ในป่าที่มืดสนิทมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นระลอก พาให้ผู้คนกลัวจนตัวสั่น
หลายวันมานี้ด้วยสาเหตุที่หลินสวินถูกอริยะกลุ่มหนึ่งตามฆ่า จึงทำให้ชื่อของเขาแพร่ออกไปด้วย
สำหรับคนของดินแดนรกร้างโบราณ ชื่อนี้เดิมก็เป็นตัวแทนของตำนานคนหนึ่งที่สามารถทำให้คนทั่วไปแหงนมอง
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณมารโลหิต นี่เป็นแค่แพะสองขาที่ก้าวสู่มกุฎและมีชื่อเสียงอยู่บ้างเท่านั้น ใครต่างก็ไม่เอามาใส่ใจอย่างจริงจัง
ด้วยทุกคนต่างรู้ว่าดินแดนรกร้างโบราณคือสถานที่ไม่ได้เรื่อง ล่มสลายและอ่อนแอกระจ้อยร่อยแค่ไหน ทั้งมกุฎมรรคายังถูกตัดขาดมาเป็นเวลานานในกาลเวลาไร้สิ้นสุดอีกด้วย
จิตใต้สำนึกของทุกคนจึงไม่เห็นผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณอยู่ในสายตา
ตัดรกร้างโบราณก่อน ค่อยประชันสูงต่ำ จากประโยคนี้ก็รู้แล้วว่าแปดดินแดนอื่นเหยียดหยันผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณด้วยท่าทีสูงส่งเหนือผู้อื่นมากเพียงใด
แต่ตอนนี้หลังจากหลินสวินเปิดฉากเข่นฆ่าอย่างแข็งกร้าว ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในป่าหลอมจิตพวกนั้นจึงพบว่า ครั้งนี้พวกเขาได้หาเรื่องศัตรูที่น่ากลัวระดับใด!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ในผืนป่าศีรษะมากมายกระเด็นขึ้นฟ้า เลือดแดงก่ำสาดกระจายเป็นสายๆ แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎที่อยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้ายังถูกสังหารเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา
ต่อให้เป็นอริยะลงมือก็ยังถูกฆ่าในพริบตา
ตลอดทางมานี้หลินสวินช่างไร้เทียมทาน ซัดกวาดศัตรูจนสิ้น!
“เกิดอะไรขึ้น”
ในป่าหลอมจิตผู้แข็งแกร่งบางส่วนถูกทำให้ตกใจ จับผึ้งมารลายดำคนหนึ่งที่หนีหัวซุกหัวซุนมาสอบถาม
“เร็วเข้า รีบหนีเถอะ เจ้าหมอนั่น… เจ้าหมอนั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ผึ้งมารลายดำกล่าวหวาดผวา
ไม่นานผู้แข็งแกร่งพวกนี้ก็รู้ข่าวอย่างละเอียด แต่ละคนหน้าพลันเปลี่ยนสี
“ออกคำสั่งขอความช่วยเหลือ รีบเชิญอริยะมาช่วยโดยเร็ว!”
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ตะโกนลั่น
ไม่ทันไรคำขอความช่วยเหลือมากมายส่งออกไป กลายเป็นรุ้งเทพหลากสายหายไปจากขอบฟ้า
ห่างออกไปนัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น เห็นเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตา จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วเปิดฉากเข่นฆ่า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เมื่อเงาร่างของหลินสวินหายไป บนพื้นก็เหลือเพียงซากศพมากมาย
“นายท่าน ข้าได้ข่าวบางอย่างมาจากจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งผึ้งมารลายดำคนหนึ่งขอรับ”
เสี่ยวอิ๋นโผนทะยานมา “บุคคลแห่งยุคที่ร้ายกาจที่สุดในโลกมารโลหิตกลุ่มหนึ่ง ยามนี้ต่างรวมตัวกันอยู่ในเมืองอารักษ์มรรค ว่ากันว่าจะเตรียมตัวเข้าสู่ ‘แดนลับนรกโลกันตร์’ ”
“คนอย่างเซวี่ยชิงอีหนึ่งในแปดยอดนภาครามจะต้องมุ่งหน้าไปที่แดนลับนรกโลกันตร์แน่”
“นอกเหนือจากนั้น ก่อนหน้านี้ไม่นานเซวี่ยชิงอียังออกคำสั่งลงมาว่าจะกำจัดผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณทุกคนในโลกมารโลหิตให้สิ้นซากภายในสามเดือน”
“ยามนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว หากพวกเราออกจากป่าหลอมจิตไปตอนนี้ จะต้องเจอกับเคราะห์สังหารมากมายตลอดทางแน่”
หลินสวินฟังเงียบๆ ความเร็วของฝ่าเท้าไม่ย่อหย่อน
ในจิตรับรู้ของเขาเล็งเห็นศัตรูกลุ่มหนึ่งที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ห่างไปไม่ไกลนานแล้ว
“จริงสิ ยังมีอีกข่าวหนึ่ง ห่างจากที่นี่ไปหลายหมื่นลี้ ในสถานที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าหุบเขาลมน้ำแข็ง เทพธิดารั่วอู่กำลังถูกมกุฎอริยะมากมายล้อมโจมตี!”
ได้ยินดังนั้นนัยน์ตาดำของหลินสวินพลันหดเกร็ง ชะงักฝีเท้า รั่วอู่ก็อยู่ที่โลกมารโลหิตหรือ
ฟุ่บๆๆ!
ขณะเดียวกันดาบหักพุ่งออกไปนอกระยะหลายร้อยจั้ง ตัดศีรษะเลือดหลั่งชโลมมากมาย หมดจดชัดเจน ไม่มีใครได้เป็นพยานที่รอดชีวิต
เมื่อเก็บดาบหักลงไป หลินสวินค่อยเอ่ยถาม “ตำแหน่งโดยละเอียดของหุบเขาลมน้ำแข็งอยู่ที่ไหน”
เสี่ยวอิ๋นเผยสีหน้ากังวลทันที กล่าวห้ามปราม “นายท่าน เรื่องนี้พวกเราเข้าไปยุ่งไม่ได้นะขอรับ นั่นเป็นถึงการเข่นฆ่าโรมรันของมกุฎอริยะมากมาย หากพวกเราบุ่มบ่ามเข้าไป ไม่เพียงแต่ช่วยเทพธิดารั่วอู่ไม่ได้ กลับเป็นว่าอาจจะทำให้ตนประสบเคราะห์แทน”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ท่านยังบาดเจ็บ…”
หลินสวินตัดบทกล่าว “เสี่ยวอิ๋น ท้ายที่สุดแล้วรั่วอู่ก็เป็นยอดบุคคลคนหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา หากนางประสบเคราะห์ จะต้องก่อให้เกิดการโจมตีอย่างหนักแก่ดินแดนรกร้างโบราณแน่ ต่อให้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ด้วยท่าทีของนาง ข้าเองไม่อาจมองนางตายโดยไม่ช่วยได้”
เขาไม่ใช่คนใจกว้าง แต่ด้วยรู้ดีว่าหากรั่วอู่ถูกฆ่า ความหนักหน่วงของแรงโจมตีที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณได้รับจะต้องอยู่เหนือความคาดหมายแน่
แม้ในหมู่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณที่เข้าร่วมสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้ ไม่ขาดแคลนบุคคลระดับอริยะก็จริง
แต่คนที่กลายเป็นมกุฎอริยะอย่างแท้จริงนั้น มีแค่องค์ชายเซ่าเฮ่าและเทพธิดารั่วอู่!
เมื่อคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขาสองคนประสบเคราะห์ นั่นก็เหมือนการโค่นเสาหลักต้นหนึ่งของค่ายทีพดินแดนรกร้างโบราณไปจริงๆ!
“นายท่าน อันที่จริงท่านก็ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณอย่างแท้จริง”
เสี่ยวอิ๋นอดกล่าวเตือนไม่ได้
หลินสวินชะงัก จากนั้นก็ส่ายศีรษะกล่าว “แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ เรื่องที่ควรออกแรงแน่นอนว่าข้าต้องลงแรง”
หลินสวินพูดพลางสูดหายใจลึกกล่าว “เสี่ยวอิ๋น เจ้าไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวข้าอีก เจ้ามานำทาง พวกเราจะไปหุบเขาลมน้ำแข็งกัน!”
เสี่ยวอิ๋นเห็นดังนี้ก็ได้แต่ทอดถอนใจ พยักหน้ารับคำ
ทั้งสองคนพุ่งออกไปนอกป่าหลอมจิตทันที
ตลอดทางหลินสวินคร้านจะไปเก็บกวาดศัตรูที่กระจายอยู่ในป่าหลอมจิตพวกนั้นอีก เทียบกับเรื่องพวกนี้แล้ว ชีวิตของรั่วอู่สำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งหลินสวินก็ใช่ว่าจะบ้าระห่ำ จากมุมมองของเขาต่อให้รั่วอู่ถูกปิดล้อมจริง แค่มอบโอกาสชั่วพริบตาให้กับนาง นางจะต้องฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่!
และหลินสวินสามารถให้โอกาส ‘ชั่วพริบตา’ นั้นกับนางได้!
ต่อให้สุดท้ายไม่อาจช่วยเทพธิดารั่วอู่ออกมาได้จริงๆ หลินสวินก็ไม่มีทางนึกเสียใจ
เรื่องบางเรื่องต่อให้รู้อยู่ว่าทำไม่ได้ แต่กลับจำเป็นต้องทำ!
…
ระหว่างทางหลินสวินนำโอสถเทพบางส่วนที่เก็บไว้ออกมาซ่อมเสริมพลังของกฎเกณฑ์ไร้มรณะ เริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทั่วร่างเต็มกำลัง
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา
นอกป่าหลอมจิต เมื่อได้เห็นใต้หล้ากว้างใหญ่สะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาอีกครั้งหลินสวินก็สูดหายใจลึก สังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บทั่วร่างฟื้นคืนมาแล้วเจ็ดแปดส่วน จึงตัดสินใจเร่งเดินทางเต็มอัตราทันที
ตูม!
เพียงแต่เขาเพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน ในจุดที่ห่างออกไปก็มีคลื่นการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเกิดขึ้น ทำให้ฟ้าดินต่างสั่นสะเทือน
ภูเขาสูงใหญ่ทอดยาวติดต่อกันหลายลูกถึงกับทรุดตัวและแตกระเบิดในชั่วพริบตา!
กลิ่นอายการต่อสู้ที่น่าพรั่นพรึงนั้นทำให้ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แข็งแกร่งยิ่ง!
ต่อให้เป็นอริยะลงมือก็ยังไม่อาจครองอานุภาพเช่นนี้ได้!
หรือว่า…
หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกมาแล้วตรวจสอบได้ทันที ในจุดที่ห่างออกไปมีเงาร่างที่กลิ่นอายน่ากลัวร้ายกาจเจ็ดแปดคน กำลังล้อมโจมตีเงาร่างสีแดงเพลิงร่างหนึ่งเต็มกำลัง
เงาร่างนั้นอาบไล้ด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์แดงเข้ม รูปร่างสูงโปร่ง มวยผมสีดำเอาไว้ เผยให้เห็นลำคอระหงขาวดุจหิมะ ใบหน้างามซีดเผือดเหมือนโปร่งแสง
เป็นเทพธิดารั่วอู่!
หลินสวินใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง คิดไม่ถึงว่าเขากำลังเตรียมตัวไปช่วยเทพธิดารั่วอู่ที่หุบเขาลมน้ำแข็ง ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวอยู่แถบนี้
ทั้งดูจากสถานการณ์แล้ว ยังเห็นได้ชัดว่านางถูกตามฆ่ามาถึงที่นี่ตลอดทาง!
“เสี่ยวอิ๋น เจ้าพาเสี่ยวเทียนกลับไปที่แดนลับวังใต้ดินก่อน รอสนับสนุนอยู่ที่นั่น ข้าจะไปช่วยรั่วอู่”
หลินสวินออกคำสั่งอย่างฉับไว
เสี่ยวอิ๋นก็รู้ว่าสถานการณ์ร้ายแรง เขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย พาผีเสื้อมารแยกฟ้ากลับไปที่ป่าหลอมจิตพร้อมกัน
ฟุ่บ!
ขณะเดียวกันหลินสวินโคจรไอซวนหนี เข้าไปใกล้สนามรบที่อยู่ห่างออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง
…
“สู้กันมาหลายหมื่นลี้ เจ้าสามารถยืนหยัดในมือพวกเราได้ถึงตอนนี้ ก็ถือเป็นบุคคลที่ร้ายกาจคนหนึ่ง ข้ารับรองว่าแค่เจ้ายอมแพ้ตอนนี้ และรับปากว่าจะเข้าร่วมดินแดนโบราณมารโลหิตของข้า ก็จะไว้ชีวิตเจ้า!”
กลางอากาศเล่อเซวี่ยซิวกล่าวเย็นชา ร่างกายของเขาส่องประกาย การโจมตีดุดัน พลังที่ปล่อยออกมายามขยับเคลื่อน ล้วนสามารถสังหารอริยะคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ในทิศทางอื่นยังมีมกุฎอริยะอีกหกคนเหมือนกับเขาลงมือพร้อมกัน ล้วนสีหน้าเย็นชา พลังต่อสู้ร้ายกาจ
ในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ถูกจำกัดด้วยข้อผูกมัดของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน สามารถพูดได้อย่างไม่โอ้อวด ว่ามกุฎอริยะแต่ละคนก็คือบุคคลชั้นนำที่ราวกับนายเหนือหัวคนหนึ่ง!
ที่นี่พวกเขาก็คือคนที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือเหล่าผู้แข็งแกร่ง สามารถก้มมองคู่ต่อสู้คนอื่นได้ทั้งหมด
และตอนนี้พวกเขามกุฎอริยะทั้งเจ็ดคนได้ปิดล้อมเทพธิดารั่วอู่อย่างสมบูรณ์!
“พวกข้าดินแดนรกร้างโบราณยอมตาย ก็ไม่ยอมคุกเข่าเอาตัวรอด!”
ใบหน้างามของรั่วอู่ซีดเผือด นางได้รับบาดเจ็บสาหัส สภาพร่างกายย่ำแย่หาใดเปรียบ อยู่ในขอบเขตที่พลังใกล้แห้งเหือดแล้ว
การต่อสู้นี้ห้ำหั่นกันมาตั้งแต่หุบเขาลมน้ำแข็ง ข้ามผ่านดินแดนหลายหมื่นลี้ จนถึงตอนนี้นางใกล้จะต้านไม่อยู่แล้วจริงๆ
“ฮึ! รอข้าจับตัวเจ้าได้เมื่อไหร่จะเฆี่ยนเจ้าแล้วเอามาเป็นทาส กระทำย่ำยีจนอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”
เล่อเซวี่ยซิวกล่าวสีหน้าเหี้ยมเกรียม “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีต ผู้หญิงของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นขอแค่มีรูปโฉมงดงามเพียงนิด ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าหญิงแห่งยุคหรือเทพธิดาที่ท่าทางสง่างามแค่ไหน มีใครเล่าไม่เคยลิ้มลองรสชาติของการตกเป็นทาสชั้นต่ำเช่นนี้มาก่อน”
คนอื่นต่างยิ้มเย็นขึ้นมา ในแววตาเจือกลิ่นอายเหี้ยมโหด
ให้มกุฎอริยะหญิงคนหนึ่งตกเป็นทาสใต้หว่างขาที่ไม่ว่าใครก็เล่นได้ตามใจ ความรู้สึกที่แฝงอยู่นี้คิดดูแล้วก็ทำให้คนเฝ้ารอนัก
ใบหน้างามของเทพธิดารั่วอู่ค้างแข็ง นัยน์ตาเยียบเย็นจนน่ากลัว เม้มปากไม่เอ่ยวาจา
ต่อให้ต้องปาดคอตาย นางก็ไม่มีทางให้ตัวเองถูกจับทั้งเป็นแน่!
“ตาย!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งดังก้องขึ้น เล่อเซวี่ยซิวพลันก้าวแหวกอากาศ จู่ๆ เงาร่างก็ปรากฏอยู่หน้าเทพธิดารั่วอู่ ฝ่ามือหวดลงอย่างหนักหน่วงเหมือนกงล้อ
ตูม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศแตกระเบิด พลังอริยมรรคชวนประหวั่นปะทุออกมาจากฝ่ามือของเล่อเซวี่ยซิว เหมือนธารดาราที่ร่วงหล่นลงมาจากเก้าชั้นฟ้า
เพียงพริบตาเทพธิดารั่วอู่ถูกซัดจนริมฝีปากกระอักเลือด ร่างกายซวนเซลอยละลิ่วห่างไปไม่ไกล
มกุฎอริยะคนอื่นฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีจากทิศทางอื่นนานแล้ว!
สีหน้าของแต่ละคนต่างเจือไอสังหารอำมหิตถึงที่สุด
“ในเมื่อไม่รอดแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะลากพวกเจ้าบางคนไปปรโลกด้วย!”
รั่วอู่เหมือนตระหนักได้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่ นางพลันกัดฟันกรอด นัยน์ตากระจ่างฉายแววเหี้ยมโหด ทั่วร่างแผ่เพลิงศักดิ์สิทธิ์โหมกระหน่ำไปรอบทิศ หลอมละลายห้วงอากาศใกล้เคียง
“ระวังนางทุ่มสุดตัว!”
เล่อเซวี่ยซิวหน้าเปลี่ยนสีกล่าวเตือน
หากมกุฎอริยะคนหนึ่งคิดจะพินาศย่อยยับไปด้วยกัน อานุภาพนั้นก็ใช่ว่าใครจะแบกรับได้
จริงดังคาด เมื่อเห็นภาพนี้มกุฎอริยะที่ล้อมโจมตีเข้ามาพวกนั้นต่างนัยน์ตาหดรัดทันที การโจมตีย่อหย่อนไปก้าวหนึ่ง เริ่มทำการป้องกัน
เวลานี้พลังแปลกประหลาดและเร้นลับสายหนึ่งพลันแผ่กระจายในสนามรบ
อภินิหารหยุดเวลา!
พริบตานี้เทพธิดารั่วอู่ที่เดิมทีสู้สุดชีวิตราวกับรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้อยู่ก่อนแล้ว นางฉวยโอกาสนี้หลบหนีโดยไม่ลังเล
ฟุ่บ!
เงาร่างนางพุ่งวาบ จู่ๆ ก็หายไป
หลังผ่านไปชั่วพริบตา พวกเล่อเซวี่ยซิวจึงได้ตอบสนอง แต่ละคนอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ เมื่อครู่นั้นคือพลังอะไร
ทำไมถึงแปลกประหลาดเช่นนี้
………….