ถอนหายใจอีกครั้งแล้วย่าเจี่ยนก็พูดกับเวินน่วนในกลุ่มสามคนนั้น “อาน่วน ฉันรู้ว่าเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุดสำหรับเธอ แต่เธอก็เป็นแม่และเด็กทั้งสองคนนั้นก็ยังคงต้องการเธอ เธอต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและเรียนรู้ที่จะยืนหยัด ถ้าเธอไม่แข็งแกร่งพอ เด็กสองคนนั้นจะเข้มแข็งได้อย่างไร”
สำหรับสะใภ้คนโตแล้ว ย่าเจี่ยนมักจะรู้สึกเสมอว่าจิตใจของเธอแบบบางเกินไป กับเหอเยี่ยนแล้วพวกเธอนั้นถือว่าเป็นคนที่ตรงกันข้ามกัน
ไม่มีปัญหาที่มีหัวใจที่อบอุ่นถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดที่บ้าน แต่เมื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เธอก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์แบบนี้
เธอเป็นลูกสะใภ้คนโตของตระกูลเจี่ยน และบางครั้งตระกูลก็ต้องการให้เธอช่วยงานของตระกูล
“หนูจะพยายาม หนูจะพยายาม…” เสียงของเวินน่วนนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอนั้นเห็นชัดว่าตอบรับความเห็นของย่าเจี่ยน
เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่บ้าน แต่เธอกลับเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดและไร้ความสามารถที่สุด
ในฐานะที่เป็นแม่ เธอกลับไม่ได้ดูแลลูกๆ ไม่ได้ปกป้องลูกๆ อีกทั้งยังทำให้พวกเขาเจ็บปวด
เธอไม่ได้เป็นแม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ย่าเจี่ยนกล่าวกับพวกเขาทั้งสามคนอีกครั้ง “วันนี้พวกเธอกลับบ้านกันไปก่อน ปรับอารมณ์ให้ดี คิดถึงสิ่งที่เธอควรจะทำและจะทำอย่างงั้นได้อย่างไร เมื่อพวกเธอคิดได้แล้วค่อยมาหาอีหลิง”
ปู่เจี่ยนเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาของเขา “แม่พวกเธอพูดถูกแล้ว กลับบ้านกันไปทำใจให้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก อารมณ์ของพวกเธอยังไม่เข้าที่กันในตอนนี้ สำหรับเซี่ยวหลิงนั้นให้แม่ของพวกเธอกับฉันดูแลเธอไปก่อน”
ปู่เจี่ยนกับย่าเจี่ยนไม่ต้องการให้เจี่ยนชูฉิงกับพวกได้พบกับเจี่ยนอีหลิงในช่วงเวลานี้ หากว่าสภาพอารมณ์ของพวกเขายังเป็นอย่างนี้
บาดแผลในใจต้องใช้เวลานานเพื่อฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างช้าๆ ไม่ใช่อย่างง่ายๆและหยาบเหมือนกับการเย็บบาดแผล
ทั้งปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนไล่พวกเขากลับไป
พวกเจี่ยนชูฉิงได้แต่กลับบ้านหากว่าพวกเขาต้องการเห็นเจี่ยนอีหลิง
###
เมื่อเจี่ยนหยู่เจี๋ยกลับบ้านไป เขาก็เกิดความกังวล แม้ว่าเรื่องนี้ได้จัดการอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งน้องสาวอีหลิงก็ได้พูดว่าเธอได้เปิดเผยวิดีโอแล้ว เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับแม่ของเขาเองอย่างไร
หลังจากที่เขาเข้าไปในบ้าน เหอเยี่ยนไม่ได้แสดงตัวขึ้นตามปกติ หรือให้งานเขาและจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาเหมือนเช่นปกติ
หลังจากนั้นสักพัก เจี่ยนชูหงก็กลับบ้าน
เจี่ยนชูหงกับพี่ชายของเขาเจี่ยนชูฉิงนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเจี่ยนชูฉิงแล้ว เจี่ยนชูหงจะดูสุภาพอ่อนโยนกว่า
ในวัยห้าสิบต้นๆ เขาดูเหมือนจะมีนิสัยที่อ่อนโยนและดูเป็นผู้ใหญ่
เหอเยี่ยนไปต้อนรับเจี่ยนชูหงที่ประตู ซึ่งกลับบ้านมาจากวันทำงานตามปกติ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมจึงมีรอยแผลที่ใบหน้าเธอ” เจี่ยนชูหงถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขาเห็นรอยบวมปูดบนหน้าผากของเหอเยี่ยน
“นี่ นี่เกิดมาจากตอนที่ฉันเผลอล้มลงไปกระแทก” ร่องรอยของความลำบากใจฉายผ่านไปบนใบหน้าของเหอเยี่ยน
“หกล้มเหรอ หกล้มที่ไหน เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไร พื้นที่บ้านค่อนข้างลื่นอยู่บ้าง” เหอเยี่ยนตอบผ่านๆ
เธอไม่กล้าที่จะแสดงออกมาว่ามีสิ่งที่ผิดปกติไปแม้แต่น้อย
เธอไม่สามารถที่จะปล่อยให้สามีของเธอนั้นรู้ถึงต้นตอของอาการบาดเจ็บของเธอได้
“ถ้างั้นก็ระวังให้ดีๆล่ะคราวหน้า อย่าลืมทาแผลด้วยนะ”
เจี่ยนชูหงเห็นเพียงรอยปูดบวมบนหน้าผากของเหอเยี่ยนเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามีรอยช้ำบวมอีกหลายสิบรอยบนร่างของเหอเยี่ยน
“อือหือ” เหอเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็ไปเตรียมอาหารเย็นให้สามีตามปกติ
ตามจริงแล้วเธอนั้นเจ็บในขณะที่ทำงาน แต่เธอก็จำเป็นต้องทน
เธอไม่สามารถปล่อยให้คนรู้ถึงอาการบาดเจ็บของเธอ หรือยอมให้คนรู้ว่าเธอนั้นถูกเจี่ยนอีหลิงทุบตีจนย่ำแย่ได้
เธอต้องทนความเจ็บปวดที่เจี่ยนอีหลิงมอบให้
แต่เธอยังไม่ยอมแพ้ เธอยังมีโอกาส