ตอนที่ 467 ฝูงมด
เมื่อไม่กี่วันก่อนศิษย์พี่ใหญ่ได้ส่งจดหมายมา 1 ฉบับ เนื้อความในจดหมายนั้นกล่าวถึงสองกองกำลัง ที่บัดนี้กำลังเดินทางมายังเมืองจินหลิง และเกาเสี่ยน ก็คือหนึ่งในนั้น
เดือนสี่ในปีนี้ เมืองกวนหยุน ณ แคว้นอู๋ ฟู่เสี่ยวกวนเห็นเกาฟู่ลวี่แทงเกาเสี่ยนจนตายอยู่ในคุกด้วยตาของตนเอง ดังนั้นหลังจากที่ได้อ่านจดหมายของศิษย์พี่ใหญ่ เขายังอดคิดไม่ได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กล่าวถึงผิดคนหรือไม่
แต่ในยามนี้เมื่อได้มาฟังโจวถงถงที่กล่าวอย่างจริงจังถึงเพียงนี้ ก็เป็นหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าขันทีชราเกาเสี่ยนผู้นั้นยังมิตาย
“เขามีชีวิตรอดมาได้เยี่ยงไรกัน ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
“วิชากัศยปแสร้งตาย ก่อนที่กริชเล่มนั้นจะแทงเข้าที่หัวใจของเขา เขาใช้กำลังภายในบังคับให้หัวใจเคลื่อนออกไปจากตำแหน่งเดิมสองชุ่น ยามที่กริชเล่มนั้นแทงเข้าไป จึงแทงมิโดนหัวใจของเขาอย่างแท้จริง เขาอาศัยวิชากัศยปแสร้งตายเพื่อหลบหนีไป”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้นมาทันพลัน “เศษเดนของลัทธิจันทราเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ของสิ่งนี้เขาเคยได้ยินมาจากปากของเฟ่ยอันมาก่อน ที่กล่าวถึงคือปู้เนี่ยนชือไท่เฉินซีหยุนจากอารามซุ่ยเยว่
โจวถงถงพยักหน้า ในชั่วพริบตานั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงได้นึกถึงเรื่องราวมากมายขึ้นมา
“กล่าวได้ว่า เซียวเฉียงก็เป็นคนของลัทธิจันทราเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ยังมิเคยสืบหา”
“เซียวเฉียงสิ้นพระชนม์แล้วหรือไม่ ? ”
“ทูลองค์ชาย พระนาง…ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นพระมารดาขององค์จักรพรรดินี ขณะนี้ถูกจองจำอยู่ในคุกหลวง เพื่อรอการลงทัณฑ์จากองค์จักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยถามต่อในเรื่องนี้ แต่กลับถามว่า “เจ้าค้นพบตัวตนของเกาเสี่ยนได้เยี่ยงไรกัน ? ”
“…กระหม่อมบกพร่องในหน้าที่ มิใช่กระหม่อมที่สังเกตเห็นตัวตนของเกาเสี่ยน แต่เป็น…”
โจวถงถงชะงักทันพลัน เขาเกือบจะเผยตัวตนที่แท้จริงของฟู่ต้ากวนออกไปแล้ว
เขาทราบเรื่องการอภิเษกสมรสของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว และได้ทราบว่าฟู่ต้ากวนก็ได้มาที่นี่ในวันที่ฟู่เสี่ยวกวนเข้าพิธีอภิเษกสมรสเช่นกัน แต่เขามิทราบว่าฟู่ต้ากวนถูกฟู่เสี่ยวกวนค้นพบตัวตนที่แท้จริงแล้วหรือยัง
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามในพลัน “เป็นผู้ใดกัน ? ”
“เป็นฟู่ต้ากวนบิดาบุญธรรมของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน จนถึงกับต้องเบิกตาโพลง “เขาเยี่ยงนั้นหรือ ชายอ้วนผู้นั้นน่ะหรือ ? ”
อ่า… เอาเถอะ ชายอ้วนผู้นั้น แท้จริงแล้วก็เป็นชายอ้วนผู้หนึ่ง เพียงแต่เป็นชายอ้วนที่ก้าวเข้าขั้นปรมาจารย์แล้ว !
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองโจวถงถง จนผ่านไปหลายอึดใจ จึงได้กล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “เจ้ามันเป็นชายชราที่มิซื่อสัตย์เลย บัดนี้ข้าขอสั่งให้เจ้าเล่าทุกเรื่องให้ข้าฟัง นี่มันสำคัญเป็นอย่างมาก มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของชายอ้วนผู้นั้น และก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของอู๋หลิงเอ๋อร์เช่นกัน ! ”
ฟู่ต้ากวนได้ไปยังแคว้นฝานแล้ว เดิมที่หลังจากที่เขาเสร็จธุระที่แคว้นฝานก็ควรจะกลับไปยังหลินเจียง เพราะภรรยาคนที่ห้าของเขากำลังจะคลอดบุตรแล้ว
ตามที่ฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจเกี่ยวกับฟู่ต้ากวน เขามิมีทางที่จะไปแคว้นอู๋โดยไร้เหตุไร้ผลอีก นอกเสียจากจะเกิดเรื่องใหญ่เป็นอย่างมากในราชวงศ์อู๋ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ของฟู่เสี่ยวกวน
บิดาผู้นี้ถึงแม้จะมิใช่บิดาแท้ ๆ แต่ความรักที่เขามีให้แก่เขา กลับเข้มข้นเสียยิ่งกว่าบิดาแท้ ๆ เสียอีก เยี่ยงนั้นเพราะเหตุหิมะถล่มคราใหญ่ที่แคว้นอู๋ ฟู่ต้ากวนจึงได้กลับไปที่แคว้นอู๋ทันที นี่คือสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าสมเหตุสมผล
แต่จุดที่ไม่สมเหตุสมผลก็คือ ถึงแม้ชายอ้วนผู้นี้จะเป็นพี่ชายของจักรพรรดิเหวิน แต่มิว่าจะมองเขาเยี่ยงไรก็ดูมิเหมือนผู้ที่มีวรยุทธ์ เยี่ยงนั้นจึงมิมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นผู้สังเกตเห็นว่าเกาเสี่ยนคือเศษเดนจากลัทธิจันทรา และที่ตนได้หายตัวไปหลายเดือน เขาก็ควรจะกลับไปถึงหลินเจียงเนิ่นนานแล้ว แต่เขากลับมาปรากฏตัวขึ้นที่จินหลิง และยังมาถึงจวนฟู่ในจินหลิงอีกด้วย
ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยควันฝุ่น เห็นได้ชัดว่าได้มาอย่างเร่งรีบ แต่ชายอ้วนผู้นั้นกลับมิเอ่ยปากกล่าวว่าเขามาจากไหน
ช่วงเวลาสองสามวันที่ชายอ้วนพักอยู่ที่จินหลิง สองพ่อลูกสนทนากันอยู่บ่อยครั้ง แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิเคยได้รับข่าวคราวอันใดจากปากของชายอ้วนผู้นั้นเลย
หลังจากนั้นเขาก็จากไปอีกครา กล่าวว่าจะไปสะสางธุระสักเล็กน้อย แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับรู้สึกว่านั่นมิใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแท้จริง แต่สุดท้ายแล้วมันคือเรื่องอันใดกันนั้น ท้ายที่สุดชายอ้วนก็ไม่ยอมบอกเขา และเขาเองก็มิทราบอันใดเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
ใบหน้าของโจวถงถงมีรอยยิ้มประดับขึ้นมา “มิได้มีเรื่องราวที่ซับซ้อนอันใดเลยพ่ะย่ะค่ะ ฟู่ต้ากวนได้ยินว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ภูเขาหิมะนั่น ดังนั้นเขาจึงได้มายังแคว้นอู๋ เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ในยามนั้นกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาก็รู้สึกทุกข์ระทมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงได้ไปยังวัดหานหลิง เพื่อจะขอพรให้แก่พระองค์ก็เท่านั้น”
“หลังจากที่เกาเสี่ยนเสียชีวิต ไทเฮาได้สั่งให้ทิ้งศพของเขาไว้ที่ทุ่งรกร้าง ด้านล่างของภูเขาหานซาน”
“ฟู่ต้ากวนไปขอพร ก่อนที่จะขึ้นไปบนภูเขาก็ได้พบกับศพของเกาเสี่ยนที่เชิงเขา แต่หลังจากที่เขาลงมาจากภูเขาก็มิพบศพนั้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงไปแจ้งทางราชสำนัก กระหม่อมจึงได้ไปสำรวจ”
“สถานการณ์ก็เป็นเยี่ยงนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ มิมีพิรุธอันใด และสมเหตุสมผล กล่าวได้ว่าชายอ้วนไปพบเจอความลับโดยบังเอิญ
เอาเถอะ ชายอ้วนที่มิมีเล่ห์เหลี่ยมก็ควรจะเป็นเยี่ยงนั้น
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมาะสมกับนิสัยของชายอ้วนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ไต่ถามเรื่องของชายอ้วนอีก โจวถงถงจึงได้ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“กล่าวได้ว่า เกาเสี่ยนมาเพื่อแก้แค้นข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ตามรายงานของหอเทียนจี เป็นเยี่ยงนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ข้ามิได้ทำให้บุตรของเขาเสียชีวิตนี่ ก็เพียงแค่ยึดเอาทรัพย์สมบัติของจวนเขาทั้งหมดมาก็เท่านั้น มันคุ้มกับที่เขาต้องถ่อมาไกลเพื่อสังหารข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“…นั่น หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะปัญหาของจักรพรรดิเหวิน เขาจึงนำความแค้นมาลงที่เชื้อสายของราชวงศ์พ่ะย่ะค่ะ”
เหตุผลนี้ดูขัดกันเล็กน้อย แต่ฟู่เสี่ยวกวนในขณะนี้มิสามารถหาเหตุผลอื่นได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามว่า “ขันทีชราผู้นั้นเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นหนึ่งจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“จริงพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“แล้วเจ้าจะทำเยี่ยงไรต่อไป ? ”
“ขอให้พระองค์เสด็จกลับแคว้น มีเพียงในเมืองกวนหยุนเท่านั้น พระองค์จึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงพ่ะย่ะค่ะ”
“ท้ายที่สุดแล้วหลิงเอ๋อร์ได้ป่วยเป็นโรคอันใดกันแน่ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอีกเรื่อง
“กระหม่อมเองก็มิทราบ องค์จักรพรรดินีมิได้มาปรากฏตัวในราชสำนักมานานหลายเดือนแล้ว เสนาบดีในราชสำนักก็เริ่มระส่ำระส่ายกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไทเฮาซีเองก็มิทราบเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“พระชนนีมักจะมาที่ราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ ตรัสว่าองค์จักรพรรดินีได้ติดไข้ทรพิษ เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงยิ่ง ดังนั้นองค์จักรพรรดินีจึงกักตัวอยู่ที่คฤหาสน์จิ้งหู หากรักษาจนหายดีแล้ว จะกลับมายังราชสำนักอย่างแน่นอน”
ไข้ทรพิษ… ฟู่เสี่ยวกวนใจกระตุกขึ้นมาทันพลัน ในยุคนี้ยังมิมียาที่รักษาโรคนี้ได้ ต้องอาศัยภูมิคุ้มกันในร่างกายของตนทั้งสิ้น อัตราการตายสูงมากยิ่งนัก ได้แต่หวังว่าอู๋หลิงเอ๋อร์จะสามารถต้านทานมันได้
“ข้าเองก็ขอมิปิดบังกับเจ้า ข้าได้ยินข่าวที่ว่าเกาเสี่ยนมายังจินหลิงแต่เนิ่น ๆ แล้ว และภายในเมืองจินหลิงในตอนนี้ ก็แทบจะวางกับดักเอาไว้อย่างครอบคลุมแล้ว ดังนั้นหากเกาเสี่ยนกล้าที่จะปรากฏกายเพื่อสังหารข้าอย่างแท้จริง ข้าก็รับประกันได้ว่าครานี้เขาจะตายโดยที่มิอาจฟื้นได้อีกเลย เจ้ากลับไปเสียเถอะ ที่ราชวงศ์อู๋ยังเรื่องที่ต้องจัดการอยู่อีกมากโข อย่าได้เสียเวลากับข้าที่นี่เลย”
โจวถงถงนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน “พระองค์มิประสงค์จะกลับไปจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“อือ ข้ายังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการในราชวงศ์หยู”
“ราชวงศ์อู๋เองก็ต้องการนโยบายการบริหารใหม่ของพระองค์เพื่อผลักดันแคว้นเช่นกัน”
“รอให้หลิงเอ๋อร์พ้นอันตรายเสียก่อนเถิด ข้าจะไปบอกกับนางเองว่าต้องลงมือทำเยี่ยงไร”
“…..” โจวถงถงมิได้เอ่ยชักชวนอันใดอีก เขาหยิบแผ่นป้ายสีดำออกมาจากช่วงอกและส่งให้กับฟู่เสี่ยวกวน “นี่คือป้ายคำสั่งสูงสุดของหอเทียนจีพ่ะย่ะค่ะ เพียงมีป้ายคำสั่งนี้ สายลับของหอเทียนจีจะทำตามคำสั่งของพระองค์ทันที”
ฟู่เสี่ยวกวนรับมาดู เป็นแผ่นหยกโลหิตชิ้นหนึ่งที่มีน้ำหนัก ด้านบนนั้นแกะสลักมดหนึ่งตัวที่ดูปราดเปรียวราวกับมีชีวิตอยู่ “นี่… ? ”
“เครือข่ายของหอเทียนจี ฝูงมด นี่เป็นราชินีมดหนึ่งตัวเท่านั้น”
“เยี่ยงนั้นแล้วผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบเมืองจินหลิงกัน ? ”
“ราชามด เจี่ยหนานซิง ! ”
บัดซบ !
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน !
ขันทีเจี่ย… ผู้มีฝีมือระดับปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายของฝ่าบาทเยี่ยงนั้นหรือ ?