Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1364 ไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไป

“ที่แท้พวกคุณชายก็รู้กันแล้ว”

เสียงของไฉไฉ่เบาลง เด็กสาวคนนี้จิตใจบริสุทธิ์ดั่งกระดาษขาว แม้ว่าระงับอารมณ์ภายในจิตใจไว้สุดขีดก็ยังถูกคนมองออกได้อย่างง่ายดาย

“ไฉไฉ่ เจ้าไม่ต้องทุกข์ใจไป มีพวกเราอยู่ทั้งคน”

เจ้าคางคกรีบกล่าวเป็นพัลวัน ในใจลอบด่าตัวเองที่ปากมาก ดันไปพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดเสียได้

ไฉไฉ่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงหน้าเล็กงามขาวเนียนเผยแววเด็ดเดี่ยวออกมา กล่าวว่า “หากสามารถช่วยเผ่าคลี่คลายปัญหาใหญ่ได้ ให้ข้าแต่งออกไปแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า”

ประโยคเดียวทำเอาหลินสวินอดรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไปด้วยไม่ได้

เขายังจำได้ดี เด็กสาวงดงามคนนี้ ปีนั้นตอนที่อยู่แดนเผาเซียนก็เคยพูดขึ้นมาอย่างวาดหวัง นางหวังว่าจะเก็บเกี่ยวแก่นแห่งประกายเมฆทั่วดินแดนทั้งปวงมาถักทอชุดแต่งงานให้กับตัวเอง

และหวังว่าจะเก็บเกี่ยวน้ำค้างวิญญาณแสงอาทิตย์หมื่นชนิด หมักสุรามงคลที่เลิศรสที่สุดในโลกด้วยมือตัวเอง เชิญสหายที่เข้าร่วมพิธีแต่งงานของนางมาร่วมลิ้มลองด้วยกัน

นี่คือเส้นทางที่นางแสวงหา เป็นภาพที่นางใฝ่ปรารถนาแม้ยามหลับฝัน

ทว่ายามนี้นางถึงกับพูดประโยคเช่นนี้ออกมา นี่… ไม่ต่างอะไรจากการตัดมรรคาแห่งตน ละทิ้งความเป็นตัวเองชัดๆ!

“วางใจเถิด เรื่องราวยังไม่ถึงขั้นนี้ ที่เจ้าคางคกพูดก็ถูก มีพวกเราอยู่ จะต้องไม่ปล่อยให้เจ้าทำเรื่องที่ฝืนใจแน่นอน”

จ้าวจิ่งเซวียนปลอบใจเสียงนุ่ม ไฉไฉ่เด็กสาวคนนี้ ไม่ว่าใครได้พบเห็นก็ต้องเกิดความรักใคร่เอ็นดู บนตัวนางมีความดีงามที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์อย่างหนึ่ง บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

กล่าวถึงตรงนี้จ้าวจิ่งเซวียนเหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่ง

หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังทันที พยักหน้ากล่าวว่า “ถูกต้อง เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการเถิด”

จ้าวจิ่งเซวียนแย้มรอยยิ้มหวานละมุนออกมา พูดกับไฉไฉ่เสียงเบาว่า “น้องสาวเจ้าดูสิ มีคนช่วยหนุนหลังเจ้าอยู่นะ”

ไฉไฉ่กล่าวอย่างหวั่นใจ “แต่… แต่ท่านแม่ข้าบอกว่าเผ่ากระจิบลำนำทองนั่นน่ากลัวมาก…”

เจ้าคางคกกล่าวยิ้มๆ “กระจิบลำนำทองอะไรกัน ก็แค่นกน้อยสีทองฝูงหนึ่งเท่านั้น นี่เจ้ายังไม่เชื่อใจพวกเราอยู่อีกรึไง”

ไฉไฉ่รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน เพียงแต่ภายในใจของนางซาบซึ้งสุดขีด ไม่รู้ควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะ

……

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ ในจุดชีพจรห้าตำแหน่งใกล้กับเส้นปราณหัวใจของเขาสั่งสมปราณกระบี่ออกมาห้าสายได้สำเร็จแล้ว

แต่ละจุดชีพจรราวกับเตาหล่อเลี้ยงกระบี่

ปราณกระบี่ห้าสายใช้แก่นจริงแท้ไท่เสวียนตีหลอม ฟูมฟักภายในนั้น จากนั้นขอเพียงค่อยๆ หล่อหลอม ก็จะสามารถฟูมฟักออกมาเป็นประกายกระบี่ เจตกระบี่ จิตกระบี่ วิญญาณกระบี่!

‘ใช้เวลาราวๆ ครึ่งปีกว่าจะเปิดเตาหล่อเลี้ยงกระบี่สามพันเตา ฟูมฟักปราณกระบี่สามพันสายออกมาได้…’

หลินสวินคำนวณเงียบๆ คราหนึ่ง

ทันใดนั้นเสียงเซ็งแซ่ระลอกหนึ่งก็ดังลอยมาจากไกลๆ

หลินสวินขมวดคิ้ว หยัดกายขึ้นเต็มความสูง

ในเวลานี้เจ้าคางคก จ้าวจิ่งเซวียน และไฉไฉ่ก็ถูกทำให้ตกใจด้วยเช่นกัน ต่างเดินออกจากประตูห้อง

สวบ!

เกือบจะเวลาเดียวกัน หลันเหยียนพุ่งพรวดมาจากที่ไกลๆ กล่าวด้วยหน้าตาตื่น “แย่แล้ว เซี่ยงเซ่าถิงนายน้อยของเผ่ากระจิบลำนำทองนั่นมาด้วยตัวเอง หนำซ้ำยังพาสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งที่ชื่อเยี่ยเฟยเหิงจากตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวยมาด้วย บอกว่าจะให้เยี่ยเฟยเหิงนั่นเป็นพ่อสื่อ ทาบทามการแต่งงานกับหัวหน้าเผ่า!”

“อะไรนะ”

ร่างอ้อนแอ้นของไฉไฉ่พลันสั่นระริก ใบหน้างามซีดขาว

“นี่คิดจะเอาบารมีตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวยมาขู่ มุ่งหน้ามาบังคับแต่งงานนี่!”

เจ้าคางคกก็เข้าใจขึ้นมาทันควัน

หลินสวินขมวดคิ้ว “จิ่งเซวียน เจ้าดูแลไฉไฉ่อยู่ที่นี่ ข้ากับเจ้าคางคกจะไปดูเสียหน่อย”

จ้าวจิ่งเซวียนพยักหน้า

จากนั้นหลินสวิน เจ้าคางคกและหลันเหยียนเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทะยานขึ้นอากาศไป

“น่าชังเกินไปแล้ว เมื่อวานทูตของเผ่ากระจิบลำนำทองเพิ่งตกลงกันไว้จะให้เวลาพวกเราคิดสามวัน แต่วันนี้พวกเขากลับโผล่มาแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว!”

ระหว่างทางหลันเหยียนโกรธจนกัดฟันเกิดเสียงดังกรอด

“วางใจเถิด พวกเขามาได้เวลาพอดี ถือโอกาสนี้แก้ไขเรื่องนี้เสียหน่อย เลี่ยงไม่ให้เสียเวลาอีก”

เจ้าคางคกกล่าวสบายๆ เห็นได้ชัดว่ามั่นใจยิ่ง

สิ่งนี้ทำให้หลันเหยียนยิ้มขื่นอีกระลอก เขาไม่รู้เลยว่าเจ้าคางคกไปเอาความมั่นใจมาจากไหน นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของตระกูลเยี่ยเชียว!

