เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 385-386

大姐大 บทที่ 385 เจี่ยนหยู่โป๋กลับไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยน 1

 

หลังจากจบภาคแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็กลายเป็นยอดนิยม

 

แฟนๆของเธอหลายคนไปที่เว่ยป๋อของเจี่ยนหยู่หมินเพื่อฝากข้อความ พวกเขาขอบัญชีเว่ยป๋อของเจี่ยนอีหลิง

 

[หมินหยู่ช่วยส่งเว่ยป๋อของน้องสาวนายมาหน่อย เราอยากเป็นแฟนของน้องสาวนาย]

 

[หมินหยู่อย่าขี้เหนียว เธอเป็นน้องสาวนายนะ แต่ว่า ไอคิวของเธอเป็นของทุกคน]

 

[หมินหยู่ ถ้านายไม่ให้เว่ยป๋อน้องสาวแก่เรา เราจะไม่เป็นแฟนคลับนายอีกต่อไป]

 

อย่างไรก็ตาม เจี่ยนหยู่หมินไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคามจากแฟนๆที่พูดแบบนี้ เขาเพียงตอบว่าน้องสาวของเขาไม่มีบัญชีเว่ยป๋อ

 

เขายังระบุโดยตรงในบัญชีเว่ยป๋อของตัวเองว่าน้องสาวเขาไม่ใช่ดารา ด้วยเหตุนี้เขาจึงหวังว่าผู้คนจะไม่ไปรบกวนชีวิตเธอ

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประกาศนี้ แฟนๆของอีหลิงก็ยังปฏิเสธที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป

 

พวกเขาตัดสินใจตั้งกลุ่มแฟนคลับของเจี่ยนอีหลิง

 

ในเวลาเดียวกัน บางคนบนอินเทอร์เน็ตก็เริ่มเปรียบเทียบเจี่ยนอีหลิงกับโม่ชืออวิ้น

 

หากต้องค้นหาชื่อของโม่ชืออวิ้นบนอินเทอร์เน็ต พวกเขาจะพบว่าบทความอย่างน้อยห้าในสิบบทความจะเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิง ทุกคนต่างพูดถึงความสามารถของเจี่ยนอีหลิงในรายการเรียลลิตี้

 

บุคลิกที่ชาญฉลาดของโม่ชืออวิ้นนั้นคงอยู่ได้เพียงภาคเดียวเท่านั้น ในภาคที่สอง ตัวตนนั้นก็ถูกทำลายลงโดยเจี่ยนอีหลิง

 

มีคนบนอินเทอร์เน็ตที่ปฏิเสธที่จะยอมรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของโม่ชืออวิ้นเพื่อชื่อเสียงอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขาได้ใช้โอกาสนี้ล้อเลียนเธอ

 

โม่ชืออวิ้นดูบทความในโทรศัพท์ แล้วก็หยิบโทรศัพท์โยนมันไปด้วยความโกรธ

 

“ซืออวิ้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกถึงโกรธ” โม่ฮุ่ยฉิงถาม เมื่อเห็นว่าลูกสาวอารมณ์เสียแล้ว เธอก็เข้าไปปลอบโยน

 

“ไม่มีเหตุผล” โม่ชืออวิ้นตอบขณะที่กัดฟันแน่น

 

“เป็นเพราะเจี่ยนอีหลิงเหรอ มันเหมือนกับว่าเธอเป็นดวงวิญญาณของผีอาฆาตที่ตายแล้วที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด…” โม่ฮุ่ยฉิงเดาเอาเอง

 

โม่ฮุ่ยฉิงเคยคิดเรื่องนี้ระหว่างช่วงเรียลลิตี้โชว์

 

“ไม่ใช่ ไม่เป็นไร” โม่ชืออวิ้นตอบ เธอเยือกเย็นลงแล้ว “แม่ อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวหนูจัดการเอง”

 

แม้ว่าโม่ชืออวิ้นจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่โม่ฮุ่ยฉิงก็สังเกตเห็นว่าลูกสาวเธอไม่ได้ปฏิเสธความสงสัยของเธอ จากตรงนี้ เธอจึงรู้ว่าเจี่ยนอีหลิงเป็นสาเหตุของความโกรธเคืองของลูกสาว

 

“ซืออวิ้น ลูกวางแผนจะรับมือยังไง”

 

“เอ้อ หนูไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าก็เร็ว หนูก็จะแก้แค้นให้ได้ ฉันจะคืนสิ่งที่ตระกูลเจี่ยนทำกับพวกเรา”

 

โม่ฮุ่ยฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอมองลูกสาวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

เธอไม่เคยต้องการให้ลูกสาวเธอต้องวางแผนการคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป เธอต้องการให้ลูกสาวมีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข

 

โม่ฮุ่ยฉิงถอนหายใจกับตัวเอง นี่เป็นความผิดของเธอ ความสามารถของเธอทำให้ลูกสาวกลายเป็นแบบนี้

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

###

 

ในห้องหนึ่งของโรงแรม แสงไฟสลัวๆ

 

คอมพิวเตอร์บนโต๊ะกำลังเล่นไปถึงภาคหนึ่งของรายการเรียลลิตี้ เป็นการบันทึกการถ่ายทอดสดครั้งก่อน

 

หน้าจอบนคอมพิวเตอร์เพิ่งไปถึงฉากที่เจี่ยนหยู่หมินกอดเจี่ยนอีหลิง

 

ในห้อง เจี่ยนหยู่โป๋กำลังนั่งอยู่คนเดียว เขามีกระดานหมากรุกอยู่ข้างหน้าเขา เขากำลังเล่นหมากรุกกับตัวเอง

 

หมากรุกชิ้นสุดท้ายหล่นลงมา มันเป็นการหยุดค้าง

 

ในเวลานี้ ผู้ช่วยหญิงของเขาก็กดกริ่ง เธอมารายงานสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับทรัพยากรที่จะมอบให้โม่ชืออวิ้น และการพัฒนาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเจี่ยน

 

เมื่อถึงตอนนี้ โม่ชืออวิ้นสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรที่ดีที่สุดในวงการบันเทิง

 

จากนั้นพ่อบ้านของเจี่ยนหยู่โป๋ก็นำเสื้อผ้าที่เขารีดมา

 

เมื่อตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า รอยแผลเป็นที่หลังก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

ด้วยเทคโนโลยีการทำศัลยกรรมพลาสติกในปัจจุบัน รอยแผลเป็นดังกล่าวสามารถรักษาได้ในระดับหนึ่ง สามารถทำให้ดูน่าเกลียดน้อยลงได้ แต่อย่างไรก็ตามเจี่ยนหยู่โป๋ปฏิเสธที่จะทำแบบนั้น เขาต้องการเก็บรอยแผลเป็นเอาไว้

 

เจี่ยนหยู่โป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปข้างล่าง

 

เขามีคนขับรถ แต่เขาไม่ได้ขอให้คนขับรถไปส่ง เขาเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปแทน

 

เมื่อเขามาถึงประตูของบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน เขาก็ไม่ได้เข้าไปทันที

 

กลับกัน ดวงตาลึกของเขาจ้องมองไปที่ลานบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน

 

บทที่ 386 เจี่ยนหยู่โป๋กลับไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยน 2

 

ต้นไม้ใบหญ้าส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่เดิม รวมถึงต้นไทรเขียวชอุ่มที่เติบโตอยู่ในลานบ้าน

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สาวใช้ก็เชิญเจี่ยนหยู่โป๋ให้เข้าไปข้างใน

 

เมื่อย่ากับปู่เจี่ยนเห็นเจี่ยนหยู่โป๋ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าประหลาดใจ

 

“หยู่โป๋ ทำไมหลานไม่บอกเราว่าหลานกลับมาแล้ว” ปู่เจี่ยนถาม

 

ทุกคนต่างคิดว่าเจี่ยนหยู่โป๋ยังคงตั้งใจเรียนโกะที่ต่างประเทศ แม้ว่าเขาจะได้รับรางวัลมากมาย แต่บ่อยครั้งที่เขายังคงแยกตัวออกจากโลกภายนอกเพื่อพยายามพัฒนาทักษะของตัวเอง

 

เขามักจะหาที่เงียบๆและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาครึ่งเดือน

 

คล้ายกับการปฏิบัติของพระมาก

 

“มีบางอย่างเกิดขึ้น และนั่นเป็นสาเหตุที่ผมได้กลับมาแต่เนิ่นๆ” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ

 

เมื่อได้ยินวิธีการพูดอย่างเย็นชาและเฉยเมยของเจี่ยนหยู่โป๋ หัวใจของย่าเจี่ยนก็รู้สึกหงุดหงิดและจนหนทาง

 

เด็กชายคนนี้เคยเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก แต่ก็ได้เกิดบางอย่างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากนั้นเขาก็กลายเป็นคนเงียบเหลือเกิน

 

เด็กที่เอะอะโวยวายจะกลายเป็นแบบนี้อย่างกะทันหันไปได้อย่างไรถ้าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขา

 

“ผมมีเรื่องจะคุย” เจี่ยนหยู่โป๋พูดกับปู่เจี่ยน

 

ส่วนใหญ่เมื่อผู้ชายในครอบครัวต้องการพูดคุยกันตามลำพัง มันก็จะเป็นเรื่องของธุรกิจ

 

