มู่เฉียนซีรู้ว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ในตอนนี้คนพวกนั้นที่กำลังฆ่าฟันกันเองอยู่ได้ละทิ้งศัตรูตรงหน้าของตน และต่างหันมาโจมตีมู่เฉียนซี
ไม่นานนักจินซ่านซ่านก็ถูกทำให้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก “สาวงามมู่ ระวังตัวด้วยนะ!”
คนกลุ่มหนึ่งได้ล้อมโจมตีมู่เฉียนซี เห็นกันได้อย่างชัดเจนว่ามู่เฉียนซีที่ไม่มีพลังวิญญาณนั้นกลับไวต่อความรู้สึกและหลบหลีกได้รวดเร็วดั่งเสือร้าย ทำให้จินซ่านซ่านนั้นต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ
สายตาของมู่เฉียนซีกวาดมองไปรอบด้านอย่างเฉียบคม จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ควบคุมกระบี่เหล่านี้อยู่อย่างแน่นอน
ในตอนแรกนั้นต้องการที่จะให้พวกเขาฆ่าฟันกันเอง แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามีผู้ที่สามารถไม่ถูกค่ายกลนี้ควบคุมได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้อื่นนั้นเกิดอาการมึนงงก่อนที่จะฆ่าพวกเขาตายด้วยกำลังของตัวเองเพียงคนเดียว
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ละก็ เขาก็จะไม่สามารถไปถึงเป้าหมายของเขาได้
เช่นนั้นแล้วเขาจึงได้เปลี่ยนค่ายกลอีกครั้ง ให้พวกเขานั้นมาร่วมกันล้อมโจมตีนาง
สายตาของมู่เฉียนซีส่องประกายอันเย็นวาบออกมา “รุมโจมตีเหรอ? ข้ากลัวที่ไหนกันเล่า!”
ฟึบ ฟึบ ฟึบ! เมื่อมือของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาจำนวนหลายสิบเข็มก็ได้ลอยบินออกไป
จากนั้นนางก็ได้ใช้พิษของนางอย่างไม่บันยะบันยัง ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะบุกเข้ามาพร้อมเพรียงกัน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย
ปัก ปัก ปัก!
จนกระทั่งเหลือคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเพียงผู้เดียว นั่นก็คือไป๋ชาง และค่ายกลนั้นก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง
บึ้ม! เมื่อค่ายกลเปลี่ยนไป พลังของไป๋ชางก็แข็งแกร่งขึ้น
ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่พลังของความรวดเร็วนั้นก็มากเกินกว่าความเร็วในระดับปกติของเขา
สายตาของไป๋ชางในตอนนี้ราวกับสัตว์ป่าที่โหดเหี้ยมจ้องเหยื่อหนึ่งตัวก็มิปาน
มู่เฉียนซีหัวเราะแล้วกล่าว “เพิ่มพลังความสามารถให้เจ้าไร้ประโยชน์นั่นแล้วคิดว่าจะสามารถชนะข้าได้? ข้าว่าเจ้านั้นช่างไร้เดียงสาเสียจริง! ถ้าหากว่าเจ้าเก่งกาจจริงก็ฟื้นฟูพลังวิญญาณให้เขาสิ เช่นนี้ยังคิดที่จะเอาชนะข้าได้ ฝันไปเถอะ!”
กล่าวจบร่างของมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด และที่พุ่งตามตัวมู่เฉียนซีไปยังมีเข็มยาของนางอีกด้วย
จินซ่านซ่านกลับสับสนเป็นอย่างมาก “ผู้ที่มีสติอยู่ในที่แห่งนี้มีเพียงแค่พวกเราสามคนเท่านั้น สาวงามมู่กำลังพูดอยู่กับใครกันแน่ ?”
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถหาตัวคู่สนทนาของนางได้ และในตอนนี้มู่เฉียนซีก็ได้เข้าไปใกล้ตัวของไป๋ชาง และได้เปิดฉากการโจมตีระยะใกล้ที่น่าตื่นตะลึงขึ้น
ทุกครั้งที่ไป๋ชางลงมือโจมตี มันล้วนแต่เป็นกระบวนท่าพิฆาตอย่างเอาตาย
แต่มู่เฉียนซีนั้นลงมืออย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่า จุดใดบนร่างกายที่อ่อนแอที่สุด แล้วถึงชีวิตที่สุด นางจะโจมตีไปที่จุดนั้น
ถึงอย่างไรเสีย ต่อให้อีกฝ่ายไม่ถูกค่ายกลควบคุมเอาไว้ เขาก็ไม่ใช่มิตรแต่ยังเป็นศัตรูอยู่ดี จึงไม่จำเป็นต้องยั้งมือเลยแม้แต่น้อย
ปัง! ปัง! ปัง!
จินซ่านซ่านได้ยินเสียงที่ดังขึ้นนั้น เขายังรู้สึกว่าเนื้ออ้วน ๆ ทั้งตัวของเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้าง
เขากังวลจริงๆ ว่าแขนน้อย ๆ ขาเล็ก ๆ ของสาวงามมู่นั้นจะรับไหวจริงหรือ ?
แต่ใบหน้าของมู่เฉียนซีกลับไม่มีอาการของการเจ็บปวดเผยออกมาเลยแม้แต่น้อย ในการต่อสู้นั้นจะรู้สึกได้เลยว่าพลังความสามารถของไป๋ชางนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าขีดจำกัดในการมอบพลังของเจ้าให้แก่เขาอยู่ที่ตรงไหน”
เจ้าหมอนั่นที่อยู่ในเงามืดสามารถเพิ่มพลังความสามารถให้แก่ไป๋ชาง มู่เฉียนซีเองก็ได้เอายาออกมาฉีดตนเองไปหลายเข็มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายนาง
สิ่งที่วัดกันอยู่ในตอนนี้ก็คือ ขีดจำกัดของความสามารถจากทั้งสองฝ่าย ว่าใครจะสูงกว่ากัน
ฝ่ายตรงข้ามนั้นต่อสู้ต่อต้านมู่เฉียนซี เช่นนั้นแล้วมู่เฉียนซีในตอนนี้จึงไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย
แต่นางจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือคนของสำนักศึกษาหุบเขาหมอเทวดา
ครืน!
พลังการทำลายล้างในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จินซ่านซ่านนั้นไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตนเอง
“ไม่มีพลังวิญญาณ…ไม่มีพลังวิญญาณยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สิ่งที่ข้าเห็นนั้นมันไม่ผิดไปจริงหรือ!”
ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นได้สู้กันมานานเท่าไรแล้ว แต่ยังไม่ทันถึงคราวให้มู่เฉียนซีได้ออกกระบวนท่า ก็ดูเหมือนว่าไป๋ชางได้ใช้แรงไปจนหมดสิ้นแล้ว และได้ตาเหลือกล้มลงไปบนพื้น
เห็นชัดว่านี่เป็นขีดจำกัดขั้นสุดแล้วที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถควบคุมได้
จินซ่านซ่านกล่าว “ชนะแล้ว เยี่ยมนัก ชนะแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าดีใจตอนนี้เกรงว่ามันยังไวไปหน่อย”
“โอ้! พวกเรานั้นไม่มีทางที่จะออกไปได้เลย! หรือว่าจะต้องเป็นฝ่ายบุกกำจัดผู้อื่น นอกจากวิธีนี้แล้วพวกเราหาวิธีอื่นไม่พบแล้วหรือ?”
กำจัดผู้อื่นเชิงรุก พวกเขานั้นได้สมบัติมีค่ามามากมายเช่นนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไสหัวออกมา! เจ้าเองก็คอยซุ่มลอบกัดข้าจากในมุมมืดมานานมากแล้ว ตอนนี้ยังไม่กล้าออกมาอีกหรือไร?”
จินซ่านซ่านตะลึงค้าง คงไม่มีใครอื่นอีกจริง ๆ กระมัง!
ในตอนนี้เอง ปราณชั่วร้ายปราณหนึ่งได้แผ่ซ่านเข้ามา
ทันใดนั้น กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี
หึ่ง หึ่ง หึ่ง! หลังจากที่มันได้ปรากฏตัวขึ้นมา กระบี่โบราณที่ได้รวมตัวกันเป็นกระบวนทัพกระบี่เหล่านั้นก็ได้ส่งเสียงอันแปลกประหลาดออกมา
มู่เฉียนซีคิดว่าสิ่งที่คอยลอบทำร้ายพวกเขาอยู่ในมุมมืดนั้นเป็นเศษซากวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
“หึหึหึ! สาวน้อย อายุยังน้อยนักแต่กลับมีพลังความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ช่างทำให้ข้าที่เฒ่าชรานั้นตกตะลึงเป็นอย่างมากจริง ๆ” มีเสียงที่เฒ่าชราเสียงหนึ่งถูกส่งออกมาจากตัวกระบี่เล่มนั้น
“กระบี่พูดได้? โอ้สวรรค์! กระบี่สามารถพูดได้!” จินซ่านซ่านเบิกตากว้างมองไปที่กระบี่เล่มนั้น
“พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นกรณีที่พิเศษกรณีหนึ่ง คนหนึ่งนั้นเคยพบเห็นกระบี่โบราณเช่นนี้มากมายแต่กลับไม่มีความโลภเลยแม้แต่น้อย ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นมีวิญญาณที่ทำให้ข้านั้นมิอาจมองอ่านได้ออก” กระบี่ชิงเจี้ยนกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็นับว่าได้รู้เหตุผลที่จินซ่านซ่านยังคงทำตัวปกติได้เช่นนี้เสียที จินซ่านซ่านเบ้ปากกล่าว “โลภ? บ้านข้านั้นมีเงินมากมายนัก เช่นนั้นแล้วกระบี่โทรม ๆ พวกนั้นข้าจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกิดความโลภกับพวกมันนี่? สาวงามมู่ หรือว่ามันไม่ควรเป็นเช่นนั้นหรืออย่างไร ?”
เจ้าหมอนี่จะก่อความเกลียดแค้นให้ถึงขั้นเต็มที่
ถ้าหากว่าทุกคนตื่นขึ้นมาได้ยินคำพูดนี้ละก็ จะต้องอัดเจ้าอ้วนนี่สักชุดแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อมาถึงถิ่นของท่านผู้อาวุโส การมารบกวนการนอนหลับพักผ่อนของท่านเป็นพวกเราที่ทำไม่ถูกต้อง กระบี่ในที่แห่งนี้พวกเราไม่ได้แตะต้องเลยสักเล่มเดียว ขอให้ท่านจงโปรดบอกพวกเราถึงหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้ด้วยเถอะ”
“เจ้าคิดที่จะกลับไปมือเปล่าเหรอ?”
“จุดจบของความโลภ ก็คือมิตรสหายฆ่าแกงกันเอง ข้าไม่ได้คิดอยากได้อะไรกับกระบี่โบราณในที่แห่งนี้ และเลือกที่จะกลับออกไปอย่างปลอดภัย”
ที่แห่งนี้มีกระบี่โบราณมากมาย และยังมีอีกมากที่ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย แต่ทว่าปลายกระบี่มังกรเพลิงกับไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย ตัวกระบี่จะต้องไม่อยู่ที่นี่เป็นแน่
“ผู้อื่นไม่สามารถ แต่เจ้าสามารถเลือกที่จะเอาไปได้หนึ่งเล่ม”
“ข้าแค่อยากออกไป!”
กระบี่ชิงเจี้ยนโบราณได้พุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วกล่าวด้วยความโกรธกริ้ว “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเจอคนเช่นเจ้าสาวน้อย ให้ของดีเจ้าแต่เจ้ากลับไม่ต้องการ”
“ของดีอะไรก็ตาม ก็ไม่สู้การที่ข้าได้กลับออกไปอย่างปลอดภัย มิใช่หรือ?” ตั้งแต่เข้ามายังที่แห่งนี้ก็ถูกลอบทำร้าย มู่เฉียนซีนั้นยังคงรักษาความตื่นตัวเอาไว้
ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นกระบี่เล่มหนึ่งก็ตาม แต่มู่เฉียนซีก็จะไม่เชื่อมันเลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะให้ทางเลือกเจ้าหนึ่งทาง ถูกกระบี่นับหมื่นเล่มโจมตีแล้วตายไป หรือมีชีวิตต่อไปแล้วเป็นเจ้านายของข้า” กระบี่ชิงเจี้ยนเปิดปากกล่าว
“ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะสังหาร เช่นนั้น…”
“ช้าก่อน!” จินซ่านซ่านรีบกล่าวขัดคำมู่เฉียนซีขึ้นมาทันที
“กระบี่เล่มนี้ดูจากท่าทางแล้วร้ายกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถพูดได้ สาวงามมู่ หากเจ้าทำพันธสัญญากับมันเจ้าจะต้องกลายเป็นผู้ที่เก่งกาจอย่างมาก การเป็นเจ้าของกระบี่นั้นมีผลประโยชน์มากมาย อย่างไรเสียเจ้าตอบรับเสียเถอะ!”
“เจ้าไปอยู่เงียบ ๆ ทางนั้นเถอะ!” มู่เฉียนซีได้ถีบตัวจินซ่านซ่านออกไปในทันที
“ข้าปฏิเสธที่จะเป็นเจ้าของเจ้า!” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีหนักแน่นเป็นอย่างมาก และไม่มีใครที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนางได้