เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 331-332

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่ได้มาเมืองเหิงหยวนเพียงเพื่อพบกับหญิงสาวในรูปถ่ายที่หยูซีส่งให้เขาครั้งสุดท้ายเท่านั้น

เขายังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ

จุดประสงค์เดิมของการมาเยี่ยมจ๋ายหวินเชิ่ง คือเพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเขา

พ่อของจ๋ายหวินเชิ่งเสียชีวิตในขณะที่พยายามช่วยอารอง จากสาเหตุที่อารองได้ก่อปัญหาขึ้นมาในตอนนั้น

เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานสอบสวนคดีอาญาของเมืองเหิงหยวนได้ขุดพบกระดูกของศพที่ถูกฝังมากว่าสิบปี ไม่สามารถระบุตัวตนของศพได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ศพนั้นเกี่ยวข้องกับนายท่านรองของตระกูลจ๋ายเนื่องจากมีการพบสมบัติของอาของจ๋ายหวินเชิ่งอยู่ใกล้กับกระดูก

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนสงสัยว่าผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับนายท่านรองของตระกูลจ๋าย พวกเขายังสงสัยอีกด้วยว่า การตายนั้นเกี่ยวข้องกับพ่อของจ๋ายหวินเชิ่งในตอนนั้น

ตอนนี้ ปัญหาคือการระบุตัวตนของกระดูกและสาเหตุการตาย

เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรตั้งแต่บุคคลนั้นเสียชีวิต กระบวนการตรวจสอบกระดูกจึงกลายเป็นเรื่องยากอย่างมากถึงที่สุด

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งกว่าเดิมในด้านนี้ เพื่อระบุกระดูก หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

ดังนั้นโครงกระดูกจึงถูกส่งไปที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง โครงกระดูกนั้นจะได้รับการวิเคราะห์และประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่นั่น

ในขั้นต้น ท่านผู้เฒ่าจ๋ายวางแผนที่จะส่งคนไปที่สถาบันเพื่อรับฟังผลและรายงานกลับมาให้เขา เขาไม่ได้วางแผนที่จะไปเอง

อย่างไรก็ตาม จ๋ายหวินเชิ่งมุ่งมั่นที่จะไป เนื่องจากท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่สามารถหว่านล้อมหลานชายเขาได้ เขาจึงตัดสินใจไปด้วยเช่นกัน

ขณะที่พวกเขากำลังจะไป เจี่ยนอีหลิงจากประตูถัดไปก็ออกจากบ้านเช่นเดียวกัน

เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งเห็นเจี่ยนอีหลิง เขาก็รีบบอกโชเฟอร์ให้หยุดรถ

“พาฉันไปด้วย” เจี่ยนอีหลิงพูดกับจ๋ายหวินเชิ่ง

หยูซีซึ่งอยู่ในรถด้วย มองไปที่เจี่ยนอีหลิงก่อนที่เขาจะพูดว่า “อีหลิง สถานที่ที่เราจะไปในวันนี้ แตกต่างจากสถานที่ปกติที่เราไป ดังนั้นเราจึงไม่สามารถให้น้องนั่งไปด้วยได้”

“ทางเดียวกัน” เจี่ยนอีหลิงกล่าว เธอพูดด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าเธอรู้ว่าหยูซีจะไปไหนตลอดเวลา

หยูซีแข็งทื่อไปชั่วขณะ จ๋ายหวินเชิ่งจึงใช้โอกาสนี้ถามเจี่ยนอีหลิง “เธอจะไปสถาบันด้วยเหรอ”

“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

ดังนั้นจ๋ายหวินเชิ่งจึงเปิดประตูให้เจี่ยนอีหลิง

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงเข้าไปในรถแล้ว หยูซีก็นึกขึ้นได้ว่า เจี่ยนอีหลิงรู้จักนักวิจัยจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง

ก่อนหน้านี้ หลัวซิ่วเอินยังเคยช่วยเจี่ยนอีหลิงด้วยเช่นกัน

เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ได้ หยูซีก็คลายความสงสัยลง

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็อยู่ในรถคันเดียวกัน เมื่อเขาเห็นเจี่ยนอีหลิงขึ้นรถ ดวงตาของเขาก็ดูราวกับว่าจะมองทะลุว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรกันบ้าง

ระหว่างทางหยูซีถามเจี่ยนอีหลิง “เทพหลิง วันนี้น้องจะไปสถาบันเพื่อเล่นกับเพื่อนๆเหรอ”

“ทำนองนั้น” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

“ทำไมน้องไม่เดาว่าเรากำลังจะไปทำอะไร” หยูซีถาม จากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้เวลาเจี่ยนอีหลิงตอบ ก่อนที่เขาจะเปิดเผยคำตอบด้วยตัวเอง “เราจะไปดูการชันสูตรศพ ชันสูตรพลิกศพ แบบน่ากลัวสุดๆ”

“อือ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ ใบหน้าเธอไร้ความรู้สึก

“ไม่ต้องกลัว อีหลิง พี่แค่ล้อให้เธอกลัว วันนี้เราจะไปตรวจกระดูกกัน ไม่มีอะไรน่ากลัว”

“อือ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับอีกครั้ง ท่าทางบนใบหน้าเธอยังคงเหมือนเดิม

ทันใดนั้น หยูซีก็นึกถึงบางอย่าง “ว่าแต่เทพหลิง ของขวัญที่นายน้อยของตระกูลฉินมอบให้เป็นอะไร”

หยูซีสงสัยอย่างท่วมท้น

ไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นของขวัญจากนายน้อยแห่งตระกูลฉิน ไม่ควรเป็นของขวัญธรรมดาๆ

เมื่อได้ยินสิ่งนี้จ๋ายหวินเชิ่งก็พูดขึ้นทันที “ดูเหมือนว่าเธอจะสนิทกับนายน้อยของตระกูลฉิน ฉันมั่นใจว่าของขวัญชิ้นนี้มีค่าไม่น้อย”

“ฉันไม่รู้” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

“เหอ น้องไม่รู้เหรอ น้องไม่รู้ได้ยังไง เทพหลิง” หยูซีถาม

บทที่ 332 เปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้านายท่านเชิ่ง 2

“ ฉันไม่ได้เปิด”

เดิมที เจี่ยนอีหลิงไม่ต้องการของขวัญจากฉินชวน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้วางแผนที่จะเปิดของขวัญที่เขามอบให้เธอ

อาาา เธอไม่ได้เปิดดูนั่นเอง หยูซีคิดในใจ ถ้าเป็นเขาคงเปิดไปนานแล้ว

ตรงกันข้าม จ๋ายหวินเชิ่งได้หลับตาลงไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาวางแผนที่จะนอนหลับระหว่างทางไปสถาบัน

รถหยุดที่ทางเข้าสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง ทุกคนได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของสถาบันก่อนที่พวกเขาจะเข้าไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงการตรวจสอบเจี่ยนอีหลิง เจ้าหน้าที่ก็ข้ามเธอไป

หยูซีค่อนข้างประหลาดใจที่ได้เห็นสิ่งนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันนี้กัน แม้แต่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายและนายท่านเชิ่งก็ยังต้องได้รับการตรวจสอบ เหตุใดจึงไม่ตรวจสอบเทพหลิง

เป็นเพราะเธอยังเด็กเหรอ

หรือเป็นเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิง

นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย

เมื่อทุกคนเข้าไปในสถาบัน ศาสตราจารย์ฉู่ก็ออกมาทักทายตระกูลจ๋าย

“ท่านผู้เฒ่าจ๋าย นายท่านเชิ่ง เนื่องจากงานนี้ได้รับมอบหมายจากสำนักงานสอบสวนคดีอาญาของเมืองเหิงหยวน พวกคุณสามารถดูได้จากภายนอกห้องชันสูตรศพเท่านั้น พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้อง นอกจากนี้ พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในกระบวนการนี้เช่นเดียวกัน”

ศาสตราจารย์ฉู่ยังคงกังวลอยู่บ้างขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับท่านผู้เฒ่าจ๋าย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องบอกกฎเหล่านั้นโดยไม่คำนึงถึงบุคคล กฎจะต้องคงความชัดเจน

พวกเขาเป็นสถาบันทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ครั้งนี้พวกเขาได้รับคดีจากสำนักงานสอบสวนคดีอาญา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ไม่สำคัญว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับใคร

“ฉันเข้าใจ” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายตอบกลับ

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

จากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่สถาบัน

หยูซีพบว่าเจี่ยนอีหลิงยังคงอยู่กับพวกเขา

แม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็เริ่มอยากรู้

ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงตามพวกเขามา

กลุ่มของพวกเขาเดินไปที่ห้องด้านนอกห้องผ่าตัดของสถาบัน

ห้องนี้จะถูกใช้เป็นห้องชันสูตรพลิกศพชั่วคราว

มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่อยู่ข้างหน้าพวกเขา พวกเขาสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นผ่านหน้าต่าง

ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่สองคนก็มาหาพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ช่วยเจี่ยนอีหลิงสวมชุดผ่าตัดอย่างชำนาญ จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็ฆ่าเชื้อโรคที่มือและสวมถุงมือพร้อมหน้ากาก

หยูซีตกตะลึง เขาอดไม่ได้ที่จะไปหาเจ้าหน้าที่และถาม

“พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมพวกคุณถึงแต่งตัวอีหลิงในชุดแบบนั้น”

พวกเขาไม่มีใครได้ใส่ชุดผ่าตัดเลย เหตุใดเจี่ยนอีหลิงถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบว่า “ทำไมถึงไม่ล่ะ พวกคุณแตกต่างกัน คุณมาที่นี่เพื่อรับชม ในทางกลับกันแพทย์มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจัดการกับสิ่งต่างๆ”

“หือ แพทย์เหรอ คุณเรียกใครว่าแพทย์เหรอ”

หยูซีเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ

ระหว่างที่หยูซีสับสนอยู่นั้น เจี่ยนอีหลิงก็เข้าไปในห้องชันสูตรศพ

หยูซีหันไปคุยกับจ๋ายหวินเชิ่ง “นายท่านเชิ่ง ท่านเห็นไหม อีหลิงเข้าไปในห้องแล้ว ผมเห็นอะไรแปลกๆไปหรือเปล่า หรือผมกำลังหลอน”

อย่างไรก็ตามหยูซีไม่ได้กำลังหลอน เพราะคนอื่นๆในกลุ่มก็เห็นเช่นเดียวกัน

เจี่ยนอีหลิงเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด ก่อนที่เธอจะเข้าไปในห้อง

มองผ่านกระจก พวกเขาเห็นเจี่ยนอีหลิงเดินไปที่กองกระดูก

เธอหยิบกะโหลกขึ้นมาอย่างใจเย็น จากนั้นเธอก็ถือมันไว้ตรงหน้าเธอ…

หยูซีรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง

นั่นมันกะโหลกจริงนะไม่ใช่ของปลอม มันไม่ใช่ของเล่น

เทพหลิงถือมันไว้ในมือแบบนั้นเลยเรอะ

จ๋ายหวินเชิ่งก็ดูเจี่ยนอีหลิงผ่านหน้าต่างกระจก

การเคลื่อนไหวของเจี่ยนอีหลิงนั้นดูชำนาญ ท่าทางของเธอก็จริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ

มุมริมฝีปากของเขาอดที่จะยกขึ้นขณะที่มองดูเธอไม่ได้

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจี่ยนอีหลิงก็ออกมาจากห้องชันสูตรศพ และรายงานสถานการณ์ให้คนภายนอกทราบ

“ ฉันได้อัปโหลดข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังคอมพิวเตอร์แล้ว ฉันได้เอาของเหลวออกจากภายในฟันด้วย มันจะถูกส่งไปตรวจหาดีเอ็นเอ กะโหลกศีรษะจะถูกส่งไปเพื่อสร้างใบหน้าใหม่ …”

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset