“แน่นอน ตราบเท่าที่หลานรักมีความสุข ไม่มีปัญหาเลยว่าหลานจะอยู่ที่บ้านเก่านี้นานเท่าไหร่ ในอนาคตย่าจะยกบ้านเก่านี้ให้หลานด้วย และหลานสามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ตราบชั่วชีวิต” ย่าเจี่ยนรู้สึกสงสารหลานสาวจับใจ เธอรีบตอบในทันที
ย่าเจี่ยนไม่ได้ลืมว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นถูกส่งตัวมาที่นี่โดยพ่อแม่ของเธอในตอนนั้น
เธอถูกที่แห่งนั้นทอดทิ้ง และเธอก็กลัวว่าเธอจะถูกที่นี่ทอดทิ้งอีกครั้ง
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หลานสาวของเธอ ที่เคยมีครอบครัวมาโดยตลอด จะไม่มีที่ไหนให้ไปได้อีก
หญิงชราก็พลันรู้สึกถึงร่องรอยของความหวาดกลัวและกังวลใจ เธอยิ่งแก่ตัวขึ้น และเธอก็กลัวว่าสักวันหนึ่งเมื่อเธอจากไปอย่างกระหันหัน หลานสาวของเธอก็จะถูกทอดทิ้งโดยไม่มีคนคอยปกป้องและอยู่เป็นเพื่อนเธอ
###
เช้าตรู่วันถัดมา เจี่ยนหยุ่นน่าวก็ได้เข้าไปยังสถาบันอย่างเป็นทางการ เจี่ยนหยุ่นเฉิงกับเวินน่วนเป็นคนที่ไปส่งเขาที่หอผู้ป่วย
คนที่รับผิดชอบในการต้อนรับก็คือเฉิงอี้ เดิมทีเฉิงอี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ แต่เฉิงอี้เป็นคนขออาสา
เจี่ยนหยุ่นน่าวที่มีอายุได้ 17 ปี สุดท้ายก็ได้ปรากฏแววแห่งความสดใสขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบเหงาเศร้าสร้อยผ่านมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน
แต่ก็ยังคงดูแย่กว่าเด็กชายที่มีความกระตือรือร้นก่อนหน้านั้น
ใบหน้าอ่อนเยาว์และหล่อเหลาของเขาไม่ได้เฉิดฉายอีกต่อไป เผยให้เห็นว่าเขานั้นโศกเศร้าจริงๆในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“สวัสดีคุณเจี่ยนหยุ่นน่าว พวกเราได้เจอกันเมื่อครั้งที่แล้ว ผมเชื่อว่าผมไม่จำเป็นที่จะต้องพูดว่าผมเป็นใคร”
เฉิงอี้แนะนำเจี่ยนหยุ่นน่าวอย่างคร่าวๆถึงกระบวนการและกฎของสถาบันวิจัย
“เอาหละตอนนี้เรามาทำการตรวจสอบขั้นพื้นฐานกัน”
เฉิงอี้เรียกผู้ช่วยของเขาแล้วพูดกับเจี่ยนหยุ่นน่าวว่าจะต้องได้รับการฉีดยา
จากนั้นเขาก็บอกให้เจี่ยนหยุ่นน่าวถอดกางเกงออก
“ถอดกางเกงออกเหรอครับ” เจี่ยนหยุ่นน่าวถามด้วยความสงสัย “ทำไมผมจึงต้องถอดกางเกงออกด้วย”
“เพราะว่าการฉีดยาครั้งนี้จะต้องฉีดที่กล้ามเนื้อก้นของคุณเจี่ยนหยุ่นน่าว”
เฉิงอี้ถือเข็มฉีดยาในมือพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นมาตรฐานของเขาบนใบหน้า
“แต่ผมเจ็บที่มือ เจี่ยนหยุ่นน่าวขมวดคิ้ว
“แน่นอนว่าผมต้องรู้สิว่าคุณเจ็บที่มือ แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อคุณเจ็บมือ แล้วเราจะต้องฉีดยาที่มือคุณ ถูกต้องไหม คุณเจี่ยนหยุ่นน่าวได้โปรดเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของพวกเรา”
เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเฉิงอี้
จากนั้นเจี่ยนหยุ่นน่าวก็หันไปมองดูแม่ของตัวเองด้วยท่าทางเอียงอาย
“แม่ครับ… แม่พอจะออกไปก่อนได้ไหม”
เด็กอายุ 17 ปีไม่ต้องการให้แม่ของเขาเห็น
เวินน่วนเคารพความเป็นส่วนตัวของลูกชายของเธอ เธอออกไปจากหอผู้ป่วย จากนั้นเจี่ยนหยุ่นน่าวก็มองไปยังพี่ชายคนโตของเขา…
“ฉันเป็นพี่ใหญ่ของแก” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวขึ้นมาหน้าตาเฉย
เห็นได้ชัดเจนว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่คิดที่จะหลีกหนีไปไหน
เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ได้แต่ปล่อยให้เฉิงอี้ถอดกางเกงของเขาออกต่อหน้าพี่ชายของเขา
เฉิงอี้นำเอาเข็มฉีดยากระบอกใหญ่ยักษ์ออกมาและฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้กับเจี่ยนหยุ่นน่าว
หลังจากเจอเข็มนี้เข้าไป ทั้งใบหน้าของเจี่ยนหยุ่นน่าวก็บิดเบี้ยวไปด้วยความปวด
เขาไม่เคยได้รับการฉีดยาเข้ากล้ามมาก่อน และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมมันจึงปวดมากนักในครั้งนี้ และมันก็ไม่ได้หายไปแม้เวลาจะผ่านไปได้สักพัก
หลังจากที่เวลาผ่านไปนานความปวดก็ไม่ได้ลดลง
มันปวดมากเสียจนกระทั่งเขาไม่สามารถที่จะพลิกตัวได้ ดังนั้นเขาก็ได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น
เฉิงอี้มองดูหน้าตาที่บิดเบี้ยวของเจี่ยนหยุ่นน่าวเพราะว่าความเจ็บปวดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มอบหมายงานอะไรบางอย่างให้เจ้าหน้าที่อย่างจริงจังก่อนที่จะจากหอผู้ป่วยของเจี่ยนหยุ่นน่าวไป
ไม่นานนักหลังจากที่เดินออกมาจากหอผู้ป่วย เฉิงอี้ก็ไม่สามารถที่จะซ่อนยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไป
หลัวซิ่วเอิน ซึ่งก็พบว่าได้มาอยู่ที่นี่ด้วยเพื่อมาชมความสนุกสนานก็ได้จับตัวเขาไว้
“นายทำอะไร ทำไมมีรอยยิ้มวิปริต”
“พี่สาวเอิน ผมไม่ได้ทำอะไร ผมก็ยิ้มตามธรรมดา”
“ยังไม่บอกมาอีก นี่เป็นนิสัยนาย นายยังต้องการที่จะโกหกฉันเหรอ”
———————————-
เฉิงอี้ – บ้านผมใหญ่