกินไปนัก พอถูกข้าทำให้พ่ายแพ้ก็จะมาโทษข้าเช่นนั้นเหรอ?”
“เจ้ารนหาที่ตาย!” องครักษ์ทั้งสองได้ระเบิดอารมณ์โกรธออกมา และได้ลงมือโดยกะเอาตายกับมู่เฉียนซี
ปัง! แสงสีขาวแสงหนึ่งวาบขึ้นมา จากนั้นก็พลันปรากฏบางสิ่งที่ใหญ่มหึมาขวางกั้นเอาไว้ที่ด้านหน้าของนาง
เมื่อองครักษ์มองดูแล้วก็เห็นเป็นแมวสีขาวยักษ์ตัวหนึ่ง!
“เพลิงเผาสวรรค์!” แสงของเปลวเพลิงนั้นได้พุ่งออกไปและโจมตีพวกนั้นทั้งสี่คนในทันใด
“นายท่าน นายท่านหนีไปก่อน!” อู๋ตี้กล่าวขึ้น
ถึงแม้ว่าอวี้เหลียนชิงจะเป็นลูกศิษย์ที่ถูกถ่ายทอดวิชาโดยตรงมาจากผู้เฒ่าหุบเขาหมอเทวดา แต่ทว่าองครักษ์ที่ให้มากับเขานั้นมิใช่ระดับมหาจักรพรรดิขั้นที่สองหรือสาม
องครักษ์ทั้งสามคนนั้นเป็นแค่เพียงมหาจักรพรรดิระดับหนึ่งเท่านั้น และด้วยร่างกายของอู๋ตี้ที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนั้นสามารถต้านทานพวกเขาไว้ได้อยู่
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เสี่ยวหงกล่าวขึ้น “ให้เจ้ารีบกินสิ่งนั้นเข้าไปเพื่อที่จะได้รีบเพิ่มระดับขึ้นเจ้ากลับไม่ยอมทำ มาตอนนี้ต้องเผชิญเข้ากับระดับมหาจักรพรรดิเข้าก็ลำบากแล้วใช่หรือไม่?”
อู๋ตี้ก็กล่าวตอบไปอย่างเกรี้ยวกราด “ข้านั้นไม่วางใจว่าเจ้าที่เป็นหมูขี้เกียจนี่จะสามารถปกป้องนายท่านเอาไว้ได้หรือไม่? อย่างน้อยต้องรอให้นายท่านได้พบกับอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาซวนเสียและทำให้กระบี่มังกรเพลิงนั้นมั่นคงขึ้นมาเสียก่อนข้าถึงจะวางใจ”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัว หนึ่งตัวนั้นคอยกันท่าเอาไว้ อีกตัวหนึ่งคุ้มกันมู่เฉียนซีหนีไป
แต่ทว่าในตอนนี้ไม่ว่าในส่วนไหนของหุบเขาโอสถก็ล้วนแต่มิปลอดภัยทั้งนั้น
อวี้เหลียนชิงที่ได้รับบาดเจ็บหนักได้สติจากยารักษาระดับปฐพี เขาจ้องมู่เฉียนซีตาเขม็ง
เขาพ่ายแพ้เสียแล้ว! พ่ายแพ้ในเรื่องการปรุงยาก็ช่างเถอะ แต่ว่าในเรื่องการต่อสู้เขาก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่สาวน้อยที่เป็นเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองอีก
“จับนางไว้! สตรีผู้นี้ต้องมีความลับแน่นอน!” อวี้เหลียนชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
อายุเพียงสิบหกปี แต่ทักษะการปรุงยานั้นกลับเหนือกว่าศิษย์สายตรงของผู้เฒ่าหุบเขาหมอเทวดาอย่างเขามาก มีอาวุธวิญญาณที่ทรงพลัง สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามถึงสองตัว และยังมีทักษะวิญญาณที่สามารถก้าวข้ามห้าระดับได้!
จะบอกว่านางไม่มีเรื่องประหลาด? ไม่มีของล้ำค่าติดตัว! เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอน!
“ได้! นายน้อย!” ร่างอีกร่างหนึ่งกําลังเข้าใกล้มู่เฉียนซี และพยายามจะจับมู่เฉียนซีไว้!
