เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 285-286

 

หวังเซี่ยงจ้งลังเลที่จะตอบคำถามของจ๋ายหวินเชิ่ง หลังจากเห็นท่าทีเคร่งขรึมของอาจารย์ จางหวังเซี่ยงจ้งก็เริ่มตอบ

 

“ผมไม่มี” เมื่อตอนที่หวังเซี่ยงจ้งกล่าวคำว่า ไม่มี นั้น น้ำเสียงของเขานั้นหนักแน่น “แต่อาจารย์สามารถให้คนอื่นตรวจสอบได้ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่สงสัยในเรื่องนี้ อาจารย์สามารถอ่านความเห็นในฟอรัมของโรงเรียนของเรา ทุกคนล้วนมีความสงสัยแบบนี้”

 

นี่ไม่ใช่ความสงสัยของบุคคลเพียงคนเดียว ดังนั้นหวังเซี่ยงจ้งจึงมั่นใจมาก เมื่อเขาแสดงความสงสัย

 

คนสามคนประโคมข่าวเสือ* เมื่อพวกเขาพบว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่ทำเช่นนี้ ไม่ได้ทำอยู่ตามลำพัง ความมั่นใจของพวกเขาก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

“นั่นหมายความว่า นายต้องการจะบอกฉันว่าแม้ว่านายไม่มีหลักฐาน แต่นายก็มีมวลชนเป็นฐาน และกฎก็ทำอะไรคนทั้งหมดไม่ได้ หากว่าคนที่ทำผิดไม่ใช่คนเพียงคนเดียว นายก็ไม่ต้องกังวลว่านั่นจะเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างงั้นสิ” มีความเย้ยหยันแฝงอยู่ในน้ำเสียงของจ๋ายหวินเชิ่ง

 

“คุณ …” หวังเซี่ยงจ้งมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งอย่างประหลาดใจ

 

เขาได้กลิ่นบางอย่างไม่ถูกต้อง

 

“อธิบายต่อไป ถ้านายไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท”

 

“ไม่ เห็นได้ชัดเจนว่าเจี่ยนอีหลิงได้รับผลลัพธ์ในตอนนี้ด้วยวิธีการที่ไม่สมเหตุผล การโกงนั้นเป็นเรื่องน่าอับอาย การที่ผมมารายงานเรื่องเธอนั้นจึงมีเหตุผล เมื่อเราได้เห็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม เราไม่ควรรายงานด้วยความเต็มใจเหรอ”

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“อือ สิ่งที่นายพูดนั้นถูกต้อง เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมจึงมีความกระตือรือล้นที่จะรายงาน เพียงแต่ไม่รู้ว่านายเห็นด้วยตาข้างไหน หือ”

 

เห็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ประการแรกนั้นมีคำว่า “เห็น” อยู่ด้วย

 

จ๋ายหวินเชิ่งมองไปที่หวังเซี่ยงจ้ง และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

 

หวังเซี่ยงจ้งถูกซักถาม

 

ไม่มีใครเห็น คนอื่นๆก็ไม่มีใครเห็น และหวังเซี่ยงจ้งก็ไม่เห็นเช่นกัน

 

เพียงแค่ว่า หลังจากที่ผลลัพธ์ออกมาไม่สมเหตุผล เขาก็เลยคิดอย่างนั้น

 

จ๋ายหวินเชิ่งหันหน้าไปพูดกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเขา “ติดต่อผู้ปกครองของเขา เนื่องจากนักเรียนคนนี้น่ารังเกียจด้วยพฤติกรรมชอบรังแกคนอื่น ฉันจะสอนเขาว่า การรังแกที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง”

 

ในเมื่อหวังเซี่ยงจ้งเชื่อว่าเขา “ถูกรังแก” ดังนั้นจ๋ายหวินเชิ่งจึงตั้งใจที่จะทำให้เขาได้สมใจ

 

คำขอแบบนั้น นายท่านเชิ่งสามารถจัดให้สมใจได้ตามนั้น

 

หลังจากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดก็ติดต่อผ่านโทรศัพท์ไปยังพ่อของหวังเซี่ยงจ้ง

 

พ่อของหวังเซี่ยงจ้งเป็นผู้จัดการระดับกลางของบริษัทแห่งหนึ่ง และครอบครัวของเขาก็มีรายได้มากพอควร ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ส่งหวังเซี่ยงจ้งให้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัว

 

เพียงแค่รายได้ของครอบครัวของเขานั้นธรรมดามากหากเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นที่ร่ำรวยและมีอำนาจคนอื่นๆในโรงเรียน

 

พ่อของหวังเซี่ยงจ้งที่รับสายยังคงไม่เข้าใจ

 

จ๋ายหวินเชิ่งพูดเข้าไปในโทรศัพท์ง่ายๆว่า “ลูกชายของคุณบอกว่าถูกคนอื่นรังแก หากว่ารังแกเขาแล้ว นั่นถึงจะเป็นการทำให้เขาพอใจ”

 

ขณะที่พ่อของหวังเซี่ยงจ้งยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก ผู้จัดการบริษัทของเขาก็มาหาเพื่อแจ้งว่าเขาถูกไล่ออก

 

จ๋ายหวินเชิ่งวางสายโทรศัพท์

 

ไม่นานนัก หวังเซี่ยงจ้งก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขา

 

หวังเซี่ยงจ้งได้ยินพ่อพูดว่าเขาถูกไล่ออก และเจ้านายที่ไล่ออกบอกเขาว่า เป็นเพราะเขาสอนลูกไม่ดี ทำให้ลูกของเขามีปัญหาเรื่องลักษณะนิสัย เขาจึงไม่เหมาะที่จะทำงานในบริษัทนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถูกไล่ออกตรงๆ

 

หน้าของหวังเซี่ยงจ้งซีดลงในทันที

 

จากความเข้าใจของหวังเซี่ยงจ้ง นี่เป็นผลงานของคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา

 

หวังเซี่ยงจ้งมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งอย่างโง่งม “คุณทำแบบนี้ลงไปได้ยังไง”

 

“ทำไมถึงจะทำไม่ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายเรียกว่าการกลั่นแกล้งเหรอ นายท่านคนนี้จึงทำให้นายได้สมใจ” จ๋ายหวินเชิ่งถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

 

“ไม ผมกำลังพูดถึงเจี่ยนอีหลิง คุณมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย” หวังเซี่ยงจ้งรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเขานั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

 

“นายไม่มีเหตุผล แต่กลับคาดหวังให้คนอื่นใช้เหตุผลกับนายงั้นเหรอ นายไม่มีหลักฐาน อ้างอิงตามความอารมณ์ความรู้สึกของตัวนายเอง ใช้ปากแดงฟันขาวใส่ความให้คนอื่นผิด ทำไมคนอื่นถึงทำกับนายตามอารมณ์ของพวกเขาบ้างไม่ได้ล่ะ”๋

 

เราทุกคนต่างก็ใช้ปาก ความแตกต่างนั้นก็คือ ปากของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นมีประสิทธิภาพร้ายแรงยิ่งกว่าหวังเซี่ยงจ้งมากนัก

 

หวังเซี่ยงจ้งตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนทำแบบนี้ ไล่พ่อของคนอื่นออกจากงานอย่างง่ายๆ

 

เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่พูดไม่กี่คำพ่อของเขาก็ตกงานไปเรียบร้อยแล้ว

 

แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาผิดตรงไหนกับแค่การตั้งคำถามแบบนั้นขึ้นมา ก็เห็นอยู่ว่าทุกคนกำลังคุยกันอยู่ในเว็บบอร์ดชัดๆ

 

หวังเซี่ยงจ้งไม่คิดว่าเขาทำอะไรเกินเลย

 

ต่อให้เจี่ยนอีหลิงไม่ได้โกง แต่ตอนนี้เขาก็เพียงแค่ตั้งคำถามอยู่ หลังจากสอบสวนแล้วพบว่าเธอไม่ได้โกงก็เพียงแค่ประกาศออกมา นั่นไม่ดีกว่าเหรอ

 

ทำไมถึงต้องปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนถาม

 

หวังเซี่ยงจ้งไม่เข้าใจจริงๆ

 

แต่เจี่ยนอีหลิงเข้าใจได้

 

คนธรรมดาอาจเลือกที่จะมองหาหลักฐานแล้วโยนหลักฐานใส่หน้าหวังเซี่ยงจ้ง บอกเขาว่านายผิดและให้ขอโทษ

 

แต่จ๋ายหวินเชิ่งไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นตัวร้ายในหนังสือเล่มเดิม ในเรื่องของความไร้เหตุผลแล้ว นายท่านเชิ่งไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง

 

หวังเซี่ยงจ้งมองไปที่หัวหน้าฝ่ายวิชาการคนใหม่ อาจารย์จาง แต่ก็พบว่าอาจารย์จางไม่มีความคิดที่จะแสดงความคิด

 

หวังเซี่ยงจ้งตัวแข็งอยู่พักหนึ่งแล้วพูดตะกุกตะกักไปยังจ๋ายหวินเชิ่ง “ยังไงก็ตาม ต่อให้เธอไม่ได้โกง แต่คุณ … คุณก็เพียงแค่ตรวจสอบได้โดยตรงและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอ … ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ ผมเพิ่งตั้งคำถาม ผมแค่พูดไปสองประโยค … ผมไม่ได้ฆ่าใครและหรือใส่ความพวกเขา แต่คุณ ถึงกับไล่พ่อผมออก คุณ … คุณทำเกินไปแล้ว”

 

จ๋ายหวินเชิ่งยิ้มที่มุมปากและตอบช้าๆ “นายแค่ขยับปาก โชคร้ายที่ฉันก็เพิ่งขยับปากเหมือนกัน”

 

การไล่พ่อของหวังเซี่ยงจ้งออกนั้น จ๋ายหวินเชิ่งเพียงแค่บอกให้กับบอดี้การ์ด

 

บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดแบบไหนที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น

 

ในเมื่อหวังเซี่ยงจ้งไม่รู้ แล้วจ๋ายหวินเชิ่งจะสนใจใคร่รู้ไปทำไมกัน

 

จ๋ายหวินเชิ่งส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ด

 

บอดี้การ์ดขอให้หวังเซี่ยงจ้งออกจากห้องทำงาน

 

เมื่อบอดี้การ์ดส่งหวังเซี่ยงจ้งออกไปข้างนอก เขาก็บอกอีกฝ่ายว่า “แม่ของคุณยังมีงานอยู่ ถ้านายยังขยันขันแข็ง นายท่านก็คงไม่รังเกียจที่จะขยับปากเช่นเดียวกัน”

 

หวังเซี่ยงจ้งเดินออกจากอาคารบริหารอย่างงงๆ

 

ติดตามมาด้วยอาจารย์จาง เขาก็ได้รับการส่งสายสายตาจากจ๋ายหวินเชิ่งเช่นเดียวกัน และเขาก็ออกจากห้องทำงานด้วยข้ออ้างว่าเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการ

 

เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งถูกทิ้งไว้ในสำนักงาน

 

“มานี่”

 

จ๋ายหวินเชิ่งกวักมือเรียกเจี่ยนอีหลิง

 

“นายต้องการอะไร” เจี่ยนอีหลิงมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งด้วยดวงตาที่สดใสและถามด้วยเสียงเล็กๆ

 

“ ที่นี่มีเตียงเล็ก ไปงีบสักหน่อยสิ”

 

เตียงเล็กพับได้วางอยู่ตรงมุมห้องทำงาน

 

นอกจากนี้ยังมีผ้านวมสีชมพูผืนเล็ก

 

เจี่ยนอีหลิงมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่ง แต่เธอไม่ได้ขยับเป็นเวลาครู่ใหญ่

 

“อย่าต้องให้นายท่านไปอุ้มเธอมา เธอต้องเรียนรู้จากกระต่าย เนื้อกระต่ายอร่อยแต่หน้าตาดูไม่ได้”

 

จ๋ายหวินเชิ่งพบว่าเจี่ยนอีหลิงนอนดึกเช่นเดียวกัน

 

ตามความเป็นจริง ไม่นานมานี้ เจี่ยนอีหลิงเข้านอนแต่หัววัน เธอไม่ได้นอนแค่สามหรือสี่ชั่วโมงต่อวันเหมือนตอนแรก

———————————————————-

 

三人成虎 [sān rén chéng hǔ] คนสามคนประโคมข่าวเสือ

คนสามคนที่แพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับเสือจนทำให้คนทั่วไปเชื่อว่ามีอยู่จริง คำโกหกหากพูดซ้ำบ่อยพอสมควรก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นความจริง การใส่ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้คนอื่นเชื่อ

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset