ย่าเจี่ยนอั้นมานานแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวว่าพวกเขาออกมาตรงๆ
ทั้งสามคนถูกด่าอย่างไม่มีทางป้องกันตัวได้เลย
ย่าเจี่ยนพูดอย่างโกรธอีกว่า “ฉันเข้าใจว่าพวกแกอาย เซี่ยวน่าว เซี่ยวหลิง ก็เหมือนเป็นฝ่ามือกับหลังมือต่างก็เป็นเลือดเป็นเนื้อ เซี่ยวน่าวเจ็บหนักในตอนนั้น อีกทั้งเซี่ยวน่าวก็มีความเข้าใจและมีเหตุผลมากกว่าเซี่ยวหลิง พวกแกเลือกเชื่อเซี่ยวน่าวก็ไม่มีอะไรผิด แต่พวกแกเคยคิดถึงทางที่จะเป็นไปได้ทางอื่นบ้างหรือไม่ บางทีเด็กอาจจะไม่ได้ผิดทั้งคู่ ดูสิ ตอนนี้เป็นยังไง พวกแกไปทำอะไรที่ไหนมา งี่เง่าทั้งสามคน โง่ เลว งั่ง”
ความเป็นไปได้ทางที่สามนั้นต่ำมาก ต่ำมากๆ แต่ถึงจะต่ำขนาดนั้นมันก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นไปได้
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าความเป็นไปได้ที่มีโอกาสเป็นไปได้น้อยนิดนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ
ย่าเจี่ยนไม่ได้กล่าวโทษเจี่ยนชูฉิงที่เลือกเชื่อเจี่ยนหยุ่นน่าว เพราะว่านี่ก็เป็นลูกชายของพวกเขา หลานของเธอ และเด็กก็ควรได้รับความเชื่อถือ
ย่าเจี่ยนโกรธที่เจี่ยนอีหลิงไม่ได้รับความเชื่อถือเช่นเดียวกัน
ในเวลาเดียวกันย่าเจี่ยนก็โกรธตัวเธอเองที่ไม่ได้โต้แย้งไปในเวลานั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ย่าเจี่ยนก็อดที่จะด่าออกมาอีกไม่ได้ “ถ้าคนแก่อย่างฉันอายุน้อยกว่านี้อีกสักยี่สิบปี ฉันคงจะปลดพวกแกออกจากตำแหน่งในบริษัท เจ้าพวกโง่ ไม่แน่บางทีธุรกิจของบริษัทตระกูลเจี่ยนอาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่ฉันเข้าโลง มันคงจะล้มละลายไปเสียก่อน”
ทันทีที่ย่าเจี่ยนอารมณ์เสียก็ไม่มีใครในนั้นกล้าที่จะโต้แย้ง
สุดท้ายปู่เจี่ยนก็ต้องเปิดปากปลอบประโลม “เอาละ เอาละ ยายเฒ่า หยุดก่อน เธอไม่ใช่เด็กอีกแล้ว อย่าได้โกรธอีกเลย ฉันเองก็ผิดในเรื่องนี้เหมือนกัน ที่ไม่ได้ให้ใครตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน”
ปู่เจี่ยนเรียกคนบางคนมาที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยนในวันนั้นและถามคำถาม แต่เมื่อเจี่ยนอีหลิงพูดว่าตัวเธอผิดนั้น ปู่เจี่ยนก็จึงปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปด้วยความคิดถึงครอบครัวต้องการเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กและปล่อยเรื่องเล็กให้หายไป
เมื่อผู้คนแก่ตัวขึ้นพวกเขาก็สูญเสียความกระตือรือล้นที่เคยมีมาในอดีต และพวกเขาก็มักจะคิดที่จะทำให้ครอบครัวมั่นคงและสงบสุข ทุกสิ่งในบ้านสามารถประนีประนอมได้
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้หากไม่จัดการให้ดี หลานสาวคนสุดท้องของตระกูลจะเจ็บปวด
ปู่เจี่ยนรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ แม้ว่ามันจะไม่ได้ชัดแจ้ง แต่ชายชราก็รู้สึกผิดต่อหลานสาวอยู่ในใจอยู่เช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าเขาจะปล่อยเรื่องให้ผ่านไป แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวของหลานสาวของเขาว่าไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับในใจของหญิงชรา
ไม่ว่าจะทำมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะพูดเสียงดังขนาดไหน เขาก็ไปไม่ถึงจุดนั้น
“พ่อ แม่ เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่จัดการให้ดี ผมไม่สืบสวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน”
เจี่ยเชูฉิงเสียใจ แต่ความเสียใจนั้นไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้นไปแล้ว
เจี่ยนชูฉิง เวินน่วน และเจี่ยนหยุ่นเฉิงตอนนี้ได้แต่เศร้าเสียใจ
ย่าเจี่ยนถอนหายใจ น้ำเสียงของเธอนั้นผ่อนคลายลงอย่างมาก “ไม่เป็นไร พวกเธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ไว้ล่วงหน้า ฉันก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายสำหรับพวกเธอเหมือนกัน อีกทั้งสิ่งต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ถึงหญิงชราอย่างฉันตีพวกเธอสามคน เรื่องราวก็ย้อนกลับคืนมาไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือการจัดการกับสิ่งที่ตามมาอย่างเหมาะสม ถึงหญิงชราอย่างฉันพูดให้อภัยก็เหมือนไม่ได้ให้อภัย เพราะว่านั่นขึ้นอยู่กับนางฟ้าน้อย”
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเจี่ยน ย่าเจี่ยนไม่สามารถที่จะทนเห็นลูกชาย ลูกสะไภ้ กับหลานชายจมอยู่กับความเสียใจได้อีกต่อไป
“แม่ ผมรู้” เจี่ยนชูฉิงก้มหน้า ยอมรับคำตำหนิจากย่าเจี่ยนจากก้นบึ้งของหัวใจ