Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1875 สมบัติมรรคแรกกำเนิดของเขตต้องห้ามเซียนโบราณ

“ท่านอาจารย์ หลายปีนี้ท่านไปไหนมา เหตุใดในทางเดินโบราณฟ้าดาราอันกว้างใหญ่นี้ถึงสืบข่าวคราวของท่านไม่ได้อีกเลย หรือท่านเจออุปสรรคอะไร”

ป๋อหยาจื่อถามหลายคำถามในทีเดียว

หลี่เสวียนเวยพูดอย่างจนใจ “ชาวประมงน้อย ตอนนี้เจ้าเป็นถึงระดับจักรพรรดิแล้ว เหตุใดยังเสียอาการเช่นนี้ เจ้าน่ะ ใจเย็นลงหน่อย ให้ข้าคุยกับศิษย์น้องก่อน”

ป๋อหยาจื่อพยักหน้ารัวๆ

ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาเสียการควบคุมอยู่บ้างจริงๆ

“ศิษย์น้อง เจ้ามาสำนักยุทธ์เสวียนจีคราวนี้เพราะอยากจะสืบเรื่องของคีรีดวงกมลใช่หรือไม่”

แววตาหลี่เสวียนเวยมองไปยังหลินสวิน สีหน้าอบอุ่น

หลินสวินประหลาดใจ “ศิษย์พี่คาดเดาออกนานแล้วหรือ”

หลี่เสวียนเวยยิ้ม “ข้าไม่มีความสามารถในการทำนายหรอก สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้ในตอนนั้น ข้าเองยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะหาที่นี่เจอไวขนาดนี้”

ตามที่หลี่เสวียนเวยบอก ภาพวาดสลักหินนี้คือพลังแห่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของเขาที่เขาทิ้งเอาไว้ยามจะจากไป

เพียงแค่ใช้พลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต ก็จะสามารถทำให้พลังแห่งเจตจำนงนี้ตื่นขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงอันเป็นเอกลักษณ์กับร่างต้นของเขา

“ศิษย์พี่ ในเมื่อท่านรู้จุดประสงค์การมาของข้าแล้ว ช่วยคลายข้อสงสัยให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”

หลินสวินถาม

หลี่เสวียนเวยถอนหายใจเบาๆ “ศิษย์น้อง ไม่ใช่ว่าข้าไม่บอกเจ้านะ แต่ด้วยมรรควิถีของเจ้าในตอนนี้ รู้เหตุการณ์ในอดีตพวกนี้ไปมีแต่โทษไม่มีประโยชน์”

มุมปากหลินสวินกระตุก คำตอบเช่นนี้ เขาเคยได้ยินไม่เพียงแค่ครั้งเดียว

ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเคยพูดเช่นนี้ ศิษย์เสวียนคงเองก็เคยพูดเช่นนี้ แม้แต่ศิษย์พี่ผู่เจินเองก็จงใจหลีกเลี่ยงการพูดคุยในหัวข้อเหล่านี้กับตน

หลี่เสวียนเวยเอ่ยว่า “แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งต้องการให้ศิษย์น้องลงมือช่วย และเจ้าต้องลงมือด้วยตัวเองเท่านั้น”

หลินสวินอึ้ง พลันฮึกเหิมขึ้นมา “เรื่องอะไรหรือ”

หลายปีมานี้บุญคุณที่เขาได้รับจากคีรีดวงกมลมีมากเกินไป ทว่าแม้สถานการณ์ในตอนนี้ของคีรีดวงกมลก็ยังไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วยเหลืออะไร

“เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้น”

หลี่เสวียนเวยพูดออกมาเช่นนี้ ทำเอาหลินสวินประหลาดใจ

จากนั้นหลี่เสวียนเวยก็เล่าที่มาที่ไป

งานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นครั้งนี้ อันที่จริงก็เพื่อช่วงชิง ‘สมบัติมรรคแรกกำเนิด’ ที่ถือกำเนิดในแดนแห่งปริศนาชิ้นหนึ่ง

มีเพียงการเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคและติดอับดับร้อยคนแรกเท่านั้น ร้อยคนนี้จะถูกส่งไปที่ ‘เขตต้องห้ามเซียนโบราณ’!

เขตต้องห้ามเซียนโบราณคือหนึ่งในแปดเขตต้องห้ามใหญ่แห่งหงเหมิง มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นแดนแห่งปริศนาที่อันตรายหาที่เปรียบไม่ได้แห่งหนึ่ง

หลายปีที่ผ่านมาคนใหญ่คนโตที่คิดว่าพลังปราณของตนยิ่งใหญ่เทียมฟ้าไม่รู้เท่าไหร่เข้าไปสำรวจ แต่ล้วนร่วงหล่นหรือไม่ก็กลับมามือเปล่าอย่างไม่มีข้อยกเว้น

ทว่าตามที่หลี่เสวียนเวยพูด เมื่อไม่นานมานี้ภายในเขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดสะท้านโลก คล้ายว่าจะมีสมบัติโบราณปรากฏ ทำให้พลังกฎระเบียบของเขตต้องห้ามแห่งนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง

ก็เพราะการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกนี้ ทำให้หกเรือนมรรคใหญ่สังเกตเห็นพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่ง หลังผ่านการอนุมานหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจข้อหนึ่ง…

สมบัติโบราณที่ปรากฏในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง!

อะไรคือสมบัติมรรคแรกกำเนิด

ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจแล้ว

‘ศิลามรรคโลกาสวรรค์’ ที่ถูกมองว่าเป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ก็คือสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง!

หลินสวินจำได้แม่นว่าจักรพรรดิกระบี่ฝูเหยาเคยบอกว่า เริ่มแรกบรรพจารย์ก่อตั้งสำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ผ่านการเดินทางอันยากลำบากมาถึงแดนแห่งปริศนา และค้นพบศิลามรรคชิ้นหนึ่งที่ถือกำเนิดในบ่อเกิดแรกกำเนิด

ก็เพราะศิลามรรคนี้ ทำให้บรรพจารย์ก่อตั้งสำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์แจ้งมรรคในคราเดียว สร้างสำนักโบราณที่ไม่เสื่อมสลายอย่างเรือนมรรคโลกาสวรรค์

ศิลามรรคชิ้นนี้ก็คือศิลามรรคโลกาสวรรค์

แดนแห่งปริศนาที่ให้กำเนิดศิลามรรคโลกาสวรรค์ ตอนนี้กลายเป็นอาณาเขตของเรือนมรรคโลกาสวรรค์แล้ว นามว่าภูเขาเทพแสงเขียว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของคนทั้งโลก

ก็หมายความว่า ศิลามรรคโลกาสวรรค์ชิ้นนี้กลายเป็นสำนักโบราณที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา ตอนนี้ยิ่งชื่อเสียงเลื่องลือในหกเรือนมรรคใหญ่ สยบทั่วหล้า!

นี่ก็คือความมหัศจรรย์ของสมบัติมรรคแรกกำเนิด

และตอนนี้ สมบัติโบราณที่ปรากฏในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นสมบัติมรรคแรกกำเนิดเหมือนศิลามรรคโลกาสวรรค์ นี่จะไม่ให้คนบ้าคลั่งได้อย่างไร

แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ก็นั่งไม่ติดแล้ว

เพราะถ้าได้ครอบครองสมบัติเช่นนี้ ผลประโยชน์ย่อมเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!

เรือนมรรคโลกาสวรรค์ในตอนนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด!

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ แม้เขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่พลังกฎระเบียบอันน่ากลัวที่เปี่ยมล้นภายในกลับยังคงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถเข้าใกล้ได้

ภายหลังหกเรือนมรรคใหญ่ได้สันนิษฐานว่า หากต้องการเข้าไปช่วงชิงสมบัติในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ จะต้องร่วมมือกัน ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละคนเปิดเส้นทางสายหนึ่งในกำแพงที่ปกคลุมเขตต้องห้ามเซียนโบราณ

เพียงแต่เส้นทางเช่นนี้ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง หากระดับจักรพรรดิเหยียบย่างก็จะทรุดทลายทันที

ก็หมายความว่า แม้เปิดเส้นทางสายหนึ่งขึ้น ก็รับพลังระดับจักรพรรดิขึ้นไปไม่ได้!

เพื่อความมั่นใจ และเพื่อให้สามารถนำสมบัติมรรคแรกกำเนิดของเขตต้องห้ามเซียนโบราณกลับมาได้

หกเรือนมรรคใหญ่จึงตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ว่าจะจัดงานชุมนุมถกมรรคขึ้น เลือกบุคคลระดับราชันอริยะชั้นยอดกลุ่มหนึ่ง ส่งเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ

ทำเช่นนี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการช่วงชิงสมบัติระหว่างสำนักที่ทำให้เกิดการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ เช่นนั้นขุมอำนาจต่างๆ ย่อมรับไม่ไหว

อย่างไรก็เป็นการจัดงานชุมนุมถกมรรคครั้งหนึ่ง แข่งขันกันอย่างยุติธรรม สุดท้ายร่วมมือกันส่งผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไปช่วงชิงสมบัติในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ นี่กลับเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

เข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้

เขาเพิ่งรู้ว่าข่าวที่ตนรับรู้มาก่อนหน้านี้เป็นเพียงด้านหนึ่ง ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้น เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง!

“ศิษย์น้อง เขตต้องห้ามเซียนโบราณดำรงอยู่ตั้งแต่อดีต ถูกมองเป็นหนึ่งในแปดเขตต้องห้ามใหญ่แห่งหงเหมิง บนโลกนี้น้อยมากที่จะมีคนรู้อันตรายที่แท้จริง แต่ศิษย์น้องหญิงจวินหวนเป็นข้อยกเว้น”

พูดถึงตรงนี้ มุมปากหลี่เสวียนเวยเหยียดออกเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมา

หลินสวินราวกับถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหญิงจวินหวน คงไม่ใช่… เจ้าคนที่ชายไม่ใช่หญิงไม่เชิงที่ชอบใส่ชุดคลุมกุหลาบชมพู ท่าทางกระตุ้งกระติ้งนั่นหรอกนะ ”

เขาจำจวินหวนได้อย่างลึกซึ้ง

ยามออกเดินทางจากโลกลำนำสวรรค์ไปที่โลกต้าอวี่ หลินสวินเจอจวินหวนโดยบังเชิญ อีกฝ่ายเพิ่งจะฆ่าคนของกลุ่มโจรสลัดวิหคกระดูกด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แต่บนเสื้อผ้ากลับปักลายเมฆกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมด ผมยาวดำถูกปิ่นปักไว้เฉียงๆ มีใบหน้าอันหล่อเหลาที่ใช้คำว่า ‘งดงาม’ มาบรรยายได้โดยสมบูรณ์

เขามีเนตรหงส์ที่ให้ความรู้สึกเจ้าชู้สำราญตามธรรมชาติคู่หนึ่ง ผิวพรรณขาวสะอาดดั่งหยกมันแพะ รูปร่างเพรียวยาว แม้แต่เสียงยังแฝงความอ่อนหวานอันเป็นเอกลักษณ์

ไม่ว่าใครเห็นชายที่เรียกได้ว่างดงาม โดดเด่นคนนี้ ล้วนต้องเกิดความรู้สึกประหลาดใจ

แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้น เขาที่อยู่ในชุดชมพู ปักปิ่นปักผมกลับให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดามาก มีท่วงทำนองปลอดโปร่งเจ้าชู้สำราญอย่างหนึ่ง

ตอนนั้นที่หลินสวินได้พบเจอเขา รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองไปทั้งตัว อึดอัดอย่างไม่อาจอธิบาย แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาจดจำจวินหวนได้อย่างลึกล้ำเป็นที่สุด

ตอนนี้ได้ยินคำพูดของหลี่เสวียนเวยแล้ว เขาก็นึกถึงเจ้าหมอนั่นทันที

“เอ้อ ชายไม่ใช่หญิงไม่เชิงหรือ”

หลี่เสวียนเวยสีหน้าแปลกประหลาด “ศิษย์น้อง เจ้าเข้าใจอะไรในตัวศิษย์พี่หญิงจวินหวนของเจ้าผิดไปหรือเปล่า”

“ศิษย์พี่ เป็นเขาจริงๆ หรือ”

หลินสวินผิดคาด

หลี่เสวียนเวยพยักหน้า “ใช่ ศิษย์น้องจวินหวนชอบของสีชมพูที่สุด ชายที่เจ้าพูดถึง… คงจะเป็นนางปลอมตัวไป”

หลินสวินพลันยิ้มขื่น

ที่แท้นางดันเป็นศิษย์พี่หญิงของตน…

แต่ท่าทีที่ตนปฏิบัติต่อนางในตอนนั้น ไม่ใคร่ดีนัก…

“แต่เหตุใดนางเจอข้าแล้วไม่แนะนำตัวทำความรู้จักกันเล่า”

หลินสวินอดพูดไม่ได้

หลี่เสวียนเวยชี้ไปที่ท้องฟ้า “หลายปีมานี้นางก่อเรื่องไว้เยอะเกินไป ถูกพวกเฒ่าบางส่วนเพ่งเล็ง หากเปิดเผยตัวตนกับเจ้า เกรงว่าจะพลอยทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ก็นับว่านางมีเจตนาดีต่อเจ้าแล้ว”

หลินสวินถอนหายใจ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

จวินหวน ชื่อที่เหมือนผู้ชายอย่างที่สุดนั่น ที่แท้กลับเป็นศิษย์พี่หญิงของตน!

“ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว ข้ากับจวินหวนล้วนใช้กระบี่แจ้งมรรค แต่ศัตรูที่กระบี่ของนางฆ่า มากกว่าข้ามาก…”

หลี่เสวียนเวยถอนหายใจ “จริงสิ หลังจากนี้ถ้าเจอนางอีก เจ้าต้องว่าง่ายหน่อย อุปนิสัยของจวินหวนก็เหมือนมรรคกระบี่ของนาง ดูเหมือนอ่อนโยนราวกับน้ำ ความจริงฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย ถ้าทำให้นางโกรธ ศิษย์พี่อย่างข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

หลินสวินใจสั่น ตอนนั้นเขานึกว่าจวินหวนเป็นคนวิปริตที่หญิงไม่ใช่ชายไม่เชิงเสียอีก ท่าทางจึงเย็นชาและกีดกันยิ่ง

ก็ไม่รู้ว่าศิษย์พี่จวินหวนจะแค้นใจเรื่องนี้หรือไม่

“ตอนนั้นศิษย์น้องจวินหวนก็ไปที่เขตต้องห้ามเซียนโบราณเช่นกัน ได้พบเรื่องเหลือเชื่อที่นั่น และเกือบไม่รอดกลับมา”

หลี่เสวียนเวยพูด “ตอนกลับมา นางพูดทันทีว่าในเขตต้องห้ามเซียนโบราณต้องมีศุภโชคแห่งยุคที่ไม่เคยปรากฏสู่โลกซ่อนอยู่”

ว่าพลางหลี่เสวียนเวยก็ดีดนิ้ว ภาพขุนเขาลึกลับภาพหนึ่งปรากฏ เปลี่ยนเป็นประทับหนึ่งพุ่งเข้าไปในสมองหลินสวิน

ทันใดนั้นภูเขาใหญ่ดั้งเดิมที่กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีสิ้นสุดลูกหนึ่งผุดขึ้นในหัวหลินสวิน เผยกลิ่นอายน่ากลัวปานดับสิ้น ไม่สมบูรณ์ และรกร้าง

ภาพมายาของภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น กลับเหมือนสามารถกดข่มสภาวะจิต ทำให้หลินสวินเองยังรู้สึกอึดอัด แม้แต่หายใจยังลำบาก

“นี่คือภูเขาวิญญาณดั้งเดิมลูกหนึ่งในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ จากที่ศิษย์น้องจวินหวนพูด ภูเขาลูกนี้นามว่าปู้โจว บนนั้นเต็มไปด้วยพลังทำลายต้นกำเนิด พิบัติภัยมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ศุภโชคแห่งยุคที่ไม่เคยปรากฏสู่โลกนั่นก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะซ่อนอยู่ในนั้น”

เสียงของหลี่เสวียนเวยดังขึ้นข้างหูหลินสวิน “นี่ล้วนเป็นข้อสันนิษฐานของศิษย์น้องจวินหวนในตอนนั้น แต่ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่า เป็นศุภโชคแห่งยุคนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นสมบัติมรรคแรกกำเนิดที่หกเรือนมรรคใหญ่จับจ้องอยู่ตอนนี้”

“เขาปู้โจว…”

หลินสวินทวนเงียบๆ รอบหนึ่ง เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่า ถ้าเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ ขอเพียงแค่หาเขาปู้โจวลูกนั้นเจอ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะชิงสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นนั้นมาได้หรือ”

หลี่เสวียนเวยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ถูกต้องแล้ว หากศิษย์น้องชิงสมบัตินี้มาได้ ต่อไปถ้าก่อตั้งสำนัก ไม่แน่ว่าบนโลกนี้จะมีสำนักที่เทียบเคียงเรือนมรรคโลกาสวรรค์เพิ่มขึ้นมาเป็นสำนักที่สอง”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset