“ทำไมไข้ไม่ลดลงเลยล่ะ”
เจี่ยนหยู่หมินแตะหน้าผากของเจี่ยนอีหลิงเป็นระยะๆ จนน้ำเกลือในถุงน้ำเกลือเกือบหมด แต่อุณหภูมิก็ยังสูงอยู่
ย่าเจี่ยนก็กระวนกระวายเช่นเดียวกัน แต่เธอรู้ว่ากระวนกระวายไปก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยยาที่มีอยู่เหล่านี้เป็นไปไม่ได้ที่จะหายในทันที มันต้องใช้เวลาเพื่อที่จะทำให้ไข้ลด
เจี่ยนอีหลิงรู้สึกเนื้อตัวหนักและตกอยู่ในห้วงฝันร้ายอันสับสน
ภายในห้วงความฝัน เธอนั้นกลายเป็นเจี่ยนอีหลิงคนก่อนหน้านั้น ตอนที่เธอป่วยหนัก เธอนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เธอได้เปิดหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ แต่ก็ไม่มีใครให้เธอติดต่อได้
ในห้วงความฝันนั้น เธอรู้ว่าตัวเธอนั้นกำลังจะตาย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะบอกถ้อยคำสั่งเสีย คำพูดสุดท้ายก่อนตายของเธอให้กับใคร
ในห้วงแห่งความเคลิบเคลิ้มมึนงงนั้น เจี่ยนอีหลิงก็ได้ตื่นขึ้นมาและก็ได้เห็นหอผู้ป่วยเดียวกับที่เห็นภายในความฝันนั้น
“เธอตื่นแล้วเหรอ”
เสียงของเจี่ยนอยู่หมินที่ดังอยู่ข้างกายเธอนั้นได้ขัดจังหวะความคิดของเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงหันหน้าไปมองดูเขา
เจี่ยนหยู่หมินยังคงสวมชุดนอนและมองดูเธออย่างเป็นกังวล
ย่าเจี่ยนที่นั่งอยู่บนโซฟาในหอผู้ป่วยก็ยืนขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
“เป็นยังไงบ้าง หลานรัก”
ย่าเจี่ยนรีบเข้ามาหา
เจี่ยนอีหลิงจึงค่อยรู้ตัวว่าเธอนั้นป่วย
เธอลืมไปว่าภูมิต้านทานของร่างกายเธอนั้นต่ำมาก และเธอไม่สามารถที่จะทนฝืนรับได้
“ไม่เป็นไร”
เจี่ยนอีหลิงพูดขึ้น เสียงของเธอนั้นเบากว่าปกติและแต่ละคำพูดที่เปล่งออกมานั้นค่อนข้างยากลำบาก
“ไม่เป็นไรได้ยังไง เห็นชัดว่าป่วยอยู่” ย่าเจี่ยนรู้สึกรู้สึกเป็นกังวลและลำบากใจ “หมอบอกว่าหลานไม่สบายมาระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะเป็นไข้มาถึงตอนนี้ หลานทนมันมาทั้งคืนใช่หรือเปล่า”
ย่าเจี่ยนเดาได้ถูก ใช่แล้ว เจี่ยนอีหลิงรู้สึกไม่สบายอยู่บ้างเมื่อตอนที่เธอวุ่นวายมาก่อนหน้านั้นเมื่อคืนนี้
เธอเพียงเข้านอนโดยไม่ได้รบกวนคนในครอบครัว
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ตอบคำถาม และย่าเจี่ยนก็รู้ว่าเธอนั้นเดาได้ถูกต้อง
เมื่อมองไปยังร่างเล็กๆบนเตียงของโรงพยาบาล น้ำตาของย่าเจี่ยนก็พาลจะไหล “หลานทำให้ย่าโกรธ หลานทำไมไม่พูดถ้าหลานป่วยและไม่สบาย ย่ายังแข็งแรง หลานกลัวว่าย่าจะโกรธตอนถูกปลุกขึ้นมาเหรอ ดูหลานตอนนี้สิ หลานเป็นไข้มานานจนกระเพาะลำไส้อักเสบ ดีที่หลานยังพอจะดื่มโจ๊กได้ ย่าจะไม่ให้หลานกินอะไรอร่อยๆในตอนนี้”
ย่าเจี่ยนเดินไปที่ประตูหอผู้ป่วยและไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเพื่อรอแม่บ้าน ซึ่งเธอได้ขอให้นำเอาของว่าง ผลไม้ น้ำผึ้ง และขนมบางอย่างใส่ตระกร้ามา
หลังจากที่ย่าเจี่ยนออกไปแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็มองไปยังเจี่ยนอีหลิงและก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ฉันไม่รู้ว่าเธอกินอะไรในแต่ละวัน เธอโตแล้วแต่ก็ยังเบาหวิว ฉันไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยในการอุ้มเธอมาที่นี่”
สายตาเจี่ยนอีหลิงตกลงไปยังชุดนอน รองเท้าแตะ และทรงผมของเจี่ยนหยู่หมิน
ผมย้อมสีเทาขาวของเจี่ยนหยู่หมินนั้นยุ่งเหยิงในตอนนี้ เหมือนกับสุ่มไก่
เห็นเขามีสภาพเป็นอย่างนี้ เขาต้องกระวนกระวายมากอย่างแน่นอนเมื่อตอนที่เขาออกมา เสื้อผ้าของเขาไม่ทันได้เปลี่ยน ทรงผมไม่ได้จัดแต่ง และหน้าเขาก็คงยังไม่ได้ล้าง
เขาเป็นดาราไอดอล และถ้าหากว่าเขาถูกถ่ายรูปตอนที่ออกมาจากบ้าน มันต้องกลายเป็นของที่มีไว้แบล็กเมลเขาได้
“ขอบ.. คุณ”
เจี่ยนอีหลิงนั้นคอแห้ง และพูดออกมาได้อย่างยากลำบาก
เจี่ยนหยู่หมินยิ้มให้กับเจี่ยนอีหลิง “ไม่จำเป็นขอบคุณพี่ชายของเธอหรอก ถ้าเธอต้องการขอบคุณพี่ชายจริงๆ รีบรักษาตัวให้หายเร็วๆ ดูหน้าของเธอตอนนี้สิ น่าเกลียดมาก”
เจี่ยนหยู่หมินดูเหมือนจะรู้ตัวหลังจากที่พูดออกไปแล้ว นี่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง
ดังนั้นเขาจึงเสริมเข้าไปอีกประโยคว่า “ฉันหมายความว่าเธอนั้นจะดูดีขึ้นเมื่อหน้าเธอนั้นไม่ซีดเซียว ยังไงตอนนี้เธอก็ไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่นัก”
เจี่ยนหยู่หมินรู้ว่าจริงแล้วเขานั้นไม่มีพรสวรรค์ในการเอาอกเอาใจสาวๆ ดังนั้นเขาจึงนำเอาสิ่งที่เขาถนัดออกมา
“อืม ถ้าเธอรู้สึกว่าถ้าพูดคุยกันแล้วมันน่าเบื่อ ให้พี่ชายคนนี้ร้องเพลงให้เธอฟัง เอาไหมล่ะ พี่ชายร้องเพลงให้คนอื่นฟังเพื่อหาเงิน”