Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1904 สุริยันฉายเด่น

ตอนที่ 1904 สุริยันฉายเด่น
ชิ้ง!

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเก็บกระบี่โบราณ บุคลิกสง่างามเหนือธรรมดา

สายตาของนางกวาดไปทั้งสี่ทิศแล้วเอ่ยว่า “ยังมีใครไม่พอใจอีกไหม ถือโอกาสมาประลองตอนนี้ได้เลย”

เสียงเย็นชา เจือแววหยิ่งทระนงอันเป็นเอกลักษณ์

ไม่ทันรอให้เอ่ยปาก ก้วนซวีก็ชิงพูดก่อนแล้วว่า “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ ถ้าพวกเจ้าอยากแลกเปลี่ยนวิชากัน ค่อยรอหลังการคัดเลือกถกมรรคจบลงก็ได้ ตอนนี้เริ่มการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง!”

เห็นดังนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยเบ้ปากเล็กน้อย แต่ก็ยังหันกายออกจากสนามประลองอยู่ดี

คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็หมดคำพูด

โหยวเทียนซิงยังถูกเอาชนะ นี่ก็เพียงพอจะพิสูจน์แล้วว่านอกจากโชคดีเย้ยฟ้าแล้ว พลังต่อสู้ของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองยังเข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้แข่งแกร่งสิบอันดับแรกได้

มีเพียงโหยวเทียนซิงคนเดียวที่สีหน้าอึมครึมยิ่งนัก

ก่อนการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งจะเริ่มขึ้นก็พ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้ เรื่องนี้กระทบกระเทือนความเชื่อมั่นของเขาไม่น้อย

สวบ!

ซูมู่หานชิงขึ้นสนามประลองก่อนแล้ว เขาแต่งชุดงูเหลือมสีเหลืองสด สวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัด รูปลักษณ์หล่อเหลา สง่างามดึงดูดสายตา

แม้เป็นอันดับหนึ่งที่มาจากการคัดเลือกสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งในศักยภาพของซูมู่หาน แม้แต่ผู้สืบทอดแกนหลักของเจ็ดสำนักใหญ่บางคนยังละอายที่สู้ไม่ได้

ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ ในหมู่สิบสามผู้แข็งแกร่งก็เหลือเพียงเขา หลินสวิน และโหยวเทียนซิงสามคน เป็นผู้ที่มาจากสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่

อีกสิบคนมาจากเจ็ดสำนักใหญ่แทบทั้งนั้น แม้แต่จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็มาเข้าร่วมศึกนี้ในฐานะคนของสำนักยุทธ์เสวียนจี

จากจุดนี้ก็ดูออกว่าซูมู่หานแข็งแกร่งปานไหน

“พี่จิน เชิญ”

บนสนามประลอง ซูมู่หานเอ่ยง่ายๆ

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบวาบเข้ามาในสนาม แล้วเอ่ยว่า “เชิญ”

พริบตาเดียวสายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างมองมาที่ทั้งสอง

ซูมู่หาน อัจฉริยะชั้นเลิศที่ปฏิเสธการดึงตัวของเจ็ดสำนักใหญ่ตั้งแต่ยังเยาว์ บุคคลชั้นยอดคนหนึ่งที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลซู

ส่วนจินตู๋อี ก็เป็นม้ามืดที่สร้างความประหลาดใจเหนือความคาดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ในการคัดเลือกถกมรรคจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแพ้สักครั้ง!

การประมือของบุคคลชั้นยอดทั้งสองย่อมต้องไม่ธรรมดา!

“พี่จิน ศึกนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ข้าคนแซ่ซูก็ขอเพียงสู้ให้หนำใจ!”

ซูมู่หานพลันก้าวย่างพร้อมรอยยิ้ม

ตูม!

ก้าวเดียวเท่านั้น แสงตระการตาหาใดเทียบแถบหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างของซูมู่หาน กลายเป็นดวงอาทิตย์โชติช่วงดวงหนึ่งลอยเด่นเหนือเวิ้งฟ้า ส่องสว่างภูผาธารา

เขาเจิดจ้าไปทั้งร่าง แสงมรรคที่หลั่งไหลออกมาสมจริงนัก ทั้งตัวมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ปาน ‘สุริยันกลางนภา ประกายแสงหมื่นจั้ง’

“แข็งแกร่งนัก! ก่อนหน้านี้ซูมู่หานเก็บงำไว้ชัดๆ”

มีคนพูดเสียงค่อย

ในการคัดเลือกถกมรรคก่อนหน้านี้ แม้ซูมู่หานแสดงความสามารถได้น่าตกตะลึงยิ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นพลานุภาพหรือกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ไม่แข็งแกร่งเท่าตอนนี้

“ในหมู่สิบสามคนที่อยู่ในสนามมีใครไม่เก็บงำบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าซูมู่หานคนนี้… ทันทีที่ต่อสู้ก็ใช้พลังแท้จริงเลย เห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับจินตู๋อีขนาดไหน”

มีคนแววตาเป็นประกาย

ด้านพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวง EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ใจจดจ่ออยู่ที่สนามประลองเพียงอย่างเดียว

การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง เกี่ยวพันกับการได้เข้าร่วมในงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันจัดขึ้น ดังนั้นไม่ว่าใครต่างก็ไม่กล้าเลินเล่อสักนิด

ตูม!

เมื่อซูมู่หานก้าวย่าง ดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงเหนือห้วงอากาศดวงนั้นก็ยิ่งเจิดจ้า แผ่คลื่นพลังอันน่าหวาดหวั่นออกมาประหนึ่งกำลังแผดเผา

สุริยันฉายเด่น!

นี่เป็นพลังเขตแดนมรรคที่ซูมู่หานควบรวมขึ้น แข็งแกร่งอหังการถึงขีดสุด ดุดันหาใดเทียบ

ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันทั่วๆ ไปอย่าว่าแต่ลงมือ เพียงพริบตาก็หวาดหวั่นใจ อกสั่นขวัญแขวนและสิ้นหวังเพราะมัน!

‘น่าเสียดาย ตอนนั้นดันรับเจ้าหนุ่มคนนี้เข้าสำนักไม่ได้’

ขณะนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าในเจ็ดสำนักใหญ่ไม่รู้เท่าไรรำพึงในใจ ซูมู่หานอัจฉริยะแห่งยุคที่ผงาดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อยคนหนึ่ง

เขาในตอนนี้เริ่มเปล่งประกายยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!

ตูม!

กระทั่งเดินออกมาก้าวที่เก้า อานุภาพทั้งตัวของซูมู่หานก็เพิ่มสูงถึงขีดสุดแล้ว โชติช่วงตระการตาไปทั้งร่าง ตัวเขาประหนึ่งดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง

ในระหว่างนี้หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว ความจริงในใจก็ออกจะประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่ต้องสงสัย ว่าซูมู่หานต้องเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เขาเข้ามาในแคว้นเมฆา

กลิ่นอาย อานุภาพ รวมถึงพลังเจตจำนงที่สำแดงออกมาต่างเรียกได้ว่าล้ำเลิศและเยี่ยมยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

หลินสวินเอ่ย “เจ้าอยากสู้ให้หนำใจ ได้เลย แต่จะให้ข้าสู้ให้หนำใจได้หรือไม่ นั่นก็ไม่แน่แล้ว”

ซูมู่หานหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด”

ระหว่างที่พูดเขาที่สั่งสมพลังรอไว้นานแล้วก็ลงมือ

ตูม!

ฟ้าดินหม่นแสง ห้วงอากาศยุ่งเหยิง

ซูมู่หานกดฝ่ามือหนึ่งออกมา กลางฝ่ามือประหนึ่งมีดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งมาเยือนโลกา หมายจะเผาผลาญสรรพชีวิต

หลินสวินยกหมัดเข้าปะทะกับมันอย่างเบาสบาย

เมื่อทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดลั่นราวฟ้าดินดับสูญขึ้นในสนามประลอง พลังหมัดและลมฝ่ามือรุนแรงแผ่กระจาย ก่อให้เกิดเสียงร้องตกตะลึงในที่นั้นไม่รู้เท่าไร

เป็นการโจมตีที่ปะทะกันครั้งแรก แต่ความรุ่งโรจน์ของพลังที่สำแดงออกมาเรียกได้ว่าสะท้านโลก น่ากลัวเกินกว่าที่คาดคิดไปแล้ว

พวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูต่างก็สีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดว่าถ้าเปลี่ยนตนเป็นจินตู๋อีหรือซูมู่หานจะรับมืออย่างไร

“มาอีก!”

ซูมู่หานผมยาวปลิวไสว สะบัดฝ่ามือก้าวไปข้างหน้า พลังฝ่ามือนั้นราวกับนำพาดวงอาทิตย์ไปด้วย อหังการแกร่งกล้าดุจสุริยัน เผาฟ้าทลายดิน มีอานุภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้

แต่ละครั้งที่ตบฝ่ามือออกไป ความรู้สึกที่มอบให้ทุกคนก็เหมือนมีดวงอาทิตย์ดวงแล้วดวงเล่าตกลงมา!

‘เจ้าหมอนี่เก็บงำลึกล้ำจริงๆ’

เนตรงามคล้ายภาพมายาของเซี่ยอวี่ฮวาปรากฏแววประหลาด

‘ข้าอยากสู้กับเขาสักตั้ง’

หวังถูที่เหมือนเด็กน้อยแบกกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งไว้บนหลังกระเหี้ยนกระหือรือ

‘ควบรวมเขตแดนมรรคได้สมบูรณ์ถึงขั้นนี้ ซูมู่หานคนนี้เทียบกับพวกทั่วๆ ไปไม่ได้จริงๆ’

ลู่ตู๋ปู้คล้ายครุ่นคิด

ขณะนี้พลังต่อสู้ที่ซูมู่หานสำแดงออกมาดึงดูดจิตใจคนทั้งที่นั้น

และภายใต้การโจมตีอันแกร่งกล้าหาใดเทียบ อหังการรุนแรงเช่นนี้ หลินสวินสีหน้าสงบนิ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อน แกว่งหมัดโจมตี สิ่งที่สำแดงออกมาก็คือพลังพรสวรรค์ของกายมรรคดินเหลือง

ไม่ว่าจะเป็นพลานุภาพหรือความสง่างามที่เผยออกมา เห็นได้ชัดว่าพอเทียบกับซูมู่หานแล้วราบเรียบกว่ามาก

แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ ต่อให้รูปแบบการต่อสู้ราบเรียบเช่นนี้ แต่กลับสลายการโจมตีของซูมู่หานในทุกครั้งได้ทั้งหมด!

“จินตู๋อีคนนี้… ก็ไม่ธรรมดา!”

คนใหญ่คนโตหลายคนต่างเผยสีหน้าประหลาด

“มาอีก”

ในสนามซูมู่หานส่งเสียงคำรามยาว ชุดงูเหลือมสีเหลืองสดกระพือไปตามลม อานุภาพของตัวเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกช่วงใหญ่ในพริบตา

“นี่…”

ทั้งสนามประลองต่างหน้าเปลี่ยนสีเพราะเรื่องนี้

คนใหญ่คนโตบางคนยิ่งผุดลุกขึ้น นั่งไม่ติดแล้ว

ซูมู่หานเป็นผู้มีพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์ แต่ความแกร่งกล้าของพลังที่เขาสำแดงออกมาในตอนนี้ ทำให้กึ่งจักรพรรดิรุ่นอาวุโสเหล่านี้ต่างรู้สึกตกตะลึง!

“รากฐานพลังนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเทาของอู่หวงฉายแววประหลาดใจออกมาในที่สุด ไม่อาจสงบนิ่งได้ดังเก่าอีกแล้ว

เดิมทีในสายตาเขามีเพียงลู่ตู๋ปู้ที่ควรค่าให้ความสำคัญ

ต่อมาก็มีจินตู๋อีมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง

และตอนนี้ ความสามารถเหนือคาดหมายของซูมู่หานก็ทำให้อู่หวงเก็บงำความหยิ่งทระนงในใจ เริ่มให้ความสำคัญ

ตูม!

ในสนามประลอง ซูมู่หานเหมือนดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งกำลังเคลื่อนกวาด ประกายแสงนับไม่ถ้วน อหังการยิ่งยวด ทุกการเคลื่อนไหวมีอานุภาพเผาภูผาต้มสมุทรทั้งสิ้น

เพียงแต่ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ หลินสวินยังไม่เผยอารมณ์ใดๆ ออกมาเหมือนเคย

เขาเงาร่างโดดเด่น แกว่งหมัดโรมรัน ราบเรียบเป็นธรรมชาติ แคล่งคล่องเป็นปกติ แต่การโจมตีแต่ละครั้งต่างสามารถสั่นคลอนการโจมตีของอีกฝ่าย สลายการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้

เพียงครู่เดียวทั้งสองก็ประมือกันไม่น้อยกว่าพันครั้ง

ซูมู่หานยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง ลักษณะพลังก็ยิ่งโชติช่วงและกดดัน อานุภาพที่สำแดงออกมาทำเอาพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูยังเผยสีหน้าเคร่งเครียด

ส่วนหลินสวินกลับมั่นคงจนน่ากลัว!

ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกรอบแรกหรือรอบสอง กระทั่งการประลองกับซูมู่หานในตอนนี้ ความรู้สึกที่เขามอบให้ทุกคนก็เหมือนภูเขาเทพที่เงียบสงัด แม้ไม่มีประกายแสงสะท้านโลกา แต่กลับไม่อาจถูกสั่นคลอนได้!

นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่นและตกตะลึงไม่ว่างเว้นเช่นเดียวกัน

แม้แต่ระดับเจ้าสำนักอย่างก้วนซวี เหิงเซียว แต่ละคนยังไม่อาจสงบใจได้แล้ว

“ดี! ได้พบกับคู่ต่อสู้อย่างพี่จิน หนทางเสาะแสวงมรรคจึงไม่ถึงกับเงียบเหงา!”

ซูมู่หานนัยน์ตาเปล่งประกาย จิตต่อสู้พุ่งสูง

เขาเริ่มใช้ไม้ตาย โคจรพลังเขตแดนมรรคของตนถึงขีดสุด ราวทวยเทพผู้ควบคุมดวงอาทิตย์

ชั่วพริบตาภายในสนามประลองเหมือนมีดวงอาทิตย์นับหมื่นพันปรากฏขึ้น แต่ละดวงต่างพร่างพราวและแยงตา

แต่ในชั่วพริบตานี้ ดวงอาทิตย์นับหมื่นพันล้วนผสานเข้าไปในร่างของซูมู่หานเพียงคนเดียว

ครืน!

แปลงกายเป็นดวงอาทิตย์ ฉายเด่นเหนือใต้หล้า

ขณะนี้หลินสวินไหวหวั่นในที่สุด ดวงตาดำลึกล้ำดุจหุบเหววาบแววประหลาด

ความกล้าแข็งในอานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ปะทะเข้ามาในที่สุด ทั้งยังทำให้ปณิธานต่อสู้ในใจเขาถูกจุดติด!

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ใช้พลังที่แท้จริงในตอนนี้เช่นกัน

วิ้ง!

ประทับสรรพชีวิตควบรวม หลอมเข้าไปในพลังเขตแดนมรรคของหลินสวิน อุบัติเป็นท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘คล้ายหุบเหวก็ไม่ใช่ เหมือนเตาหลอมก็ไม่เชิง’

ในบริเวณที่มีหลินสวินเป็นจุดศูนย์กลาง ห้วงอากาศยุบตัวจมจ่อม ฝุ่นธุลีและแสงเงาประหนึ่งถูกกลืนกินจนสิ้น

มีเพียงประทับสรรพชีวิตสะท้อนโลก

พริบตานี้ผู้แข็งแกร่งที่จับตามองภาพนี้ทุกคนต่างประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในใจ จิตวิญญาณและสภาวะจิตครั่นคร้าม

ราวกับพอประทับใหญ่นี้ออกมา ก็สามารถกลืนกินทั้งสิบทิศ ทำให้ฟ้าดินและสรรพชีวิตมลายหายไปได้ทั้งหมด!

นี่เป็นพลังเช่นไรกัน

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี

เพียงแต่ไม่ทันรอให้พวกเขามีปฏิกิริยา ซูมู่หานที่ทุ่มสุดกำลังกับหลินสวินก็เข้าปะทะกันแล้ว

ตูม!

สนามประลองเก่าแก่นั้นพลันปั่นป่วนขึ้นมาในตอนนี้ พลังผนึกเป็นชั้นๆ ที่ปกคลุมอยู่บนนั้นโคจร ปรากฏตัวออกมา

และเห็นว่าในสนามแสงมรรคมหาศาล เสียงมรรคครั่นครืน แสงเจิดจรัสไร้สิ้นสุดดุจมหาสมุทรกลบพื้นที่นั้นจนมิด

อย่าว่าแต่พวกลู่ตู๋ปู้ แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้น ในชั่วขณะหนึ่งยังไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองได้

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาสะท้านไหว ล้วนไม่อาจคาดคิดว่านี่จะเป็นพลังที่ระดับมกุฎราชันอริยะครอบครอง!

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งกว่าฝุ่นควันในสนามประลองจะกระจายตัว ค่อยๆ กลับสู่ความเงียบสงบ

ก็เห็นว่า…

ซูมู่หานผมเผ้าแผ่สยาย เสื้อผ้าขาดวิ่น มุมปากมีรอยเลือดไหลออกมา สีหน้าขาวซีดเป็นที่สุด

เขายืนอยู่ตรงนั้น คล้ายพบกับเรื่องที่เข้าใจได้ยาก อึ้งงันไม่พูดจา

ส่วนตรงข้ามเขา หลินสวินยืนอย่างสันโดษ เสื้อผ้าทั้งชุดสะอาดเรียบร้อย ไม่เปื้อนฝุ่นธุลี เหมือนเช่นตอนแรก!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset