มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “รอข้าอย่างนั้นเหรอ ข้าก็สนใจซะด้วยสิ”
ซวนอี้กล่าว “เฉียนซี ระวังตัวด้วย!”
ด้วยกำลังของเขา เดินขึ้นมาถึงตรงนี้ได้นับว่าเสียแรงมากแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะร่วมต่อสู้ได้ ไม่อาจช่วยมู่เฉียนซีได้
หลังจากที่ซวนอี้กล่าวจบ ตอนนี้เหลิ่งหลินก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเขา
เหลิ่งหลินมองไปที่ซวนอี้ด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เจ้า เจ้าขึ้นมาได้ยังไง นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?”
เขาเป็นคนที่ทำให้ซวนอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเจ้าหมอนี่อาการบาดเจ็บสาหัสเพียงใด!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังโดนพิษงู ไม่ตายก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะมีแรงและขึ้นมาถึงตรงนี้ได้
แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับยังมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดตรงหน้านี้บอกเขาว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ในขณะที่เหลิ่งหลินกำลังฟุ้งซ่านอยู่นั้น เข็มยาของมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งออกไปแล้ว
“บัดซบ! กล้าลอบทำร้ายข้า” เหลิ่งหลินด่าทอและรีบหลบเข็มยาเหล่านั้นของมู่เฉียนซี
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดซวนอี้ถึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ ตอนนี้เขาต้องรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อรับมือกับมู่เฉียนซี
“พลังอ่อนแอ ฝีมือก็อ่อนหัดเช่นนี้นั่นแหละ เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างนั้นเหรอ ?” เหลิ่งหลินกล่าวอย่างดุดัน
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว “เช่นนั้น เจ้าก็ลองดู”
“นี่เจ้ารนหาที่ตาย” เผชิญหน้ากับการยั่วยุของมู่เฉียนซีเช่นนี้ สีหน้าของเหลิ่งหลินก็ดูน่ากลัวขึ้นทันที
ฟ่อ! งูขาวขนาดเล็กเท่าหัวมือหลายตัวพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเอาผงยาห่อหนึ่งออกมาแล้วโรยอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนว่างูขาวขนาดเล็กแต่ละตัวเหล่านี้จะได้รับการกระตุ้นทางจิตก็มิปาน
พวกมันยิ่งดุร้ายมากขึ้น จิตสังหารยิ่งรุนแรงมากขึ้น ทว่า เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่มู่เฉียนซี แต่เป็นเหลิ่งหลิน
ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ! งูขาวเหล่านั้นเลื้อยกลับไปพุ่งไปที่เหลิ่งหลิน
นี่เป็นเรื่องที่เหลิ่งหลินคิดไม่ถึงแน่นอน!
“บัดซบยิ่งนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เขาเป็นถึงผู้ที่มีฝีมือฝึกสัตว์ได้ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อ แต่ไหนแต่ไรมาการที่งูวิญญาณฆ่าเจ้านายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
เขารีบหลบอย่างรวดเร็ว ทว่า ความเร็วของงูนั้นเร็วกว่าเขา
ฉึก!
ไม่นานนักบนมือของเขาก็ปรากฏรอยเขี้ยวงูหลายเขี้ยว เลือดสีแดงสดไหลออกมา
ฟ่อ! เขาร่นตัวถอยหลังออกไปหลายก้าวด้วยความเจ็บปวด ทว่า สัตว์เลี้ยงของตนเองนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมปล่อยเขา ดูท่าหากเขาไม่ตายก็คงจะไม่ยอมปล่อย
จินซ่านซ่านเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “เก่งกาจเกินไปแล้ว นี่ทำให้หมากัดกันเอง งูพิษกัดกันเอง วิเศษจริง ๆ!”
เหลิ่งหลินได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็ดำคล้ำด้วยความโกรธ
เดิมทีเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญควบคุมงูพิษ ร่างกายของเขานั้นยังมีความสามารถต้านทานพิษงูได้
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกงูพิษของตนเองกัด แต่กลับไม่ได้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเหมือนกับซวนอี้ ตอนนี้เขาได้พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
“นังผู้หญิงสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ภายใต้ความโกรธแค้นของเขานั้น ความเร็วของเขาก็ยังคงสู้ความเร็วของมู่เฉียนซีไม่ได้!
ปัง ตูมตูม! การโจมตีอย่างบ้าคลั่งนี้ไม่ได้ผลแต่อย่างใด
พรวด! เป็นเพราะเขาใช้พลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง พิษงูในร่างกายจึงได้กำเริบขึ้นจนทำให้เขากระอักเลือดคำโตออกมา
งูพิษเหล่านั้นได้กลิ่นคาวเลือดก็พุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
ฉึก ฉึก! บนร่างของเขาตอนนี้ปรากฏรอยเขี้ยวงูมากมาย เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามรอยเขี้ยวงูนั้น
พรวด! เหลิ่งหลินกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง
เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง และเขาในตอนนี้ก็ไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อสู้แล้ว
คิดจะลงมือกับมู่เฉียนซี ก็ไม่อาจทำอันใดได้
“นี่นางทำได้ยังไงกันแน่ ?” เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่างูพิษของตนเองนั้นเสียการควบคุมไปได้เช่นไร
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้ามีความมั่นใจแค่ไหนในการควบคุมงูเหรอ แต่ข้าว่าพิษที่เจ้าเล่นมันยังอ่อนหัดไปหน่อยนะ สู้พิษของข้าไม่ได้หรอก”
ดวงตาของเหลิ่งหลินเบิกกว้างด้วยความตกใจ “นี่เจ้าวางยาพิษงูพิษของข้า ทำให้มันฆ่าเจ้านายของมันเองอย่างนั้นเหรอ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้เขาก็เปรียบดั่งปลาที่อยู่บนเขียงแล้ว ซวนอี้ลงมือแก้แค้นเถอะ!”
ในตอนนี้เอง ร่างสีทองอร่ามก็ได้พุ่งเข้ามาพลางกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า! สหายซวนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่มีแรงแล้ว เรื่องฉวยโอกาสแก้แค้นในขณะที่ศัตรูวิกฤตเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”
ตอนนี้จินซ่านซ่านได้ยืนอยู่ตรงหน้าเหลิ่งหลินด้วยสีหน้าที่โหดร้าย เหลิ่งหลินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าอ้วนจิน เจ้ากล้าเหรอ!”
ปัง! จินซ่านซ่านถีบเขาอย่างแรง
“เจ้าปล่อยงูพวกนั้นมากัดข้าทันทีที่ข้าเข้าไปในโรงเตี๊ยม นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็มีวันนี้ด้วย วันที่เจ้าโดนงูของตัวเองกัด ตอนนี้ข้ากล้าถีบเจ้า ดูสิว่าเจ้าจะกล้าทำยังไงกับข้า”
ปัง ปัง ปัง! เท้าของจินซ่านซ่านถีบอย่างโหดเหี้ยมมาก ร่างของเหลิ่งหลินกลิ้งลงบันไดไปราวกับก้อนหิมะก็มิปาน
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “รีบไปช่วยเขาเร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวกับจินซ่านซ่านว่า “เมื่อครู่เจ้าเตะได้อย่างสนุกสนานมาก ข้าให้เจ้าเตะงั้นเหรอ ข้าแก้แค้นให้เจ้างั้นเหรอ ?”
จินซ่านซ่านชี้ไปทางทิศตะวันตกและกล่าวว่า “พวกเรารีบขึ้นไปเถอะ ดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
เขากลัวมู่เฉียนซีจะโกรธเขาและเตะเขาลงเขาไปจริง ๆ ดังนั้นจึงหนีก่อนดีกว่า
ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน และมู่เฉียนซีก็ได้ขึ้นถึงยอดเขาเป็นคนแรก ซวนอี้เป็นคนที่สอง ส่วนจินซ่านซ่านเป็นคนที่สาม
ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้ว จินซ่านซ่านที่ได้อันดับสามในการแข่งขันรอบแรกก็ลุ่มหลงในความสำเร็จ เขามองไปทางทิศตะวันตกและกล่าวว่า “อาทิตย์ยามอัสดงในวันนี้ ช่างงดงามยิ่งนัก!”
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงกล่าวเตือนว่า “เจ้าอย่าลืมเรื่องที่รับปากข้าไว้ล่ะ”
ใบหน้าของจินซ่านซ่านแข็งทื่อไปชั่วขณะ “ข้าจะลืมได้ยังไงกันล่ะ บอกมาเถอะเจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใด หากเป็นเรื่องที่จัดการได้ด้วยเงินทองก็ยิ่งดี”
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่จัดการด้วยเงิน”
จินซ่านซ่าน “เช่นนั้นก็ดี เจ้าว่ามาเถอะ!”
“รอให้การแข่งขันร้อยสำนักเสร็จสิ้นก่อนข้าจะบอกเจ้า!” มู่เฉียนซีกล่าว
ไม่นานนัก ดวงอาทิตย์ก็กำลังจะตกดินแล้ว
คนบนยอดเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาล้วนแต่เป็นนักเรียนฝีมือดีที่สำนักศึกษาระดับสองคัดเลือกมา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย
ถึงแม้ว่าการแข่งขันในรอบแรกของเขาจิ่วเหลยจะยากลำบาก แต่จำนวนคนที่ถูกคัดออกนั้นมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
และสิ่งที่ทำให้อาจารย์ใหญ่ซวนดีอกดีใจก็คือการแข่งขันในรอบแรก สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาไม่มีนักเรียนคนใดถูกคัดออกแม้แต่คนเดียว ผ่านรอบแรกทั้งหมด
เมื่อก่อนถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกจนไม่เหลือสักคน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยผ่านรอบแรกทั้งหมดเช่นนี้มาก่อนเลย!
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “รอบแรกเป็นเพียงการคัดเลือกขั้นต้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าอันดับจะไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ทุกคนก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มา ดังนั้นการจัดอันดับในรอบแรกก็ได้ออกมาแล้ว”
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นกลับทำให้ผู้คนคิดไม่ถึง ผู้ที่ได้สามอันดับแรกไม่ใช่สำนักศึกษาเหลยโจว และไม่ใช่สำนักศึกษาเหยียนโจว แต่เป็นสำนักศึกษาซวนเสีย…
สำนักศึกษาซวนเสียติดสามอันดับแรกถึงสองคน คนแรกคือมู่เฉียนซี คนที่สองคือซวนอี้
อีกคนหนึ่งเป็นของสำนักศึกษาจินซินจากอวี้โจว นั่นก็คือจินซ่านซ่าน!
“พี่ใหญ่แข็งแกร่งมาก!”
“นายน้อยจินแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“อันดับสามเชียวนะ เก่งเกินไปแล้ว อาจารย์ใหญ่ต้องให้รางวัลพวกเราไม่น้อยแน่นอน”
เวลานี้ทางด้านของสำนักศึกษาจินซินส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีอกดีใจอย่างต่อเนื่อง
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “รายชื่อการแข่งขันในรอบแรกก็ได้ประกาศเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นการแข่งขันรอบที่สองก็กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า”
“หลังจากที่พวกเจ้าทั้งหมดออกจากเขาจิ่วเหลยก็จะเข้าสู่สถานที่แข่งขันในรอบที่สอง เพราะเขาจิ่วเหลยเป็นทางเข้าสนามรบโบราณที่สี่”
“พวกเจ้าพร้อมหรือไม่ การแข่งขันในรอบที่สองอยู่ในสนามรบโบราณที่สี่ หากพวกเจ้ากลัวก็เลือกที่จะสละสิทธิ์ได้”