“บ้าจริง! สำนักปีศาจดำกลับถือโอกาสนี้ผสมโรงเข้ามาด้วย” สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดมืดครึ้มลง
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “เจ้าบัดซบนี่ยังมีหน้าจะโผล่ออกมาอีก”
หัวหน้าหุบเขาซือคงได้มอบยาเม็ดหนึ่งให้แก่เจ้าสำนักปีศาจดำ “ยาเม็ดนี้สามารถเพิ่มขีดพลังความสามารถขึ้นมาได้หนึ่งขั้น นั่นจะทำให้เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สี่ เจ้าจงขัดขวางเจ้าเฒ่านั้นไว้ให้ข้า ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าอยู่หนึ่งหนี้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ท่านหัวหน้าหุบเขาซือคงเป็นผู้ที่ตรงไปตรงมา ข้าตกลง!” เจ้าสำนักปีศาจดำหัวเราะพร้อมกล่าวออกมา
พลังของเขานั้นได้เพิ่มขึ้นจนถึงขั้นพอประมาณกันกับอาจารย์ใหญ่ซวน และเขาได้รั้งอาจารย์ใหญ่ซวนเอาไว้
สมาชิกคนอื่น ๆ ของสำนักปีศาจดำก็ได้เริ่มปฏิบัติการ กำลังของฝ่ายหุบเขาหมอเทวดาก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ซือคงได้พุ่งเข้ามาทางมู่เฉียนซีทันที เขานั้นรู้ดีว่าชายชุดสีเขียวนั้นอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี เขานั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรมู่เฉียนซีได้เลย
ปัง! เขาเข้าไปต่อสู้พัวพันกับชิงอิ่งอีกครั้ง
ชิงอิ่งนั้นเริ่มลงมืออย่างดุดันมากขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของมู่เฉียนซีในตอนนี้ว่ามันแย่เพียงใด เช่นนั้นจึงจำต้องจัดการกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ชิงอิ่งผู้ที่เป็นอาวุธสังหารอันวิปริตได้ออกห่างจากตัวของมู่เฉียนซีไป นั่นจึงทำให้ผู้อื่นเริ่มมีความกล้าที่จะลงมือกับมู่เฉียนซี
ซวนอี้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว พวกหุบเขาหมอเทวดาไม่กล้าที่จะทำอะไรกับสำนักศึกษา พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีสำนักปีศาจดำนั้นมีความแค้นกับสำนักศึกษาซวนเสียอยู่แล้ว มาตอนนี้ได้ถือโอกาสตอนที่เกิดความวุ่นวายบุกเข้ามาซ้ำเติม ซวนอี้ตอนนี้เรายังไปไม่ได้!”
สีหน้าของซวนอี้มืดครึ้มลง เขารู้ดีว่าพวกสำนักปีศาจดำนั้นมีจิตใจเป็นอย่างไร
แม้ว่านักศึกษาทั้งหมดจะถูกพาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย แต่ถ้าหากว่าท่านอาจารย์มิสามารถที่จะรับมือกับการโจมตีจากหัวหน้าหุบเขาซือคงและเจ้าสำนักปีศาจดำได้ละก็ เช่นนั้นผลลัพธ์ของเรื่องนี้ก็มิอาจที่จะจินตนาการได้เลย
“แต่ว่า…” ในอารมณ์ของซวนอี้นั้นซับซ้อนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
เขานั้นไม่อยากที่จะให้เกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซี แล้วก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับสำนักศึกษา แต่ว่าตอนนี้นั้นยากลำบากทั้งสองหนทาง
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังสามารถสู้ต่อไปได้ ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการพวกมันได้!”
มู่เฉียนซีได้ตัดสินใจเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การปกป้องจากอาจารย์ คุณธรรมของซวนอี้ อาจารย์ใหญ่ซวนที่สนับสนุนให้ท้ายนักศึกษาของตนโดยไม่พูดพร่ำแต่อย่างใด นางเองก็ไม่สามารถที่จะจากไปเช่นนี้ได้
ถ้าหากว่าสำนักปีศาจดำไม่ได้มาเข้าผสมโรงด้วย นางจากไปก่อนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรให้วุ่นวายนักเนื่องจากหวั่นในชื่อเสียงของตน
แต่พวกสำนักปีศาจดำนั้นไม่สนใจอะไรในเรื่องพวกนี้ เพราะเดิมทีพวกเขานั้นก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับหุบเขาโอสถอยู่แล้ว
ซวนอี้กล่าว “เจ้าระวังตัว…”
“หลบไป!” มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงอันตรายเลยได้ผลักตัวซวนอี้ออกไปทันที!
ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีผู้ซุ่มโจมตีซวนอี้จากในมุมมืด นี่ไม่ใช่คนของหุบเขาหมอเทวดาอย่างแน่นอน หากแต่เป็นคนของสำนักปีศาจดำ
คาดว่าพวกสำนักปีศาจดำคงจะต้องคิดว่าการฆ่าลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากอาจารย์ใหญ่ซวนจะต้องทำให้อาจารย์ใหญ่ซวนเสียใจอย่างที่สุดเป็นแน่
ฟึบ! หัวไหล่ของมู่เฉียนซีได้ถูกแทงทะลุและได้ล้มลงไปบนพื้น
“เฉียนซี!”
“อิ๋นเย่า!” ซวนอี้ได้ให้สัตว์พันธสัญญาของตนเองตามไปฆ่าผู้ที่มาลอบสังหารผู้นั้น
ที่จริงแล้วหุบเขาหมอเทวดาต้องการที่จะจับเป็น มิได้หมายใจจะสังหาร
“ยังไม่ตายก็ดีแล้ว!”
“……”
เมื่อมู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บหนัก ส่วนคนที่เหลือของพวกนั้นก็ได้เข้ามาล้อมมู่เฉียนซี ส่วนซวนอี้นั้นก็ได้ยืนกันที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้
เขานั้นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับที่หนึ่ง ซึ่งนั่นมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีได้รีบใช้ยาเพื่อหยุดไม่ให้เลือดตนเองไหล และในตอนที่นางกำเข็มยาอยู่นี่เองก็พลันมีมือคู่หนึ่งที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้แต่น้อยเข้ามาจับมือของนางเอาไว้
มู่เฉียนซีได้ถูกชายในชุดสีดำนำเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ฟึด! เข็มยาที่จะใช้หยุดเลือดนั้นได้ถูกปักเข้าไป แต่นั่นมิใช่มู่เฉียนซีลงมือทำด้วยตนเอง
“อีกเข็มละ!” เสียงที่คุ้นเคยได้เข้าไปในหูของมู่เฉียนซี
“เจ้าทำเป็นจริงหรือ?” มู่เฉียนซีสงสัยเป็นอย่างมาก
เขามาที่นี่แล้ว!
“ทำเป็น!”
มู่เฉียนซีได้นำเข็มยาอีกเข็มส่งให้กับจิ่วเยี่ยแล้วกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย!”
จิ่วเยี่ยนั้นสามารถฉีดยาได้จริง ๆ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเขา แต่ด้วยความสามารถในการเรียนรู้ของเขาประกอบกับได้เห็นมู่เฉียนซีทำมาแล้วตั้งหลายครั้งเช่นนั้น เขาจะทำไม่เป็นได้อย่างไร
จิ่วเยี่ยมองรูบาดแผลที่มีเลือดไหลนั่นอย่างอันตราย เขากล่าวด้วยเสียงขรึม “ข้าก็แค่คิดถึงเจ้ามากเท่านั้นก็เลยจะมาแอบดูเจ้าสักหน่อย แต่กลับได้พบว่าเจ้านั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเสียแล้ว”
เขาได้เพิกเฉยต่อเสียงอึกทึกในสนามศึก และได้ใส่ยาลงไปในบาดแผลของมู่เฉียนซีด้วยความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก
ปัง! ซวนอี้ได้รับบาดเจ็บหนักและล้มลงบนพื้น และคนเหล่านั้นที่ต้องการจะจับตัวมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งเข้ามา
ในตอนนี้มู่เฉียนซีนั้นได้ถูกชายแปลกหน้าผู้หนึ่งกอดเอาไว้ ชายผู้นี้ใส่ชุดคลุมยาวสีดำทั้งตัวที่มีความมืดมิดเหมือนดั่งรัตติกาลอันมืดสนิท และตัวเขาเองนั้นก็ดูเยือกเย็นเหี้ยมโหดเหมือนดั่งเทพมาร
“เจ้าเป็นใคร? ส่งตัวมู่เฉียนซีออกมา”
เจ้าพวกมดปลวกเหล่านี้กลับกล้ามารบกวนการที่เขากำลังใส่ยาให้มู่เฉียนซี
สายตาของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ในเวลาเพียงชั่วพริบตาคนเหล่านี้ก็ได้ถูกพลังบางอย่างกุมขังเอาไว้
“อ๊าก!” พวกเขามองเห็นเลือดเนื้อของตนเองกำลังสลายหายไปด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ทัน และไม่นานนักร่างของพวกนั้นก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปโดยสมบูรณ์
เรื่องทั้งหมดนี่มันช่างน่าหวั่นพรึงนัก ที่จริงแล้วยังมีผู้ที่คิดจะเข้ามาพิชิตตัวมู่เฉียนซีอีก แต่เมื่อได้เห็นฉากนี้เข้าไปก็ถอยหนีกันออกไปไกลพอประมาณ
พวกนั้นมองชายชุดคลุมยาวสีดำนี้ด้วยความตกตะลึง พลังนี้มันน่ากลัวมากขนาดไหนกัน?
แม้แต่มือยังมิต้องขยับ ก็สามารถทำให้คนกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปได้แล้ว
ไม่มีใครเข้ามาขวางหูขวางตา จิ่วเยี่ยจึงได้พันแผลของมู่เฉียนซีจนเสร็จอย่างสงบ
มู่เฉียนซีอยากที่จะลุกยืนขึ้นมา แต่ก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยอุ้มขึ้นมากลางอากาศ
“เป็นผู้ป่วยก็อย่าได้ขยับตัวมาก!”
“เดี๋ยวข้าจัดการพวกนั้นเอง ก็เรียบร้อยแล้ว!”
น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยที่กล่าวออกมาราวกับจัดการเก็บขยะก็มิปาน
ทันใดนั้นศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า แต่ละคนก็ได้ค่อยกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไป มันเริ่มขึ้นจากพวกที่อยู่ต่ำกว่าขั้นมหาจักรพรรดิ
จากนั้นก็เป็นขั้นมหาจักรพรรดิ…
มู่เฉียนซีได้จับมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าอย่าได้ทำอะไรมากมายนัก”
ผลหลังจากการใช้พลังมากเกินไปนั้น มู่เฉียนซีรู้ดีเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไร! แค่มหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นหนึ่งเท่านั้นเอง!”
ชั่วเวลาเพียงพริบตา พวกมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปทั้งหมด
แกรก! แกรก! ลมแรงสายหนึ่งพัดมาก็ได้ทำให้โครงกระดูกพวกนั้นล้มลงไปกองบนพื้น
เดิมทีในการทำสงครามนั้นมีผู้บาดเจ็บและก็ผู้ล้มตาย แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวได้รวดเร็วเช่นนี้นี่!
สำนักศึกษาซวนเสียในตอนนี้ราวกับกลายเป็นสมรภูมิเทพอสูรก็มิปาน
ในเวลาอันสั้นก็ได้มีคนจำนวนมากมายกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปเสียแล้ว ช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ
เจ้าสำนักปีศาจดำนั้นไม่ได้มีความกล้าอะไรมากนัก เมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็ได้กลัวเสียจนจิตวิญญาณแตกกระเจิง เขากล่าวขึ้น “ไป! พวกเรารีบไปเร็ว!”
เมื่ออาจารย์ใหญ่ซวนไม่มีคู่ต่อสู้แล้ว แน่นอนว่าเขาก็จะไปสู้กับหัวหน้าหุบเขาซือคง
และในตอนนี้คนเหล่านั้นที่หุบเขาหมอเทวดาได้จ้างมาก็ได้ถูกทำให้กลัวจนโง่งมไปหมดแล้วเช่นกัน!
“ท่านหัวหน้าหุบเขาซือคง พวกเราไม่เอาด้วยแล้ว ต่อให้พวกท่านให้ค่าตอบแทนมากกว่านี้พวกเราก็ไม่เอาแล้ว”
“ไป! ไปเร็ว!”
ท้ายที่สุดผู้ที่อยู่ต่อก็มีเพียงแต่พวกยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิขั้นที่สองขึ้นไปที่หัวหน้าหุบเขาซือคงได้นำมาจากหุบเขาหมอเทวดา
จวินโม่ซีได้ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า เจ้าวิปริตนี่ช่วยประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว
ทันใดนั้นฝ่ายศัตรูก็ได้กลายเป็นฝ่ายที่โดดเดี่ยวขึ้นมา
“หยุด! ไม่สู้แล้ว! ไม่สู้แล้ว!” หัวหน้าหุบเขาซือคงตะโกนออกมาก
พวกเขานั้นได้ถอยออกไปไกลอย่างรวดเร็ว หัวหน้าหุบเขาซือคงมองไปยังจิ่วเยี่ยด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ชายชุดดำผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน?
เขานั้นไม่สามารถอ่านความแข็งแกร่งของชายผู้นั้นออกได้เลย วิธีการเมื่อครู่นี้ถึงต่อให้เป็นท่านผู้เฒ่าก็ไม่สามารถที่จะทำได้
เขามองไปยังหญิงสาวผู้ที่ถูกชายชุดดำอุ้มกอดอยู่ในอกเหมือนดั่งสมบัติล้ำค่านั้น เขาก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
บ้าจริง ไม่ได้สืบหามาก่อนว่ามู่เฉียนซีนั้นมีใครคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นี่เป็นความผิดของตัวเขาเอง!
หัวหน้าหุบเขาซือคงยิ้มแล้วกล่าว “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นการเข้าใจผิด เป็นการเข้าใจผิดการอย่างแน่นอน!”