คำพูดของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นเหมือนกับเยาะหยันในความเจ็บป่วยของเจี่ยนอีหลิง
หยูซีคิดอยู่ในใจ นายท่านเชิ่งรีบมาหาเทพหลิงเพื่อที่จะแก้แค้นเทพหลิงที่ไม่ยอมให้เขากินเนื้อเมื่อครั้งก่อนนั้น
“นายก็ยังกินไม่ได้ในตอนนี้เหมือนกัน” เจี่ยนอีหลิงโต้
“ถ้าฉันต้องการกิน เธอก็ควบคุมฉันไม่ได้หรอกน่า”
“ยังกินไม่ได้” น้ำเสียงของเจี่ยนอีหลิงนั้นเข้ม แต่เสียงของเธอนั้นยังคงนุ่มนวลและมุ่งมั่น
ไม่มีความแตกต่างระหว่างไม่ฟังคำแนะนำของแพทย์เมื่อตอนที่ป่วย ก็การหาที่ตาย
สถานการณ์ของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นสามารถทำให้แพทย์ที่รักษาเขานั้นโกรธจนตายได้
ตามความเป็นจริงแล้วจ๋ายหวินเชิ่งในหนังสือต้นฉบับนั้นเป็นคนที่มีปัญหาอย่างมากและเขาไม่เคยใส่ใจชีวิตของตนเองอย่างจริงจัง
“เธอยังดูแลตัวเธอเองให้ดีไม่ได้เลย แล้วคิดที่จะมาดูแลนายท่านคนนี้งั้นเหรอ”
หยูซีฟังอยู่ด้านข้าง รู้สึกถึงทัศนคติที่จ๋ายหวินเชิ่งมีต่อเจี่ยนอีหลิงแตกต่างไปอยู่บ้างในวันนี้
“ฉันไม่ได้ตั้งใจป่วย แต่นายตั้งใจ” เจี่ยนอีหลิงโต้กลับด้วยเสียงเบา
เจี่ยนหยู่หมินไม่พึงพอใจกับทัศนคติของจ๋ายหวินเชิ่งที่พูดกับเจี่ยนอีหลิง จึงยับยั้งการสนทนาระหว่างพวกเขา
“นี่นาย น้องสาวของฉันบอกนายให้ดูแลอาหารการกินเพื่อประโยชน์ของตัวของนายเอง ถ้านายไม่ฟังก็ลืมมันไปเสียและทำให้เหมือนกับว่าน้องสาวของฉันนั้นกังวลเกินไป”
น้องสาวเหรอ
เอ๋
หยูซีมีสีหน้าประหลาดใจ “น้องสาวของคุณเหรอ คุณเป็นใครกัน ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าตระกูลเจี่ยนมีดาราดัง”
“แล้วนายเป็นใคร ทำไมนายถึงดูเหมือนจะคุ้นเคยกับตระกูลเจี่ยน” เจี่ยนหยู่หมินมองไปยังหยูซีอีกครั้ง
“ผมคือหยูซี บ้านผมอยู่ติดกับบ้านตระกูลเจี่ยน ผมรู้จักคนในตระกูลเจี่ยนเกือบทั้งหมด”
“นายคือหยูซีอย่างงั้นเรอะ” เจี่ยนหยู่หมินมองสำรวจทั่วตัวของหยูซีทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา
จากนั้นเขาก็ทำการเปรียบเทียบกับ “หยูซี” ในความทรงจำของเขาอย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกับเจ้าเด็กน้อยหยูซีนั้นจริงๆ
“แล้วคุณเป็นใคร” หยูซีถามอีกครั้ง
“เจี่ยนหยู่หมิน”
หลังจากที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายนั้นคือหยูซี เจี่ยนหยูหมินก็จึงเปิดเผยตัวตนของตนเอง
“โอ พี่ชายใหญ่ของหยู่เจี๋ย” หยูซียังคงจำชื่อนี้ได้ พี่ชายคนโตของเจี่ยนหยู่เจี๋ย เขาจะลืมชื่อนี้ได้อย่างไรก้น
“ผมกำลังจะพูดว่าทำไมเทพหล… น้องสาวอีหลิงจึง… กลับกลายเป็นพี่ใหญ่หยู่หมินนี่เอง”
ตอนนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จึงไม่ประหลาดที่ทำไมเขาจึงสามารถป้อนโจ๊กและสนิทสนมกับเธอได้ ในเมื่อเขาเป็นพี่ชายของเธอ
หลังจากที่รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว หยูซีกับเจี่ยนหยู่หมินก็เริ่มสนิทสนมกลมเกลียวกันมากขึ้น
“แล้วเขาเป็นใครกัน” เจี่ยนหยู่หมินเหล่ตาไปยังจ๋ายหวินเชิ่ง
ชายคนนี้แตกต่างจากหยูซี
“เขาเป็นเพื่อนของผม ตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านผม และเขาก็รู้จักน้องสาวอีหลิงเป็นอย่างดี ปกติพวกเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน”
หยูซีไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวจ๋ายหวินเชิ่งได้อย่างไร การแนะนำตัวเขาไปตรงๆนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านเชิ่งไม่ชอบให้ผู้คนมาใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาไปทั่ว
แม้ว่าหยูซีได้พูดไปแบบนั้น แต่ความระมัดระวังที่เจี่ยนหยู่หมินมีต่อจ๋ายหวินเชิ่งนั้นก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามทัศนคติที่เขามีนั้นก็ค่อนข้างดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
หยูซียิ้มและกล่าวกับจ๋ายหวินเชิ่งว่า “นายท่านเชิ่ง พวกเรามาวันนี้เพื่อที่จะเยี่ยมน้องสาวอีหลิง ในเมื่อน้องสาวอีหลิงยังคงป่วยอยู่ ดังนั้นได้โปรดเลิกเล่นหยอกล้อกับเธอ”
พี่ชายเธอยังคงมองดูอยู่ เข้าใจไหม
ดูจากทัศนคติของเจี่ยนหยู่หมินสิ เขาเกือบจะมองว่านายท่านเชิ่งเป็นพวกคนเลวแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมทัศนคติของนายท่านเชิ่งที่มีต่อเทพหลิงจึงแตกต่างออกไปจากทุกวันสำหรับในวันนี้ก็ตาม
“ได้” จ๋ายหวินเชิ่งยอมรับ
สาธุ หยูซีนึกในใจ
เจี่ยนอีหลิงย้ำกับจ๋ายหวินเชิ่งอีกครั้ง “นายห้ามกินตามอำเภอใจ”
“ตกลง”
จ๋ายหวินเชิ่งพลันเปลี่ยนแปลงทัศนคติและหยุดต่อสู้กับเจี่ยนอีหลิง กลับมาเป็นว่านอนสอนง่าย
เขาเอนตัวลงไปบนโซฟาเปลี่ยนไปเป็นขี้เกียจ