จากคนที่ไว้วางใจไปเป็นความกังขา จากนั้นก็กลับมาไว้วางใจ แต่ตอนนี้ความเป็นจริงกลับทำให้เขาเหมือนถูกหวดซ้ำด้วยไม้เรียว
น้ำเสียงของเจี่ยนหยุ่นเฉิงนั้นเย็นชาและแข็งกร้าว “ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องโกหกนาย แต่ความเป็นจริงก็คือเธอโกหกนาย และก็มีหลักฐานชัดเจนอยู่ตรงหน้าของนาย”
เมื่อมองไปยังหลักฐานที่ยากปฏิเสธตรงหน้าของเขาแล้ว เจี่ยนหยุ่นน่าวก็หันหน้าแล้วเดินออกไปจากประตูทันที
เจี่ยนหยุ่นเฉิงก้าวเร็วกว่าหนึ่งก้าวหยุดอีกฝ่ายเอาไว้
“พี่ใหญ่ ปล่อยผม ผมจะไปถามเธอว่าทำไมเธอถึงทำอะไรแบบนี้กับผม”
“ยังไม่อายที่ถูกเธอหลอกไปครั้งหนึ่งแล้วเหรอ จะวิ่งไปให้เธอหลอกอีกครั้งอย่างงั้นเหรอ”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงถามเจี่ยนหยุ่นน่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผม…” เจี่ยนหยุ่นน่าวชะงักค้าง
หลังจากนั้นอีกสักพัก เขาก็มีน้ำตาทะลักออกจากเบ้า
เขานั่งยองๆ ซุกซ่อนหน้าไว้ในแขน ร่างของเขาสั่นสะท้านจากการร้องไห้
การร้องไห้ของเขาทำให้เจี่ยนชูฉิงและเวินน่วนทั้งสองคนกังวลใจเป็นอย่างมาก
เวินน่วนต้องการที่จะก้าวเข้าไปหา แต่ถูกเจี่ยนหยุ่นเฉิงหยุดไว้
ถึงเวลาที่จะต้องได้รับบทเรียน จดจำประสบการณ์ที่เจ็บปวดนี้ไว้ให้เป็นแบบอย่าง เขาจะต้องอยู่ได้ด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่และครอบครัว
เจี่ยนหยุ่นน่าวร้องไห้เป็นเวลานาน จากนั้นเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็พลันเดินเข้าไปหาดึงตัวเขาขึ้นมา และบอกให้เขาเผชิญหน้ากับเจี่ยนชูฉิงกับเวินน่วน
“นายเสียแขนไป นายเจ็บปวด นายถูกเพื่อนหักหลัง นายก็เจ็บปวด แต่นายต้องรู้เอาไว้ว่าคนในโลกนี้ต่างก็พากันตายลงไปทุกวัน มีคนที่สูญเสียอวัยวะทุกวัน และก็มีคนถูกทรยศหักหลังทุกวัน ใช่ นายเจ็บปวด แต่นายก็ต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของตนเอง”
“ลองมองไปที่แม่ของนายอีกครั้งสิ กี่ครั้งที่เธอต้องเสียน้ำตาไปในช่วงเวลานี้ อีกทั้งเธอต้องเสียใจมากมายเพียงใดเมื่อเธอมองไปที่นาย นายรู้ไหม เพื่อ “เพื่อน” คนหนึ่งของนาย นายต้องการที่จะทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกครั้งใช่ไหม”
เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถตอบคำได้
ได้แต่ใช้ดวงตาแดงๆมองไปยังเจี่ยนหยุ่นเฉิง เขาทั้งรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด
เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก “ทำใจให้เย็นกว่านี้ นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ก่อนที่ได้รับการยืนยันถึงการผ่าตัด นายจะต้องอยู่กับฉัน ถ้านายไม่สามารถเล่นเปียนโนได้อีก ก็ตามฉันไปดูแลงานของบริษัท”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่ได้ถามความเห็นของเจี่ยนหยุ่นน่าว เขาตัดสินใจที่จะให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้น
###
บ้านเก่าตระกูลเจี่ยน เจี่ยนอีหลิงอยู่ในห้องทำงาน
หลังจากที่พูดกับเฉิงอี้แล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ปิดหน้าต่างสนทนา
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็คิดถึงเรื่องที่เจี่ยนหยุ่นน่าวพูดในระหว่างช่วงเวลากลางวัน
จากคำพูดเหล่านั้น ทำให้เจี่่่ยนอีหลิงรู้ว่าพวกเขาเคยคิดว่าเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอที่เธอให้พี่ชายใหญ่ไปนั้นได้รับมาจากโม่ชืออวิ้น
โม่ชืออวิ้นในหนังสือต้นฉบับนั้นไม่เคยทำแบบนี้ และไม่เคยทำอะไรที่เป็นการกล่าวอ้างในสิ่งของที่เป็นของคนอื่น
ทำไมเธอต้องทำอะไรแบบนี้ในครั้งนี้ล่ะ
ความเปลี่ยนแปลงสิ่งเดียวที่เจี่ยนอีหลิงทำกับพล็อตของต้นฉบับก็ควรจะเป็นการตกลงที่จะกลับมายังบ้านเก่า
ในงานต้นฉบับนั้น โม่ชืออวิ้นได้มอบของขวัญวันเกิดให้กับเจี่ยนหยุ่นเฉิงจริงๆ แต่ของขวัญที่เธอมอบให้นั้นเป็นเครื่องปั้นดินเผาทำมือ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอ
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่านั่นจะทำให้พล็อตเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในเวลานี้ ข้อความจากหยูซีก็เด้งขึ้นบน WeChat
[เทพหลิง พี่ชายหยูซีนะ พี่มาคุยกับเธอ ถ้าเธอรู้สึกไม่พอใจก็บอกพี่ชายหยูซีคนนี้ได้ พี่จะเป็นที่ระบายอารมณ์ให้]
ต่อหน้าผู้คนมากมายในตระกูลเจี่ยน เป็นไปไม่ได้ที่หยูซีจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน
เขาเป็นเพียงแค่คนนอก การที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในบ้านของคนอื่นนั้น จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม มีแต่จะทำให้เรื่องนั้นยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปกว่าเดิม
[ต้องการเล่นเกมเหรอ]
[ไม่ พี่เป็นห่วงเธอจริงๆ… ทำไมเธอต้องเข้าใจผิดว่าพี่มาชวนเล่นเกม หรือคิดว่าพี่เป็นเพียงคนที่ต้องการเล่นเกมอย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ]