สิ่งที่จ๋ายหวินเชิ่งแสดงให้เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็คือโพสต์จำนวนมากมายที่โจมตีเจี่ยนอีหลิงบนฟอรัมของโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัวในรูปแบบที่เป็นกระดาษ
ต้นฉบับของโพสต์เกือบทั้งหมดถูกลบไปแล้ว แต่ก่อนที่จะถูกลบไปนั้น จ๋ายหวินเชิ่งได้ขอให้หยูซีพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษ
และกระดาษเหล่านั้นตอนนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าของเจี่ยนหยุ่นเฉิงแล้ว
คำตอบที่ทุกคนพิมพ์ลงไปบนโพสต์นั้นก็เหมือนกับมีดคมกริบ เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของเด็กสาววัยรุ่นทะลุเป็นโพรงหลายโพรง
หลังจากที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงอ่านเนื้อหาในถุงใส่กระดาษ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาในทันที
“ไม่ต้องไปอ่านหรอก โพสต์พวกนั้นถูกลบไปแปดร้อยปีแล้ว”
จ๋ายหวินเชิ่งยิ้มเย้ย เขารู้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะทำอะไรทันทีที่อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว
หากว่าต้องการที่จะตรวจสอบโพสต์พวกนั้นบนฟอรัมในตอนนี้ อาหารก็เย็นชืดไปหมดแล้ว*
จ๋ายหวินเชิ่งเย้ยหยันเจี่ยนหยุ่นเฉิง “เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเจี่ยน คุณไม่เพียงแค่ปล่อยให้คนภายนอกรู้ แต่ยังถึงกับได้รับความนิยมโด่งดังในฟอรัมของโรงเรียนอีกด้วย ความสามารถแบบนี้ ผม จ๋ายหวินเชิ่ง ต้องยอมรับนับถือแล้ว”
“ตระกูลเจี่ยนได้ปิดข่าวนี้ไปแล้ว” เจี่ยนหยุ่นเฉิงถึงกับมีใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้
ตระกูลเจี่ยนได้ปิดกั้นข่าวนี้ตั้งแต่แรก พวกเขาบอกโรงเรียนเพียงแค่ว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นป่วย และปิดปากเงียบไม่ได้บอกกระทั่งบ้านพี่บ้านน้องด้วยซ้ำ
“คณไม่ยอมให้คนปล่อยข่าวออกไป แต่ก็ยังมีคนข้างในปล่อยข่าวออกไปจนได้ คุณเจี่ยน คุณกำลังแสดงให้ผมเห็นถึงความไร้ความสามารถของคุณอยู่รึไง คุณไม่สามารถแม้กระทั่งที่จะปิดปากให้สนิทได้ เป็นถึงตระกูลใหญ่แต่ช่างไร้ความสามารถอะไรแบบนี้ เด็กหญิงอายุเพียงสิบห้าปีในตระกูลคุณต้องได้รับทุกข์จากความรุนแรงทางอินเตอร์เน็ตจากทั้งโรงเรียน แล้วคุณก็ยังไม่รู้มาจนถึงป่านนี้ คุณมีอะไรดีบ้างหรือเปล่านี่”
เมื่อเผชิญกับการถากถางจากจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ไม่มีช่องทางที่จะปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย
และในวันนี้ก็นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่า เจี่ยนอีหลิงต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากคนทั้งโรงเรียนมาก่อนหน้านี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงมีหน้าตามืดหม่น และดวงตาของเขาก็เย็นชาจนถึงจุดเยือกแข็ง
เขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าเจี่ยนอีหลิงต้องเผชิญกับความกดดันแบบไหนกันแน่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงยอมรับว่านี่เป็นความประมาทของตระกูลเจี่ยนต่อเรื่องนี้ แต่ตระกูลเจี่ยนก็ไม่ได้คาดคิดจริงๆเลยว่าภายใต้จมูกของพวกเขานั้นจะมีคนกล้ากระจายข่าวออกไปจนถึงกับต้องให้คนภายนอกมาบอก
จ๋ายหวินเชิ่งนั้นดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาเอาแต่เคาะนิ้วบนโต๊ะเล่นๆ
“คุณชายเจี่ยน ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างว่าคุณนั้นงานยุ่ง มันเป็นความจริงที่ว่าคุณนั้นจัดการกับคนที่อยู่ในมือได้ไม่ดี ถ้าคุณจัดการได้แย่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง ผมจะช่วยแนะนำคุณว่าควรทำอย่างไร แต่คนระดับผมจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย”
ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเชิ่งนั้นได้รู้ว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงนั้นกำลังมองหาหยูซีในเรื่องอะไร
ในเรื่องนี้ เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่ได้ถอยหนี “คุณจ๋าย น้องสาวผมยังเด็ก หากว่าคุณต้องการเพื่อนเล่นหรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสม”
ไม่ว่าจ๋ายหวินเชิ่งนั้นจะมีจิตเจตนาเป็นอย่างไร คนแบบนั้นไม่เหมาะที่จะใกล้ชิดกับน้องสาวของเขามากเกินไป
เดิมทีนั้น เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้ขอให้หยูซีมาเพื่อที่จะพูดในเรื่องนี้ และหวังว่าหยูซีจะสามารถทำการประเมินและให้ความสนใจเป็นพิเศษรักษาระยะห่างระหว่างจ๋ายหวินเชิ่งกับเจี่ยนอีหลิง
แต่ตอนนี้เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งนั้นพูดออกมาเอง เจี่ยนหยุ่นเฉิงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดความคิดของตนเองอีกต่อไป
“คุณชายเจี่ยน ตอนนี้คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาพูดแบบนี้กับนายท่านคนนี้ กลับไปคิดทบทวนและทำสิ่งที่คุณต้องทำให้ดีให้ได้ก่อน จากนั้นจึงค่อยมากังวลเรื่องอื่น ไม่ต้องมาพูดว่านายท่านคนนี้วางแผนทำอะไรกับน้องสาวของคุณ ในตอนนี้ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไร ในกรณีของคุณ คุณก็ได้แต่เพียงมองดูอยู่ด้านข้าง เข้าใจใช่ไหม”
จ๋ายหวินเชิ่งใช้ถ้อยคำโจมตีเจี่ยนหยุ่นเฉิงอย่างไร้ความปรานี
จ๋ายหวินเชิ่งไม่เคยสุภาพกับใครมานับตั้งแต่เกิด และเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ไม่ถือว่าเป็นข้อยกเว้น
หลังจากที่จ๋ายหวินเชิ่งพูดจบ เขาก็เลิกสนใจเจี่ยนหยุ่นเฉิงอีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วจากไป
ถึงแม้ว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงจะหน้าดำคร่ำเครียดเพียงใด นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา
———————————————————
ผู้แปล * 黄花菜都凉了 (Huánghuā cài dōu liángle) แปลว่า อาหารเย็นชืดหมดแล้ว มีความหมายว่า สายเกินไป (จากดิกชันนารี)