ด้วยความเร็วของระดับมหาจักรพรรดิ มู่เฉียนซีใช้ย่างก้าวเงาเทวาและพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลบหลีก แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้
ในขณะที่องครักษ์ผู้นี้กําลังจะบีบคอที่ขาวเนียนของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นแหวนมังกรเทพวารีบนนิ้วของมู่เฉียนซีก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมา
แสงสีเขียวนี้ปกคลุมแม้กระทั่งแสงสีขาวของหอโอสถ พืชและสมุนไพรวิญญาณทั่วทั้งหอโอสถก็ได้ทอประกายแสงสีเขียวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฉียนซีตะลึงงัน นี่คือพลังชีวิต พลังแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งมาก
อวี้เหลียนชิงและองครักษ์ของเขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าจะมีสมบัติอะไรโผล่ออกมาอีก?”
กร๊อบ! องครักษ์ที่พยายามจะจับตัวมู่เฉียนซี จู่ ๆ มือของเขาก็ถูกคนหัก
ความเจ็บปวดจากการถูกหักมือทําให้เขาได้สติกลับมา เขาสบเข้ากับดวงตาสีดําสนิทคู่หนึ่ง
แสงสีเขียวจางลงและร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ชุดสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างกายที่งดงามอย่างไร้ที่ติ ผมดําที่ลื่นไถลตกลงมาถึงพื้นและยาวมาก
ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับภาพทิวทัศน์ที่ได้เห็นในเมฆหมอกยามเช้าตรู่ ความงดงามที่ชวนให้หลงใหลทําให้ผู้คนลุ่มหลงจนไม่อาจถอนตัวได้
ในโลกนี้กลับมีบุรุษที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย ความสงบดุจภาพวาดสีน้ำหมึก กลับทําให้หัวใจของผู้คนเต้นระรัวไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ตราบใดที่พวกเขาชอบความงามก็จะถูกดึงดูดโดยใบหน้านี้
“ชิงอิ่ง! เจ้าตื่นแล้ว!” มู่เฉียนซีมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ และใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความดีใจ
“เจ้าเป็นใคร?” องครักษ์ผู้นั้นถอยหลังไปหลายก้าว คนตรงหน้าผู้นี้ไม่มีคลื่นพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว
ชิงอิ่งเมินคนสามคนตรงหน้านี้แล้วหันหน้าไปมองมู่เฉียนซี ดวงตาที่ไร้การตอบสนองดูราวกับมีประกายความดีใจขึ้นมา
คิ้วที่สวยงามขมวดเล็กน้อยมือของเขาวางลงบนหัวใจของเขาและกล่าวว่า “เฉียน ตรงนี้เต้น”
มู่เฉียนซีเดินไปหาชิงอิ่ง เขย่งปลายเท้าขึ้นเข้าใกล้หัวใจของเขา และได้ยินเสียง ตุบตุบตุบ!
ก่อนหน้านี้ ชิงอิ่งเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่มีลมหายใจไม่มีการเต้นของหัวใจ แต่ตอนนี้หัวใจเต้นแล้ว ดูเหมือนกับคนผู้หนึ่งที่มีชีวิต
เมื่อลมหายใจที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ ชิงอิ่งก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วขึ้น
หัวใจสามารถเต้นช้าและเร็วขึ้น? มันแปลกจริง ๆ
“นายน้อย? จะทํายังไงกันดี?” การปรากฏตัวของชิงอิ่งทําให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างพิลึกเกินไป พวกเขาจะหนีหรือจะสู้!
เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น การต่อสู้อีกฝั่งหนึ่งก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ผู้เฒ่าไป๋ตอบ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? เม็ดยาระดับสวรรค์เจ็ดสีและยังมีพลังชีวิตนี้ ดูเหมือนว่าความลับของหุบเขาโอสถของพวกเจ้าจะไม่ได้มีแค่หอโอสถแห่งนี้เท่านั้น!”
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเองก็รู้สึกจนปัญญาเช่นกัน เขาเองก็อยากรู้มากว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
แสงของพลังชีวิตสีเขียวนั้น คืออะไรกันแน่?
ชิงอิ่งเอ่ยปากถาม “เฉียน! ฆ่าหรือไม่ฆ่า?”