ดังนั้นเจี่ยนหยู่โป๋และปู่เจี่ยนจึงตรงไปไปที่ห้องทำงาน

 

ตอนแรกย่าเจี่ยนไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้นัก เธอคิดว่านี่เป็นเพียงการสนทนาปกติในเรื่องธุรกิจ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นชั่วขณะ ก็มีเสียงของบางอย่างถูกทุบในห้องทำงาน

 

ย่าเจี่ยนรีบขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นเศษเซรามิกแตกอยู่บนพื้น ปู่เจี่ยนเพิ่งทุบทำลายเครื่องประดับในห้องทำงานของเขา

 

จากนั้นย่าเจี่ยนก็มองหน้าสามี ท่าทางของเขาดูไม่ได้อย่างมาก

 

“เกิดอะไรขึ้น” ย่าเจี่ยนถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

 

“ผมขอตัว” เจี่ยนหยู่โป๋กล่าว เขาดูเหมือนกับตอนเมื่อเข้าสู่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยนครั้งแรก ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆบนใบหน้า

 

เจี่ยนหยู่โป๋เดินออกจากห้องเรียนทำงานอย่างช้าๆ

 

เขาพบเจี่ยนอีหลิงในห้องนั่งเล่น เจี่ยนอีหลิงเพิ่งกลับบ้าน

 

ทั้งสองหยุดลงพร้อมกัน ต่างพากันมองหน้า

 

เจี่ยนอีหลิงเคยเห็นรูปภาพของเจี่ยนหยู่โป๋จากเจี่ยนหยู่หมินแล้ว ด้วยเหตุนี้ เธอจึงจำเขาได้

 

อย่างไรก็ตาม เจี่ยนอีหลิงไม่ค่อยรู้จักเจี่ยนหยู่โป๋มากนัก นี่เป็นเพราะครึ่งแรกของนวนิยายต้นฉบับมีน้อยมากที่จะพูดถึงเขา เขาไม่ได้ถูกพูดถึงบ่อยขนาดนั้น

 

ในนวนิยายต้นฉบับ จนกระทั่งเจี่ยนอีหลิงเสียชีวิต เจี่ยนหยู่โป๋ไม่ได้ปรากฏตัวหลายฉากมากนัก ราวกับว่าเขาเป็นตัวละครประกอบที่ไม่มีนัยสำคัญในนวนิยายต้นฉบับ

 

คำอธิบายเดียวที่มีต่อเขามาจากปากของคนร้ายดั้งเดิมในนวนิยาย ซึ่งจ๋ายหวินเชิ่งได้เรียกขานเขาว่า

 

[ชายที่อันตรายที่สุดในตระกูลเจี่ยน]

 

นี่คือสิ่งที่จ๋ายหวินเชิ่งพูดเกี่ยวกับเจี่ยนหยู่โป๋

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมจ๋ายหวินเชิ่งถึงพูดถึงเขาแบบนั้น

 

เจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยู่โป๋มองหน้ากันเงียบๆ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่ายแม้แต่คำเดียว

 

สายตาคู่หนึ่งนั้นกระจ่างสดใสในขณะที่สายตาอีกคู่หนึ่งนั้นลึกล้ำและมืดมิด

 

ผ่านไปครึ่งนาที ในที่สุดเจี่ยนหยู่โป๋ก็ขยับตัว เขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นและออกจากบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน

 

ในห้องทำงานชั้นบน ย่าเจี่ยนถามปู่เจี่ยนว่า “ตาเฒ่า เกิดอะไรขึ้น นายพูดอะไรกับหยู่โป๋ ทำไมนายถึงโกรธนัก”

 

ปู่เจี่ยนไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามในที่สุด เขาก็ตอบกลับมาว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก เจ้าเด็กนั่นพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น อารมณ์ของฉันหลุด ฉันเลยควบคุมอารมณ์ไม่ได้”

 

ปู่เจี่ยนเปลี่ยนประเด็นไปอย่างง่ายๆ

 

อย่างไรก็ตาม ย่าเจี่ยนปฏิเสธที่จะเชื่อในเรื่องของปู่เจี่ยน ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ได้แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว เธอรู้จักเขาดีพอ

 

ถ้าหลานชายของพวกเขาพูดอะไรหุนหันพลันแล่น อย่างมากที่สุด เขาก็จะดุอีกฝ่าย แน่นอนว่าเขาจะไม่ไปไกลถึงการทำลายสิ่งของ

 

ไม่เพียงแต่ย่าเจี่ยนจะปฏิเสธที่จะเชื่อสิ่งนี้ กระทั่งเจี่ยนอีหลิงก็ไม่เชื่อคำพูดของเขาเช่นกัน

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset