“ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาของพวกเรานั้นดีงามมาโดยตลอด มิต้องให้ท่านมาปากมาก แต่ผู้นำหลานนั้นตามใจบุตรสาวเสียจนเสียคน”
ผู้นำหลานกล่าว “ข้ารักลูกสาวข้าแล้วทำไม? พวกเจ้าเหล่านี้นั้นอิจฉา! ริษยา!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลากับคนโรคจิตแบบนี้ พวกเราไปกันเถอะ! อย่างไรเสียเราก็ได้ของมาแล้ว”
“อืม! ที่พูดมาก็ถูก”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะจากไปนี้เอง หลานเยว่หรูก็ได้ดึงแขนเสื้อของผู้นำหลานเอาไว้ ราวกับว่านางได้ถูกรังแกอย่างใหญ่หลวง “ท่านพ่อ”
ผู้นำหลานกล่าวขึ้น “พวกเจ้ายังไปไม่ได้ ไอ้หนู เจ้ามอบดอกหวายมหาจักรพรรดิมาให้ข้า”
ผู้อาวุโสโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เจ้าต้องการจะแย่งชิงกับพวกเราหรือ?”
“สิ่งที่ลูกสาวข้าชอบ ถึงต่อให้ต้องแย่งชิงมา ข้าก็จะแย่งชิงมาให้ได้”
“ไปกัน” ผู้อาวุโสโม่ไม่อยากที่จะเสียเวลากับเจ้าโรคจิตนี่
“หยุดพวกเขาเอาไว้” ผู้นำหลานกล่าวขึ้น
บึ้ม! ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ขึ้นในทันที
ถึงแม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก แต่ฝ่ายของผู้นำเจ็ดอสูรก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง ดังนั้นแล้วหากพวกเขาคิดจะจากไป มันก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
ผลหวายมหาจักรพรรดิในตอนนี้อยู่ในมิติของมู่เฉียนซี ฉะนั้นแล้วเป้าหมายของพวกเขาจึงเป็นมู่เฉียนซี
“เจ้าหนู ส่งมอบผลหวายมหาจักรพรรดิมา”
แต่เมื่อตอนที่พวกเขาได้ลงมือกับมู่เฉียนซีนั้น ชายในชุดสีเขียวที่แปลกประหลาดและสวมใส่หน้ากากก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และกันท่าพวกเขาเอาไว้
ปัง! ชิงอิ่งนั้นลงมืออย่างเฉียบขาด อีกทั้งยังล้วนแต่เป็นกระบวนท่าพิฆาตฆ่า วิธีการอันโหดเหี้ยมเช่นนั้นทำให้สีหน้าของพวกเขาซีดเผือด”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็นที่จะต้องเข่นฆ่าแล้ว”
กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรควบคุมสนามรบโบราณแห่งหนึ่งเอาไว้ อย่างไรเสียไม่ก่อสร้างความแค้นเคืองซึ่งกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นจะเป็นการดีกว่า
“อืม!” ชิงอิ่งพยักหน้า ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้หยุดเข่นฆ่าคนพวกนั้น แต่ได้ทำให้พิการไปในทันที
มีชิงอิ่งอยู่ด้วย ผู้อื่นคิดจะย่างกรายเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีเพื่อชิงผลหวายมหาจักรพรรดิไปนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แววตาของหลานเยว่หรูได้ส่องประกายแห่งความผิดหวังออกมา
ด้วยพลังความสามารถเช่นไป๋อวี้ฉิงและอันซวน พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ หากแต่ถูกป้องกันเอาไว้อยู่ที่วงนอกของการต่อสู้
ตอนนี้หลานเยว่หรูนั้นมีแผนอยู่ในใจแล้ว นางได้พุ่งเข้าไปประชิดไป๋อวี้ฉิง ไป๋อวี้ฉิงเบิกตากว้างโพรง
“เจ้า…”
“อวี้ฉิง ระวังตัว” อันซวนกล่าวขึ้นมาด้วยความร้อนรน
และในตอนนี้เล็บมืออันเรียวยาวของหลานเยว่หรูได้ตกไปอยู่ที่บนคอของอวี้ฉิง นางกล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “หากพวกเจ้าขยับตัวมั่วซั่วละก็ ข้าจะกรีดคอของนางให้เปิดออกเสีย”
“เจ้า….” ไป๋อวี้ฉิงเบิกตากว้าง พลังความสามารถของนางผู้หญิงโรคจิตผู้นี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับนางมากนัก แต่ว่าอวี้ฉิงก็ยังถูกนางลอบโจมตีเข้าจนได้
“หึ หึ หึ! เจ้ากำลังด่าข้าอย่างเมามันนักมิใช่หรือ? คงมิได้คิดว่าเจ้าจะตกมาอยู่ในกำมือของข้าใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของหลานเยว่หรูในตอนนี้นั้นเย็นยะเยือกอย่างที่สุด และมองไม่เห็นความอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
ไป๋อวี้ฉิงกล่าวขึ้น “เจ้าผู้หญิงน่าขยะแขยง แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าสิ! เจ้ากล้าหรือไม่?”
“ข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า แต่ถ้าหากว่ามือของข้ากระตุกขึ้นมาเพียงเล็กน้อยละก็ เช่นนั้น….” มืออีกข้างหนึ่งของนางได้ลูบไล้ไปตามใบหน้าของไป๋อวี้ฉิงและได้ใช้แรงบีบลงไปพร้อมกล่าว ส่วนไป๋อวี้ฉิงที่ได้รับความเจ็บปวดนั้นได้ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ไอ้หนู ถ้าหากไม่อยากให้สาวน้อยผู้นี้เสียโฉมละก็ จงส่งผลนั่นมาให้ข้า เจ้ามิใช่ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากกับสาวน้อยผู้นี้หรอกเหรอ? “ บนใบหน้าของไป๋อวี้ฉิงนั้นได้ปรากฏบาดแผลที่มีรอยเลือดขึ้นมาแล้ว
แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากไปกว่านั้นก็คือ ที่เล็บของหลานเยว่หรูนั้นมีพิษ เพียงแค่กรีดบาดแผลนั้นออกเท่านั้นก็จะเจ็บปวดนัก สีหน้าของไป๋อวี้ฉิงได้กลายเป็นขาวซีดขึ้นมา
แต่ทว่าไป๋อวี้ฉิงกลับยอมไม่ได้ที่จะยอมแพ้ “เจ้าคิดผิดแล้ว ข้ากับมู่เฉียนซีนั้นเพิ่งรู้จักกันได้เพียงไม่กี่วัน ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ดีดั่งที่เจ้าคิดเอาไว้ คิดที่จะเอาข้าไปแลกกับผลหวายมหาจักรพรรดิที่เป็นสมุนไพรวิญญาณชั้นยอดนั้น เจ้าฝันไปเถอะ!”
“เจ้าโกหกข้า” จากการสังเกตของนาง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่เลวเลย แต่กลับเป็นชายผู้นั้นที่สงบเรียบร้อยที่ไม่ได้มีท่าทีใกล้ชิดสนิทสนม
มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าวขึ้นมา “ไป๋อวี้ฉิงนั้นกล่าวมิผิด พวกเรานั้นเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานจริงๆ หากคิดที่จะคุกคามกัน เจ้าจับตัวผิดคนแล้ว”
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีตอบไปเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทว่าเมื่อไป๋อวี้ฉิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็กลับผิดหวังยิ่งนัก
ในตอนนี้เองอันซวนได้โกรธเกรี้ยวขึ้นมา “เฉียนซี ข้ามองเจ้าผิดไปแล้ว เอาผลหวายจักรพรรดิมอบให้ผู้หญิงนั่นเสีย ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตของอวี้ฉิง”
บัดนี้บุรุษผู้เงียบสงัดจนไม่เข้าท่าได้ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาแล้ว เหมือนดั่งภูเขาไฟที่ระเบิดปะทุออกมาก็มิปาน ไป๋อวี้ฉิงตกตะลึง “อันซวน เจ้า….”
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของนาง นี่เป็นคำพูดของคนที่ไม่ชอบพูดจาหรอกหรือ? นาง…นางได้ยินไม่ผิดไป!
มู่เฉียนซีกล่าวเชิงหยอกล้อขึ้นว่า “สหายอัน คว้าโอกาสนี้สารภาพไปไม่เลวเลย”
อันซวนอดหน้าแดงมิได้ “สารภาพ เปล่า…ข้า…..”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ชอบผู้หญิง เจ้าก็มิได้สนใจอวี้ฉิง เช่นนั้นเราจะไปทำการเจรจากับนางอสรพิษโรคจิตนั้นไปใย?”
สิ่งที่ทั้งสองกำลังสนทนากันนั้น ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่อีกฝั่งนึงตกตะลึงอยู่บ้าง จำนวนข้อมูลของคำพูดเหล่านี้ก็มากอยู่พอการ!
มู่เฉียนซีไม่ได้ชอบผู้หญิง ส่วนเขานั้นเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน……
ใบหน้าของอันซวนแดงระเรื่อ ภายใต้การบีบบังคับของมู่เฉียนซีเขาจึงยอมรับออกมา “ข้า…ข้าชอบอวี้ฉิงมาโดยตลอด นางเป็นผู้หญิงที่ข้าอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิต ข้า….ขอให้เจ้าช่วยนางด้วย ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไรเป็นการตอบแทน ข้าล้วนแต่ตอบรับ…..”
“อันซวน เจ้าโง่….” ไป๋อวี้ฉิงตะโกนออกมา
เจ้าหมอนี่ซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ลึกยิ่งนัก ถึงขั้นที่ว่าคบค้าสมาคมกันมาเป็นสิบปีก็ไม่สามารถรู้ได้เลย หัวใจนั้นเต้นระรัว
เมื่อทั้งสองได้ก่อให้เกิดเรื่องของการสารภาพรักขึ้นมา เรื่องทั้งหมดจึงได้ดำเนินไปตามจังหวะดั่งที่หลานเยว่หรูหวังเอาไว้ นางกล่าวขึ้นอย่างรำคาญใจว่า “มู่เฉียนซี เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือยัง…..”
ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวจบประโยค ก็ได้มีหมูน้อยตัวสีแดงดั่งเพลิงตัวหนึ่งพุ่งเข้าไป
เปลวเพลิงสีแดงเข้มนั้นพุ่งไปทางหลานเยว่หรูในทันที และได้ล้อมนางเอาไว้จากทางบริเวณเท้าของนาง เมื่อสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ จึงทำให้นางจำต้องปล่อยตัวไป๋อวี้ฉิงไป
อันซวนได้คว้าอากาศนี้พุ่งเข้าไปกอดไป๋อวี้ฉิงเอาไว้ และกล่าวขึ้นอย่างใส่ใจ “อวี้ฉิง เจ้าไม่เป็นไร!”
“อ๊าก!” ในตอนนี้ทั้งตัวของหลานเยว่หรูนั้นได้ถูกเพลิงคลอกไปทั้งตัว นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ผู้นำหลานเกิดเสียสมาธิและได้ถูกผู้อาวุโสโม่โจมตีได้รับบาดเจ็บ
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งได้ไปจ่ออยู่ที่คอของหลานเยว่หรู มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ต้องรบกวนคุณหนูใหญ่หลานเป็นตัวประกันสักคราหนึ่งแล้ว”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลานเยว่หรูโกรธเกรี้ยวราวกับพ่นไฟออกมาได้ “เจ้า…..เจ้ากลับกล้าที่จะลอบโจมตีข้า”
ไป๋อวี้ฉิงกล่าว “เจ้าสามารถลอบโจมตีข้าได้ แล้วเฉียนซีจะลอบโจมตีเจ้าไม่ได้หรือไง? สมน้ำหน้า”
มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าว “ผู้นำหลาน พวกเราก็ไม่ได้คิดอยากที่จะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งกับพวกท่าน บุตรสาวของท่านอยู่ในมือของข้า ถ้าหากว่าท่านไม่อยากให้มีร่องรอยเกิดขึ้นบนใบหน้าของนางละก็ ทางที่ดีที่สุดคือหยุดสู้เสีย”
“เจ้ากล้านัก….” การต่อสู้ทางนั้นได้หยุดลงแล้ว ส่วนเสี่ยวหงเองก็ได้เลิกพ่นไฟ
แต่หลังจากที่เปลวเพลิงได้หายไปแล้ว ชุดกระโปรงยาวสีเขียวของหลานเยว่หรูก็ได้กลายเป็นผุยผงไป
หลานเยว่หรูรู้สึกหนาวเย็นหวิวๆไปทั้งตัว ตัวของนางนั้นเปลือยเปล่า อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็ได้กรีดร้องขึ้นมา
“อ๊า!”
สีหน้าของนางนั้นทั้งเขินอายและโกรธเกรี้ยวราวกับมีเพลิงกำลังเผาไหม้อยู่ และแทบจะทนไม่ได้อยากแทรกแผ่นดินหนีไป
เมื่อบุตรสาวของตนได้ถูกผู้อื่นเห็นจนหมดทั่วเรือนร่าง ผู้นำหลานเองก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ “ทั้งหมดหันหลังกลับไป ห้ามดู ห้ามมอง หากยังมองดูอีกละก็ข้าจะควักตาพวกเจ้าออกมา”