บทที่ 252 ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
“อืม เข้าใจแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของหวังเหยียน อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อย การที่มีแก๊งใต้ดินคอยช่วยเหลือนับว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์เช่นกัน
แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ อวี้ฮ่าวหรานก็นึกอะไรบางอย่างได้ออก เขาขมวดคิ้วก่อนที่จะหันกลับไปพูดกับหวังเหยียนอีกประโยค
“หวังเหยียน นับจากนี้นายช่วยส่งคนตามดูสวีเซี่ยงจวินให้ที อย่าปล่อยให้เขาทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ซ้ำอีก”
ถึงแม้ว่าจะขู่อีกฝ่ายไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังกลัวว่าสวีเซี่ยงจวินจะทนไม่ไหวแอบไปเล่นการพนันอีก พวกผีพนันนั้นเชื่อถือไม่ค่อยจะได้…
หวังเหยียนพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว อันที่จริงต่อให้อวี้ฮ่าวหราน จะไม่สั่งเรื่องนี้เอาไว้เขาก็วางแผนเอาไว้ว่าจะส่งคนตามดูสวีเซี่ยงจวิน หลังจากนี้เช่นกัน เพราะหวังเหยียนรู้สึกได้ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นห่วงครอบครัวนี้เกินปกติ
หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและขับรถจากไปในทันที
ขณะนี้มันเวลาล่วงเลยไปเกิน 9 โมงเช้าแล้ว ดังนั้นหลี่หรงคงไปส่งถวนถวนที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกเหนื่อยใจ การที่เขาไม่กลับบ้านทั้งคืนแบบนี้ พอถึงตอนเย็นที่หลี่หรงกลับมา ชายหนุ่มคงจะต้องโดนอีกฝ่ายบ่นแน่ ๆ
อย่างไรก็ตามในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงเลือกที่จะขับรถไปที่บริษัท เพื่อดูความเรียบร้อยของบริษัทสักหน่อย
แต่แล้วในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานไปถึงบริษัท ผู้จัดการหวังก็รีบมารายงานทันทีว่าขณะนี้…กัวหย่งซินกำลังรออยู่ในห้องรับรอง
“อืม ไปเจอมันหน่อยก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างหงุดหงิด หลังจากเพิ่งถูกแก๊งวาฬยักษ์รบกวน ชายหนุ่มก็หงุดหงิดจนไม่อยากจะเล่นกับกัวหย่งซินอีกต่อไปแล้ว
ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในห้องรับรอง กัวหย่งซินก็ลุกขึ้นและรีบทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที
“ฮ่า ๆ สวัสดีประธานอวี้! นี่คือวัตถุโบราณที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ มันหายากมาก ๆ เลยล่ะ คุณสนใจอยากจะดูมันหน่อยไหม?”
ในระหว่างที่พูด กัวหย่งซินได้ยื่นกล่องไม้ที่ดูหรูหราให้กับอวี้ฮ่าวหราน แน่นอนว่าของด้านในกล่องเป็นวัตถุโบราณราคาแพงอีกชิ้นที่เขาเตรียมมาเพื่อเอาใจอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่แม้แต่จะเหลือบมองกล่องไม้ เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดทันที
“เลิกฝันลม ๆ แล้ง ๆ ได้แล้ว! ฉันไม่มีทางเซ็นสัญญาทำธุรกิจร่วมกับแกแน่! ตราบใดที่ฉันยังเป็นเจ้าของที่นี่ แกไม่มีทางได้ในสิ่งที่แกต้องการ!”
อวี้ฮ่าวหรานรู้ว่าอีกฝ่ายมีแก๊งวาฬยักษ์คอยหนุนหลัง ดังนั้นจึงยิ่งรังเกียจอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ชายหนุ่มไม่อยากจะเปลืองน้ำลายพูดกับกัวหย่งซินด้วยซ้ำ!
ทางด้านของกัวหย่งซิน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดจารุนแรงไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้
“นี่คุณจะไม่ลองคิดทบทวนดูอีกสักหน่อยเหรอ? ในการทำธุรกิจ คุณควรจะสร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูเพิ่ม คุณไม่เข้าใจหรือไง?!”
ถึงแม้ว่าคำพูดจะดูประนีประนอมแต่มันก็แฝงด้วยคำขู่ที่ชัดเจน
อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายด้วยหางตาชั่วครู่ ก่อนที่จะหันหลังกลับและสั่งผู้จัดการหวัง
“ผู้จัดการหวัง ส่งแขก! และนับจากนี้อย่าให้เขาเข้ามาเหยียบในบริษัทเราอีก!”
“นี่แก!”
กัวหย่งซินกลั้นอารมณ์โมโหของตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว เขาไม่นึกเลยว่าทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์ยอมอ่อนข้อให้แล้ว อีกฝ่ายจะยังคงหยาบคายต่อเขาแบบนี้!
“แกนะแก! คอยดูเถอะ! ถ้ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นนับจากนี้ก็อย่ามาหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ กัวหย่งซินก็กระทืบเท้าออกไปจากห้องในทันที
…
เกือบ 5 โมงเย็น
อวี้ฮ่าวหรานรับถวนถวนกลับคอนโดตามปกติ
แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง เสียงของหลี่หรงก็ดังขึ้นทักทันที
“โอ้ หาทางกลับมาที่นี่เจอแล้วเหรอพี่เขย? พี่หายไปทั้งคืนแถมตอนเช้าก็ไม่ได้ไปส่งถวนถวน ฉันนึกว่าพี่ไปหลงทางอยู่กับใครที่ไหนซะอีก!”
หลี่หรงนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟา เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธออารมณ์ไม่ดีมาก ๆ
“เอ่อ…เมื่อคืน…คือเมื่อคืนมันมีเรื่องนิดหน่อยพี่ก็เลยจำเป็นต้องอยู่แก้ปัญหา…”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างคลุมเครือ เขาไม่กล้าบอกความจริงว่าเมื่อคืนเขาอยู่กับสวีรุ่ย เพราะไม่งั้นน้องภรรยาของเขาคงจะไม่พอใจแน่ ๆ
อันที่จริงอวี้ฮ่าวหรานรู้อยู่เช่นกันว่าหลี่หรงมีใจให้ตัวเอง แต่เขาไม่อาจตอบรับได้ เพราะชายหนุ่มมีหลี่เม่ยอยู่แล้ว แต่ถ้าในอนาคตเมื่อตอนที่เขาพาตัวหลี่เม่ยกลับมาได้แล้ว และหลี่หรงกลับฟ้องว่าเขาชอบออกไปหาผู้หญิงคนอื่นตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ให้กับภรรยาของเขาฟัง มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีหรอกจริงไหม?
ที่โต๊ะอาหาร…
“ถวนถวน พ่อมีข่าวดี! พรุ่งนี้ลูกจะได้เจอครูสวีแล้วนะ! พ่อได้ข่าวมาว่าครูของลูกเสร็จธุระเรียบร้อยแล้วและพรุ่งนี้จะไปสอนลูกตามปกติที่โรงเรียน!”
ถวนถวนแสดงสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้
“เอ๊ะ? จริงเหรอพ่อจ๋า! เย้! พรุ่งนี้ถวนถวนจะได้เจอครูสวีแล้ว ถวนถวน คิดถึงครูสวีที่สุด!”
“ใช่…ลูกจะได้เจอครูสวีแน่นอน!”
หลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จ ถวนถวนก็เล่นกับเจ้าลูกกวาดต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะเข้าไปนอน
เมื่อส่งถวนถวนเข้านอนแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ ย่องกลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อหลบหน้าหลี่หรง และเตรียมตัวที่จะบ่มเพาะต่อ
แต่แล้วก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้ล็อคประตู หลี่หรงก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อนด้วยชุดนอนที่บางเฉียบ
เอ่อ…นี่น้องภรรยาของเขาไม่จำเลยหรือไงว่าเธอไม่ควรจะใส่ชุดนอนแบบนี้เข้ามาในห้องของเขา!
“พี่เขย ทำไมวันนี้ฉันพูดกับพี่แล้วพี่ถึงไม่คุยกับฉัน?”
หลี่หรงจ้องเขม็งที่อวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ…คือวันนี้พี่เพลีย ๆ น่ะ เดี๋ยวพี่ก็จะนอนแล้วเนี่ยเห็นไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานแสดงท่าทางชี้ไปที่เตียงแสร้งว่าเขากำลังจะนอนแล้วจริง ๆ
ในทางกลับกัน หลี่หรงไม่ได้สนใจคำแก้ตัวของอวี้ฮ่าวหรานแม้แต่น้อย เธอเดินไปนั่งที่เตียงของเขาก่อนที่จะถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นเศร้าซึม
“พี่เขย เมื่อคืนที่พี่ไม่กลับมา พี่ไปช่วยแก้ปัญหาให้สวีรุ่ยใช่ไหม?”
“เอ่อ…อืม เธอเดาถูก”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงตอบไปตามความจริง
“ถ้างั้นพี่ไปช่วยแก้ปัญหาอะไรให้สวีรุ่ย ฉันอยากจะรู้”
เมื่อได้ยินคำตอบของอวี้ฮ่าวหราน หลี่หรงก็ถามต่ออย่างรวดเร็ว
“มันก็ไม่มีอะไรมาก พ่อของสวีรุ่ยหายตัวไป พี่ก็เลยออกไปช่วยตามหาก็แค่นั้น แต่เผอิญว่ามันไม่ง่ายเท่าไหร่พี่ก็เลยต้องใช้เวลาทั้งคืน”
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่เล่าเรื่องที่เขาให้สวีรุ่ยนอนหนุนตักทั้งคืนให้ หลี่หรงฟังแน่ ๆ ไม่งั้นน้องภรรยาของเขาคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่
“พี่เขยนี่เป็นคนที่ห่วงความรู้สึกของคนอื่นมาก ๆ เลยเนอะ? พี่รู้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนฉันรอพี่ทั้งคืนเลย? ฉันถามจริง ๆ พี่ไม่ห่วงฉันบ้างเลยเหรอ?”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ หลี่หรงก็รู้สึกทนไม่ไหวลุกขึ้นไปทุบหน้าอกของอวี้ฮ่าวหรานด้วยความน้อยใจและกำเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยมือทั้งสอง
“พี่เขย ทำไมพี่ถึงไม่ห่วงความรู้สึกของฉันบ้างเลย…ฉันไม่ได้หลับทั้งคืนเลยนะ…”
“เอ่อ…”
เมื่อเจอแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว โดยเฉพาะที่หลี่หรง โน้มตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกกระวนกระวาย
บ้าเอ๊ย…ฉันควรทำยังไงดี?!
“ฮ่า ๆ พี่เขย หัวใจของพี่เต้นแรงจนฉันได้ยินมันชัดเจนเลยล่ะ!”
หลี่หรงซึ่งได้ยินเสียงหัวใจของอวี้ฮ่าวหราน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขำขัน