ตามความเป็นจริงจี้หมิงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจี่ยนอีหลิงจะทำอย่างนี้กับเขาอีกครั้ง
ถ้าเจี่ยนอีหลิงพูดว่า แค่ตีทีเดียว เธอก็จะตีเพียงแค่ทีเดียวจริงๆ
เพียงแค่ว่าเจี่ยนอีหลิงกับจ๋ายหวินเชิ่งยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาและยังไม่ได้จากไปไหน เพราะว่าพวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษอย่างจริงใจจากจี้หมิง
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของหยูซีก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นข้อความที่เตือนขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ หัวใจของหยูซีก็ “ตึงเครียด” ขึ้น
มันเป็นข้อความที่ส่งมาหาเขาจากเมืองหลวง
หยูซีเปิดดูข้อความอย่างระมัดระวัง
ใช่เลย ผู้อาวุโสจ๋ายขอให้เขาจัดการทำการแนะนำเด็กสาวให้กับนายท่านเชิ่ง
หยูซีได้บ่ายเบี่ยงไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็มักจะพูดอยู่เสมอว่าเขารู้แล้วและได้ทำการจักการเตรียมการไปหลายครั้งแล้ว
แต่ถ้าเขาเอาแต่พูดแบบนี้ ท่านผู้เฒ่าต้องไม่ยินดีแน่ๆ
แต่เมื่อเห็นข้อความในครั้งนี้ หยูซีพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เหลือบมองไปยังจ๋ายหวินเชิ่งกับเจี่ยนอีหลิงที่นั่งอยู่เคียงข้างกันบนโซฟา หยูซีก็พิมพ์ข้อความลงไปบนหน้าจอบรรทัดหนึ่งอย่างง่ายๆ [การจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว]
ตระกูลจ๋ายได้ให้จัดเตรียมหญิงสาว “บริสุทธิ์” ถ้าอย่างนั้นน้องสาวอีหลิงก็ควรจะถือว่าเป็นเด็กสาวเช่นกันใช่ไหม แม้ว่าจะค่อนข้าจะ “เด็ก” ไปอยู่บ้าง
ไม่นานนักข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ [อาเชิ่งชอบไหม]
หยูซีมองไปยังจ๋ายหวินเชิ่งกับเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง และตอบกลับไปอย่างสบายใจอีกครั้งว่า [น่าจะชอบอยู่]
[นั่นดีแล้ว]
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพอใจมากกับคำตอบของหยูซีในวันนี้
จ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิง และหยูซีนั่งอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของจี้หมิงเป็นเวลาประมาณสิบนาทีก่อนที่จะจากไป
เมื่อมองไปที่ประตูซึ่งได้ปิดลงไปอีกครั้ง จี้หมิงได้อธิษฐานในใจว่าขออย่าให้พวกเขามาอีกเป็นครั้งที่สามเลย
ไม่ เขาจะย้ายกลับบ้านก่อนเป็นอันอับแรก จะไม่อยู่ในอพาร์ตเมนต์นี้อีก
เขาถึงกับมีเงามืดในใจกับที่นี่ไปแล้ว
หลังจากที่ออกไปจากอพาร์ตเมนต์ของจี้หมิง จ๋ายหวินเชิ่งได้ขับรถพาเจี่ยนอีหลิงออกไปขับรถเล่น จากนั้นก็หาที่ทานมื้อเย็น และสุดท้ายก็ขับรถกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลเจี่ยนก่อนสามทุ่ม
###
วันอาทิตย์ เจี่ยนอีหลิงคิดว่าเธอจะต้องไปพบกับฉินชวนเพื่อที่จะเรียนพิเศษในวันนี้ แต่ฉินชวนได้โทรศัพท์มาบอกขอหยุด เขากล่าวว่ามีบางอย่างที่จะต้องจัดการ
นี่เป็นข่าวดีสำหรับเจี่ยนอีหลิง เธอจะได้มีเวลาไปที่สถาบันวิจัย
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงติดต่อไปยังสถาบันวิจัยแล้ว อีกฝ่ายก็ได้ส่งรถมารับเธอ
เจี่ยนอีหลิงคิดว่าน่าจะเป็นคนขับรถธรรมดาจากสถาบันวิจัย แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหลัวซิ่วเอินเมื่อตอนที่เธอเปิดประตูรถ
เดิมทีแล้วจะเป็นเฉิงอี้ที่จะมารับเธอ แต่หลัวซิ่วเอินได้ผลักเฉิงอี้ออกไปและถือสิทธิ์มารับเด็กสาวได้สำเร็จ
หลัวซิ่วเอินโบกมือทักทายไปยังเจี่ยนอีหลิงพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “น้องสาวอีหลิง พี่สาวมาที่นี่เพื่อมารับตัวเธอ…”
รอยยิ้มของหลัวซิ่วค่อนข้างจะสดใสเกินไปอยู่บ้าง
ขอบคุณที่เธอเป็นผู้หญิง ไม่เช่นนั้นเธออาจจะถูกถือว่าเป็นพวกผู้ชายลามก
“อื้อ”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มขึ้นไปในรถ
พยายามครั้งแรก เธอขึ้นไปไม่สำเร็จ
หลัวซิ่วเอินตระหนักถึงปัญหานี้และได้ถามเจี่ยนอีหลิงอย่างเร่งรีบ
“เธอขึ้นมาได้ไหม ให้พี่สาวอุ้มเธอขึ้นรถเอาไหม”
หลัวซิ่วเอินขับรถออฟโรด คลาส G ขนาดใหญ่ รถมีโครงสร้างคลาสสิคสูงใหญ่ที่โด่งดัง ถ้าใครตัวไม่สูงพอ ก็จำเป็นที่จะต้องมีตั่งเล็กๆเพื่อที่จะขึ้นไปบนรถ
ปกติแล้วคนในสถาบันวิจัยจะเป็นกลุ่มคนแก่ซึ่งสามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้เมื่อพวกเขาขึ้นรถของเธอ
เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า ปฏิเสธที่จะให้หลัวซิ่วเอินอุ้มเธอขึ้นรถ
เธอก้าวขึ้นไปด้วยเท้าข้างหนึ่งก่อน ดึงประตูด้วยสองมือ จากนั้นก็กระเหย่งแรงๆสองสามครั้งก่อนที่จะยกขาอีกข้างขึ้น
หลัวซิ่วเอินมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม คิดในใจว่าทารกตัวโตของสถาบันวิจัยช่างน่ารักจริงๆ และเธอก็ยังน่ารักแม้ในขณะที่ขึ้นรถ