จ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงออกจากรถอย่างเฉยเมย
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปยังอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ถัดออกไป
ดูเหมือนว่ากระสอบทรายมนุษย์ที่จ๋ายหวินเชิ่งหาให้เจี่ยนอีหลิงนั้นจะอยู่ที่นี่
หยูซีถอนหายใจพยายามผ่อนคลายปล่อยหัวใจให้เต้นช้าลง แล้วเดินตามพวกเขาไปอย่างยอมรับชะตากรรม
เขาคิดอยู่อย่างเงียบๆในใจว่า หากกลับไปแล้ว เขาจะให้คนคู่นี้พาเขาเล่นเกมก้าวไปเป็นระดับยอดฝีมือ เพื่อปลอบโยนหัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำ
เมื่อเจี่ยนอีหลิงและพวกพ้องได้เดินไปยังอพาร์ตเมนต์ ก็พบว่าที่ประตูของโรงแรมที่อยู่ถัดออกไปครื้นเครงสนุกสนานเป็นอย่างมาก และกลุ่มคนจำนวนมากก็ได้รุมล้อมอยู่ที่ประตูโรงแรม
ทุกคนถือโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปในมือ และแสงแฟลชก็กระพริบวูบวาบอยู่ตลอดเวลา
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความกระตือรือล้นตื่นเต้นของคนเหล่านี้ได้จากระยะไกล
ผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่รายล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เดินออกมาจากโรงแรม พวกเขาแต่งตัวมาอย่างดีทั้งยังหล่อเหลา ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นพวกดารา
เจี่ยนอีหลิงมองไปยังทางฝูงชนนั้น และหยุดชะงักเมื่อมองเห็นร่างคนร่างหนึ่ง
เมื่อหยูซีเห็นเช่นนั้น เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย จึงมองตามสายตาของเจี่ยนอีหลิงไป
หยูซีมองไปแล้วกล่าวขึ้นว่า “นั่นเป็นวงดนตรีชายที่จัดงานพบปะกับแฟนๆ ชื่อวงอะไรพี่ก็จำชื่อไม่ได้แล้ว”
หยูซีไม่ได้เป็นแฟนของวงดนตรีชายวงนี้ ดังนั้นชื่อของวงดนตรีจึงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ไม่เคยอยู่ในใจของเขา
คนที่เจี่ยนอีหลิงจ้องมองไปนั้นเป็นหนึ่งในวงดนตรีชายที่กำลังเดินออกมาจากโรงแรม
แม้ว่าระยะทางจะห่างออกไป หน้าตาพวกเขานั้นเจี่ยนอีหลิงก็เห็นไม่ชัดนัก แต่ที่เจี่ยนอีหลิงยังมั่นใจก็คือหนึ่งในนั้นเป็นเจี่ยนหยู่หมิน พี่ชายคนโตของเจี่ยนหยู่เจี๋ย ลูกคนโตของลุงสองเจี่ยนชูหงกับเหินเยี่ยน
เหอเยี่ยนเป็นนักแสดง ลูกชายคนโตของเธอ เจี่ยนหยู่หมินก็สืบทอดพรสวรรค์ทางด้านการแสดงของเธอเช่นกันและมีเสียงที่เพราะมาก
และเขาก็ต้องการที่จะก้าวไปในอาชีพการแสดงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาถูกต่อต้านอย่างหนักในเรื่องนี้
เหอเยี่ยนหวังว่าลูกชายคนโตของเธอจะสืบทอดกิจการของบริษัทและแข่งขันกับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
แต่เจี่ยนหยุ่นหมินยืนยันที่จะทำตามความต้องการของตนเองในด้านการแสดงและร้องเพลง
เหอเยี่ยนพูดว่าถ้าเจี่ยนหยู่หมินต้องการที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง เธอจะไม่ให้การสนับสนุนเขา
ดังนั้นเจี่ยนหยู่หมินจึงหนีออกไปทำสัญญากับบริษัทด้วยตนเอง เริ่มต้นจากไม่มีอะไร ไร้ความช่วยเหลือจากตระกูลเจี่ยนและเหอเยี่ยน เขาก้าวมาถึงวันนี้ด้วยตัวของเขาเอง
ในช่วงสองปีแรกนั้นเขาเริ่มโด่งดังหลังจากที่เข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์เพื่อแสดงความสามารถรายการหนึ่ง และสุดท้ายก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะหนึ่งในสมาชิกของเหล่าไอดอลของวงดนตรีชาย
วงดนตรีชายนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในช่วงของการทัวร์คอนเสิร์ท
หยูซีพบว่าเจี่ยนอีหลิงได้จ้องมองไปยังไอดอลคนหนึ่งของวงดนตรีชายที่อยู่ไกลออกไป ดังนั้นเขาจึงอดใจที่จะยั่วเย้าไม่ได้
“เทพหลิงของพี่ก็มีหัวใจสีชมพูที่อ่อนโยนของเด็กหญิงเหมือนกันนี่นา พอเห็นวงดนตรีชายที่มีคนรุมล้อมน้องก็อดที่จะมีหัวใจในแววตาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ น้องต้องการที่จะไปงานพบปะแฟนด้วยใช่ไหม หรือว่าน้องต้องการจะไปงานคอนเสิร์ท บอกพี่ชายหยูซีมาได้เลย พี่ชายหยูซีคนนี้จะช่วยน้องจัดการทุกอย่างเอง”
ในเมืองเหิงเหว่ยน การจะหาตั๋วสักใบสองใบสำหรับหยูซีแล้วไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย
หยูซีและเจี่ยนหยู่หมิงนั้นเคยพบกันเมื่อพวกเขายังเป็นเด็ก แต่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นพวกเขาก็ได้แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง พวกเขาต่างก็ได้อยู่ที่บ้านเก่ากันเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นพวกเขาจึงยากที่จะได้พบกัน
อีกทั้งเจี่ยนหยู่หมินก็เป็นคนที่แยกตัว เขาใช้ชื่อการแสดงเพื่อปกปิดตัวตนและประวัติความเป็นมาของเขา หลังจากที่เข้าวงการบันเทิงแล้ว เขาก็ไม่เคยกลับบ้าน
ด้วยสาเหตุนี้ หยูซีก็เลยจำไม่ได้ว่าหนึ่งในไอดอลสมาชิกของวงดนตรีชายนี้คืออดีตเจี่ยนหยู่หมิน
“ไม่” เจี่ยนอีหลิงถอนสายตาและตอบคำถามของหยูซี
“เทพหลิงไม่ต้องเกรงใจพี่ชายคนนี้ ถือเสียว่านี่เป็นรางวัลให้น้องที่พาพี่ชายคนนี้เลื่อนระดับ” หยูซีคิดว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นอายเขา
“ไม่เป็นไร”
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงพูดจบ เธอก็ก้าวตามฝีเท้าของจ๋ายหวินเชิ่งไปเข้าสู่ภายในอพาร์ตเมนต์
——————————————————————–
ลูกของลุงใหญ่ตระกูลเจี่ยนจะมีคำว่า “หยุ่น” และลูกของลุงรองตระกูลเจี่ยนจะมีคำว่า “หยู่” เป็นคำที่สอง ซึ่งจะทำให้สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าพวกเขาเป็นพี่น้องหรือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง