แม้ว่าชิวหยีเจนจะไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับตระกูลเจี่ยนได้ แต่กับตระกูลร่ำรวยทั่วไปนั้นเธอสามารถทำได้
ชิวหยีเจนเริ่มคิดหาแผนการ
แม้ว่าเบื้องหลังของเพื่อนร่วมโต๊ะของเจี่ยนอีหลิงนั้นจะไม่มีอะไร แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้ถ้าเธอนั้นต้องการที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ
เรื่องนี้ยังคงต้องคิดอย่างระมัดระวังเป็นอันดับแรก ต้องคิดหาวิธีที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ชิวหยีเจนรู้ดีว่าเธอไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวเองได้อีกต่อไป
###
วันอาทิตย์นี้เป็นเวลากำหนดการผ่าตัดให้เจี่ยนหยุ่นน่าว
วันเสาร์ เจี่ยนอีหลิงไปยังสถาบันวิจัยหนึ่งวันล่วงหน้าเพื่อทำการตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนทำการผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าว
การตรวจสอบอื่นๆนั้นถูกดำเนินการโดยคนอื่นในสถาบันวิจัย แต่การยืนยันขั้นสุดท้ายนั้นยังคงต้องให้เจี่ยนอีหลิงมาด้วยตนเอง
เพื่อความสะดวกในการผ่าตัดอีกทั้งเจี่ยนอีหลิงยังมีงานอีกมากที่จะต้องทำ ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะอยู่ที่สถาบันทั้งคืนวันเสาร์
แต่เจี่ยนอีหลิงมีอายุเพียงสิบห้าปี ย่าเจี่ยนจะต้องเป็นกังวลแน่ๆถ้าเธอไม่กลับบ้านทั้งคืน
ดังนั้นเจี่ยนอีหลิงจึงโทรศัพท์ไปหาเจี่ยนหยู่หมินขอความช่วยเหลือ
เจี่ยนหยู่หมินฟังว่าเจี่ยนอีหลิงจะใช้เวลาอยู่นอกบ้านทั้งคืน เขาก็ปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ เธอจะอยู่ข้างนอกไม่ได้ ฉันจะซื้อของอร่อย อะไรที่สนุกๆ และร้องเพลงให้ฟัง อะไรก็ได้ แต่เธออยู่ข้างนอกไม่ได้”
“ม-มีธุระ” เจี่ยนอีหลิงประกาศว่าเธอไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอก
เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอีหลิงรู้สึกอายและประหม่า
ทำให้การพูดตะกุกตะกักของเธอยิ่งกว่าเดิม
“ธุระอะไรก็ไม่ได้ เธออายุแค่สิบห้าเอง ต้องกลับบ้านก่อนสามทุ่ม” น้ำเสียงของเจี่ยนหยู่หมินเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
มีเสียงของลั่วซวินผ่านเข้ามาทางโทรศัพท์ด้วย เพราะว่าเขาแอบฟังการสนทนาระหว่างเจี่ยนอีหลิงกับเจี่ยนหยู่หมิน
“หลังสามทุ่มเธอไม่ควรออกไปไหน พี่หยู พี่เป็นพี่ชายประสาอะไร”
“ใช่ ลั่วซวินพูดถูก หลังสามทุ่มเธอไม่ควรออกไปไหน”
การตัดสินใจของเจี่ยนหยู่หมินนั้นปรับเอาตามคำแนะนำของลั่วซวิน
“อื้อ ฉันเข้าใจ”
เจี่ยนอีหลิงได้แต่ยอมแพ้
หลังจากจบการสนทนาแล้วเสียงของหลัวซิ่วเอินก็ดังขึ้นว่า “น้องสาวอีหลิง พี่คิดว่าที่พี่ชายเธอพูดนั้นมีเหตุผลนะ เธอควรจะหลับให้เพียงพอในตอนกลางคืนจะดีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่สถาบันวิจัย”
เฉิงอี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเจี่ยนอีหลิงก็ขัดขึ้นมากลางคันว่า “น้องสาวอีหลิง เพื่อที่จะได้ยินเสียงของไอดอลของเธอ พี่สาวเอินได้แอบฟังอยู่ด้านหลังน้องมาตั้งนานแล้ว”
หลัวซิ่วเอินไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงของเจี่ยนหยู่หมิน แต่ก็ยังได้ยินเสียงของลั่วซวิน ลูกหมาติดนม ด้วย
“เฉิงอี้ นายคันเนื้อคันตัวมากใช่ไหม”
“ไม่ ไม่ ผมมีงานล้นมือ ทำงานที่พี่ทำอยู่ต่อไปเถอะ”
เฉิงอี้รีบมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองทำทีเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่ผ่านมาไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
###
ที่หอผู้ป่วยของเจี่ยนหยุ่นน่าว ที่เขาอยู่ในหอผู้ป่วยหลายวันมานี้ มีเพียงหนังสือเป็นเพื่อนทุกวัน ห่างไกลจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ และห่างไกลจากสิ่งรบกวนจากภายนอกด้วย
เขาไม่ชอบความวุ่นวาย ดังนั้นความเงียบจึงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับเขา
แต่เป็นยาจีนที่ยากจะดื่มทุกวัน
ครั้งหนึ่งเขาเคยถามคำถาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสถาบันวิจัยยาฮุ่ยหลิงถึงให้ยาจีนกับเขา
แต่คำอธิบายจากหมอของสถาบันวิจัยนั้นทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้