หลินสวินไม่ได้พูดมากความอะไร ตอนนี้ในใจเขาเกิดความชิงชังสายหนึ่งขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เผ่ากระจิบลำนำทองนี่ช่างจองหองเกินไปแล้ว

แต่พร้อมกันนั้นสิ่งที่ในใจหลินสวินสงสัยมากยิ่งกว่าคือ เหตุใดเผ่ากระจิบลำนำทองถึงได้รีบร้อนทำเช่นนี้ แม้แต่เวลาสามวันยังไม่ยอมรอ

เป็นเพราะอาภรณ์สวรรค์ปีกดาราอย่างนั้นหรือ

หน้าตำหนักสีม่วงแห่งนั้น ยามเมื่อพวกหลินสวินมาถึงที่แห่งนี้ก็มีเงาร่างมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนในเผ่าของเผ่าทอเมฆา

ไม่ว่าชายหญิงคนแก่เด็กเล็ก สีหน้าล้วนเจือแววเดือดดาล

และในจุดที่ไม่ไกลออกไป มีคนขบวนหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ผู้นำมีสองคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มชุดทองใบหน้าเรียวตอบ นัยน์ตาคมกริบ

อีกคนเป็นชายชราชุดคลุมสีดำ ผมเคราสีขาวขุ่น สองมือไพล่หลัง สีหน้าเจือแววดุดันน่ายำเกรง

ด้านหลังของทั้งสองคนเป็นผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนวางท่ายโส ถูกคนเผ่าทอเมฆาทั้งหมดจับจ้องด้วยสายตาเคืองแค้น แต่พวกเขากลับเห็นได้ชัดว่าดูสบายอารมณ์ยิ่ง มั่นใจเต็มเปี่ยม ปลายคางแทบจะเชิดขึ้นฟ้า

ไม่จำเป็นต้องเดาสักนิดหลินสวินก็ระบุได้ทันที ชายหนุ่มชุดทองคนนั้นคือเซี่ยงเซ่าถิงนายน้อยของเผ่ากระจิบลำนำทอง

ส่วนชายชราชุดดำที่อยู่ข้างกายเขา จะต้องเป็นเยี่ยเฟยเหิงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันจากตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวยอย่างไม่ต้องสงสัย

หญิงกระโปรงม่วงและคนระดับสูงของเผ่าทอเมฆาทั้งหมดต่างยืนอยู่หน้าตำหนักสีม่วง สีหน้าแต่ละคนล้วนไม่น่าดูนัก

“ครั้งนี้ก็ลำบากผู้อาวุโสแล้ว”

เซี่ยงเซ่าถิงเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ในสายตา แต่กลับไม่สนใจสักนิด เห็นได้ชัดว่ามั่นใจเต็มเปี่ยม

“ฮ่าๆๆ เรื่องมงคลงดงามของหนุ่มสาว ข้ามีหรือข้าจะบ่ายเบี่ยง”

เยี่ยเฟยเหิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะลั่น “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าน้องสาวของเจ้าได้หมั้นหมายกับนายน้อยของข้าแล้ว พวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”

เซี่ยงเซ่าถิงเองก็หัวเราะขึ้นมา สายตาที่มองไปทางพวกหญิงกระโปรงม่วงเจือแววลำพองที่ระงับไว้ไม่อยู่

มีที่พึ่งใหญ่อย่างตระกูลเยี่ยอยู่ด้วย ดูซิว่าเผ่าทอเมฆาของเจ้ายังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือไม่!

“ท่านนี้คิดว่าคงเป็นสหายยุทธ์หลันชิงเหินหัวหน้าเผ่าทอเมฆากระมัง”

เยี่ยเฟยเหิงสีหน้าขึงขัง ทอดสายตามองไปทางหญิงกระโปรงม่วง

“เป็นข้าน้อยเอง”

หลันชิงเหินโค้งคารวะเล็กน้อย ในใจนางมีความโกรธอยู่มาก แต่ก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ชั่วคราว

ช่วยไม่ได้ สภาพการณ์คนไม่อาจกำหนด!

“ในครั้งนี้ข้ายินดีเป็นพ่อสื่อให้สักครั้ง จับคู่บ่าวสาวเข้าพิธีวิวาห์ หวังว่าสหายยุทธ์จะให้ความร่วมมือจนสำเร็จ”

เยี่ยเฟยเหิงไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด และคร้านจะอารัมภบท บอกจุดประสงค์ออกมาตรงๆ เห็นได้ชัดว่าแข็งกร้าวยิ่ง และดูออกว่ายามเมื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าเผ่าทอเมฆา เขาก็ไม่แยแสเท่าใดนัก

นั่นเพราะเขามาจากตระกูลเยี่ย!

และในภาพจำของเขา แม้ว่าเผ่าทอเมฆาจะลึกลับยิ่ง แต่ขุมอำนาจของเผ่ากลับไม่ถึงขั้นแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับตระกูลเยี่ยก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างสิ้นเชิง

เสียงพูดของเยี่ยเฟยเหิงสิ้นสุด ในลานพลันเงียบกริบลงมาทันที อากาศประหนึ่งควบแข็ง

สีหน้าของคนเผ่าทอเมฆาแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความเดือดดาล บังคับแต่งงานจนถึงขั้นนี้ ใช่แค่รังแกกันเกินไปที่ไหน นี่ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยชัดๆ!

เวลานี้หลันชิงเหินเองก็มีความรู้สึกอดสู โกรธกรุ่นอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งกล่าวว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ ข้าคิดว่าวางแผนระยะยาวจะดีกว่า”

สีหน้าเยี่ยเฟยเหิงขรึมลง แค่นเสียงเย็นกล่าว “ทำไม อย่าบอกเชียวว่าสหายยุทธ์เห็นว่าจากสถานะของข้า ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่ออย่างนั้นหรือ”

แววข่มขู่ในคำพูดนี้ชัดเจนเกินไปแล้ว

และด้านข้างเซี่ยงเซ่าถิงอดยิ้มอย่างได้ใจออกมาไม่ได้ เขากอดอกกล่าวว่า “แค่เรื่องแต่งงานเท่านั้น มีอะไรต้องดูระยะยาวด้วย ให้ไฉไฉ่เอาสินเดิมที่พวกเราตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้วแต่งเข้ามาตรงๆ ก็สิ้นเรื่องไม่ไช่หรือ”

“เจ้า…”

ทันใดนั้นคนใหญ่คนโตของเผ่าทอเมฆาคนหนึ่งโกรธจนโพล่งออกมาอย่างเดือดจัด แทบจะชักสีหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่กลับถูกคนที่อยู่ข้างๆ ขวางไว้อย่างเด็ดขาด

‘สินเดิมอะไร’

และพร้อมกันนั้นหลินสวินสื่อจิตเอ่ยถาม

‘อาภรณ์สวรรค์ปีกดารา!’ หลันเหยียนพูดลอดไรฟันออกมาทีละคำ ฉายแววแค้นที่เดือดดาลหาใดเปรียบ

‘เอาสมบัติอริยะวิเศษชิ้นหนึ่งมาเป็นสินเดิม เผ่ากระจิบลำนำทองนี่ช่างกล้าคิดซะจริง…’

นัยน์ตาหลินสวินเองก็ทอแววเย็นเยียบเช่นกัน

“ในเมื่อรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้ เหตุใดยังต้องบันดาลโทสะ เผ่าทอเมฆาของพวกเจ้าคงไม่ใช่ว่าแม้แต่ผู้อาวุโสเยี่ยเฟยเหิงก็ไม่คิดจะไว้หน้าหรอกกระมัง”

ในเวลานี้เซี่ยงเซ่าถิงส่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา วางท่าเหมือนกำราบเผ่าทอเมฆาอยู่หมัดแน่นอนแล้ว

หลันชิงเหินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้ไม่สามารถหารือกันอีกสักหน่อยได้แล้วจริงๆ หรือ”

เยี่ยเฟยเหิงแสร้งไม่เข้าใจ กล่าวว่า “หนุ่มสาวแต่งงานกัน นี่สำหรับพวกเจ้าสองเผ่าแล้วเป็นเรื่องมงคลชั้นเลิศเชียว เหตุใดจึงต้องลำบากใจเช่นนี้ด้วย”

ประโยคเดียวพาให้หัวใจหลันชิงเหินร่วงหล่นสู่ก้นเหวลึก นางรู้แล้ว หากตนยังปฏิเสธอีก นั่นเท่ากับหักหน้าและล่วงเกินตระกูลเยี่ยอย่างสิ้นเชิง

“หัวหน้าเผ่า อย่าตอบตกลงเด็ดขาดเชียว!”

คนเผ่าทอเมฆาในที่นี้ต่างสีหน้าเศร้าปนขุ่นเคือง

“เฮอะ พวกเจ้าจะไปเข้าใจอะไร มีสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับเผ่ากระจิบลำนำทองของข้า เป็นโชคดีที่พวกเจ้าไขว่คว้าไม่ได้แปดชั่วโคตรแล้ว!”

เซี่ยงเซ่าถิงแค่นเสียงเย็น เรื่องมาถึงตอนนี้ เผ่าทอเมฆานี่ยังไม่รู้จักดีชั่ว ช่างเกินเยียวยาแล้วชัดๆ!

“โชคดีรึ ข้าว่าเป็นโชคร้ายเสียมากกว่า!”

ทันใดนั้นเจ้าคางคกทนไม่ไหว แค่นหัวเราะออกมา “ลองดูหน้ากระจอกอย่างเจ้าสิ ข้าเห็นแล้วยังอยากอาเจียนด้วยความขยะแขยง เตือนเจ้ารีบเชือดคอฆ่าตัวตายโดยเร็วจะดีกว่า”

ทั่วลานเงียบกริบทันที

สายตามากมายต่างมองมาทางพวกหลินสวิน ล้วนฉายแววตื่นตกใจปนสงสัย คล้ายไม่อยากจะเชื่อ

“สามหาว!”

“รนหาที่ตาย!”

“เป็นตัวอะไรกันถึงกับกล้าหยามเกียรตินายน้อยเผ่าข้า”

ทันใดนั้นด้านหลังเซี่ยงเซ่าถิง ผู้ติดตามพวกนั้นสีหน้ามืดทะมึน โพล่งผรุสวาทเสียงดัง

“พี่ใหญ่ ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้ว”

เจ้าคางคกสีหน้าไร้ความรู้สึก จวนจะไม่อาจข่มกลั้นเพลิงโทสะภายในใจ

“ประโยคต่อจากอดทนจนไม่อาจทนไหวคืออะไร”

หลินสวินย้อนถาม

“ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป!”

เจ้าคางคกพลันหัวเราะขึ้นมาทันที บนใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ฉายรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

“ไม่นะ!”

ทันใดนั้นหลันชิงเหินคล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าพลันเปลี่ยนไป โพล่งตะโกนออกมา

สวบ!

น่าเสียดาย เตือนช้าไปหนึ่งก้าว ทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าลายตา เงาร่างเจ้าคางคกหายไปจากจุดเดิมตั้งนานแล้ว

ผู้ติดตามพวกนั้นที่ติดสอยห้อยตามมากับเซี่ยงเซ่าถิง ดูเหมือนมีสิบกว่าคน แต่ล้วนเป็นพวกท่าดีทีเหลวทั้งสิ้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่แค่ระดับกึ่งราชันเท่านั้น

อยู่ต่อหน้าระดับมกุฎราชันอย่างเจ้าคางคก ก็ไม่ต่างอะไรกับวัชพืชมดปลวกอย่างสิ้นเชิง

พรวดๆๆ!

ครู่ต่อมาหยาดเลือดแดงฉานหลั่งรินเป็นสายพุ่งกระฉูด สาดกระเซ็นบนห้วงอากาศ

ผู้ติดตามคนแล้วคนเล่าล้วนถูกฝ่ามือเดียวของเจ้าคางคกตบแหลกกระจุย ร่างระเบิดเป็นเสี่ยง จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีเลือนหายไปกลางห้วงอากาศ

“เศษขยะของเล่นอะไรกัน ไม่รู้หรือว่าระดับราชันหยามกันไม่ได้ ข้ายังไม่เคยเห็นพวกโง่เง่ารนหาที่ตายแบบพวกเจ้ามาก่อนเลย”

เจ้าคางคกบ่นงึมงำคราหนึ่ง

และภาพเหตุการณ์นองเลือดนี้ ก็กระตุ้นเร้าจนผู้คนทั่วลานพากันสูดหายใจเฮือกไม่สิ้น

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

พูดไม่เข้าหูคำเดียวก็ลงมือ ฆ่าคนง่ายดายเหมือนปัดเศษฝุ่นออกจากตัว

……………

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset