หงไป่จางก็อยู่ที่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์และเห็นการถกเถียงเกี่ยวกับการผ่าตัดซ่อมแซมเส้นประสาทขนาดเล็กเช่นเดียวกัน
เขาสามารถพูดได้ว่าการผ่าตัดนี้ดึงดูดความสนใจจากคนมากมาย
และในฐานะคนที่มีส่วนร่วมปฏิบัติการนี้ตั้งแต่ต้น เขาก็จำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
การผ่าตัดประเภทนี้นั้นยากมาก หากว่าประสบความสำเร็จแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าชื่อเสียงของ Dr.FS จะต้องยกไปสู่อีกระดับหนึ่ง
ด้วยใจจริงแล้ว หงไป่จางหวังว่าตัวเขาเองจะสามารถเข้าไปอยู่ในฉากได้รู้เห็นเป็นพยานการผ่าตัดด้วยตาของตนเอง
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว หงไป่จางก็ทำการส่งข้อความไปหาเฉิงอี้อย่างหน้าด้านๆ ด้วยหวังว่าเฉิงอี้จะเห็นด้วยว่าเขาควรจะได้ชมฉากการผ่าตัดในวันนั้น
เฉิงอี้ตอบข้อความของเขาหลังจากนั้นไม่นาน
[ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอนุญาต คุณต้องหาทางเอาเอง]
หงไป่จางได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ที่เขาติดต่อไปหาก็เพราะว่าเขาหาทางอื่นไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือไง
นอกจากการติดต่อพวกเขาแล้ว หงไป่จางก็ไม่สามารถคิดหาวิธีอื่นใดได้อีก
ในขณะที่หงไป่จางกำลังจะตอบกลับ นางพยาบาลก็เข้ามาหาเขา บอกเขาให้ไปที่หอผู้ป่วย 1 เพื่อตรวจอาการของคนไข้
“เป็นแค่ลำไส้อักเสบไม่ใช่เหรอ ทำไมผมต้องไปด้วยตัวเองด้วย” หงไป่จางรู้สึกอดรนทนไม่ได้อยู่บ้าง
ผู้เฒ่าหญิงของตระกูลเจี่ยนก็เหลือเกินจริงๆ ต้องให้เขาไปด้วยตนเองถึงจะโล่งอก จริงแล้วแค่หมอคนอื่นในโรงพยาบาลก็เพียงพอแล้ว
หงไป่จางเดินไปที่หอผู้ป่วย 1 อย่างไม่เต็มใจ
เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆบนเตียงพยาบาลพร้อมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกกองใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าเธอ เพียงแค่มองผ่านๆ เธอก็จะสามารถเห็นภาพได้จากทุกหน้าจอคอมพิวเตอร์
หงไป่จางถอนใจ ผู้ปกครองเดี๋ยวนี้ช่างเอาใจลูกหลานของตัวเองเหลือเกิน พอพวกเขาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ผู้ปกครองก็ต้องย้ายพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวนมากมาที่หอผู้ป่วยด้วย
“เป็นยังไงบ้าง ยังปวดอยู่ไหม” หงไป่จางเดินมาที่เตียงแล้วถามอาการของเจี่ยนอีหลิง
“ไม่ปวด” เจี่ยนอีหลิงเปลี่ยนภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นสกรีนเซฟเวอร์ ก่อนหงไป่จางจะเข้าไปถึง
หงไป่จางถามเจี่ยนอีหลิงอีกสองสามคำถามตามปกติ และบันทึกรายละเอียดสองสามจุดที่ต้องให้ความสนใจ
ลำไส้อักเสบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ตราบเท่าที่เด็กหญิงคนนี้หยุดไปโน่นไปนี่และไม่ทานอาหารรสจัด ก็จะไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่
หงไป่จางต้องการที่จะเห็นการผ่าตัดมากกว่าที่จะตรวจดูอาการลำไส้อักเสบของคนอื่น
เมื่อเห็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้าเจี่ยนอีหลิง หงไป่จางก็นึกขึ้นได้ถึงการสนทนาระหว่างเขากับเฉิงอี้
“ว่าแต่ คุณหนูเจี่ยน ขออนุญาตถามว่า เกมอะไรที่หนูเล่นกับด็อกเตอร์เฉิงกับด็อกเตอร์หลัว”
หงไป่จางยังคงเฝ้าครุ่นคิดถึงอยู่แต่เกมนี้
นั่นเป็นสิ่งที่เฉิงอี้พูด แต่เจี่ยนอีหลิงไม่เคยพูด
มองไปยังหงไป่จาง เจี่ยนอีหลิงก็ตอบคำถามหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพัก “เซิร์กอินเวอร์ชั่น”
เธอเพิ่งเล่นเกมนี้ไม่นานนัก
อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยเล่นเกมนี้กับเฉิงอี้และหลัวซิ่วเอิน
สิ่งที่เธอเล่นกับเฉิงอี้และหลัวซิ่วเอินนั้น… เป็นข้อมูลทุกประเภทและการทดลองหลากหลาย…
“ฉันดูเหมือนจะเคยได้ยินเกมนี้มาก่อน คนที่มีไอคิวสูงชอบเล่นเกมที่มีความรุนแรงแบบนี้หรือยังไงกัน” หงไป่จางครุ่นคิดรำพัน
ถ้าเขาเล่นเกมนี้แล้วได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเทพแห่งการผ่าตัด เขาจะมีโอกาสไปเยี่ยมชมดูการผ่าตัดของท่านเทพหรือไม่
บางทีมันอาจจะเป็นไปได้จริงๆ
“คุณหนูเจี่ยน หนูจะพอมีเวลาว่างสอนฉันเล่นเกมนี้บ้างไหม”
หงไป่จางคิดว่าในเมื่อเจี่ยนอีหลิงสามารถทำความรู้จักกับเฉิงอี้และคนอื่นๆผ่านเกมนี้ เธอน่าจะเล่นเกมได้ยอดเยี่ยมอยู่บ้าง
หงไป่จางเชื่อว่าพวกที่เล่นเกมได้กระจอกจะหาเพื่อนได้ยากเมื่อตอนเล่นเกม มีแต่เล่นเกมเก่งๆจึงจะสามารถหาเพื่อนในเกมได้
“สอนไม่ได้” เจี่ยนอีหลิงตอบตามความเป็นจริง
“สอนไม่ได้เหรอ แล้วหนูเล่นเกมได้ยังไง” หงไป่จางถาม
“ความรู้สึก” เจี่ยนอีหลิงตอบด้วยท่าทางจริงจัง
การขอคำแนะนำของหงไป่จางนั้นล้มเหลว ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาดูถึงวิธีการเล่นเกมตาม “ความรู้สึก” ในคราวหน้า