ตอนที่ 85 ข้อความในกระดาษ
ผู้เข้าร่วมประมูลหมายเลข 69 นั่งมองการประมูลต่อด้วยความหงุดหงิดที่ตนเองไม่สามารถประมูลหินลูกบาศก์มาได้ แต่แล้วในตอนนั้นเองก็มีพนักงานเดินเข้ามาหาเขา
“ท่านผู้ประมูลหมายเลข 69” พนักงานพูดอย่างนอบน้อม
“มีอะไร” ประมูลหมายเลข 69ถามอย่างไม่สบอารมณ์มากนักแต่พอเห็นว่าพนักงานยื่นกระดาษให้ตนแผนหนึ่งก็รับมาอย่างงงงวย พอคลี่กระดาษออกด้านในมีเขียนข้อความไว้เพียงประโยคเดียว
“แร่หินดํา 15 กิโลกรัมและ 2,500 เหรียญทองแลกกับหินลูกบาศก์ 1 ชิ้น”
ประมูลหมายเลข 69 มองไปที่พนักงานที่ตอนนี้สายตาจับจ้องไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ประมูลหมายเข้าใจผิดว่าตนแอบอ่านข้อความ
“จากใคร” มันรู้อยู่ว่าเป็นใครเพียงแต่ถามให้แน่ใจอีกครั้งด้วยความประหลาดใจเท่านั้น
“ประมูลหมายเลข 777 ท่านมีข้อความตอบกลับไปหรือไม่ ถ้าไม่มีข้าคงต้องขอตัวก่อน”พนักงานตอบด้วยความนอบ น้อมเช่นเคย
“รอเดี๋ยว”
หลังจากนั้นผู้ประมูลหมายเลข 69 ก็รีบเขียนตอบกลับไปในกระดาษแผ่นเดิมและส่งให้พนักงานคนเดิม
กายที่ตอนนี้กําลังรอการตอบกลับอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่ามีการตอบกลับมาเขาก็มั่นใจว่าทุกสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องกายจึงจัดการฉีกกระดาษออกครึ่งหนึ่งและเขียนส่วนที่เหลืออีกครั้งส่งกลับไป
เมื่อไปถึงมือของประมูลหมายเลข 69มันก็อ่านข้อความอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปบอกพนักงานว่า“หมดธุระของเจ้า แล้ว”
พนักงานเดินออกไป ส่วนประมูลหมายเลข 69 ก็จัดการพับกระดาษเก็บเข้าไปและนั่งอย่างสงบไม่พูดไม่จา
ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีสินค้าที่เป็นแร่หินดําของชิ้นสุดท้ายขึ้นมาประมูล กายที่เห็นก็ยิ้มออกมา
เป็นอย่างที่คิด…ก่อนจะมองไปทางประมูลหมายเลข 69 รอดูการประมูลที่จะเกิดขึ้นแต่เขาเฝ้ารอแล้วรออีกแต่ประมูลหมายเลข 69 กลับไม่เสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียว
กายรู้สึกกังวลในใจเล็ก ๆ ก่อนจะรีบวิ เคราะห์สิ่งที่ประมูลหมายเลข 69 ทําอยู่ในตอนนี้
เขากําลังทําอะไร…ไม่คิดจะประมูลแร่ หินดําหรือไงเดี๋ยวเราต้องการแร่หินดําผู้ประมูลหมายเลข 69 ตอบตกลงแต่หมอนั้นไม่ได้บอกจะเข้าร่วมการประมูลหรือก็คือผู้ประมูลหมายเลข 69 มีแร่หิ นดําอยู่ในมือในการครอบครองแล้ว
เมื่อได้คําตอบ กายก็สงบใจลงเพราะมันเชื่อว่าผู้ประมูลหมายเลข 69 จะ ไม่ยอมพลาดโอกาศในการได้หินลูกบาศก์อย่างแน่นอน
จนกระทั่งการเคาะครั้งสุดท้ายมาถึงผู้ประมูลหมายเลข 69 ก็ไม่คิดจะยกมือแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งคนที่ได้ไปในครั้งนี้ผู้ประมูลหมายเลข 155 ได้ไปครองแม้ผู้ประมูลคนนั้นจะพลาดหินลูกบาศก์ไปแต่ก็ ยังรวบรวมได้สองอย่างกายคิดว่าผู้ประมูลหมายเลข 155 คงจะหาทางได้หินลูกบาศก์มาทีหลัง
กายเลิกสนใจคนที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก่อนที่จะรอเวลาที่จะออกไปจากที่ห้อง โถงประมูล
ช่างน่าเสียดายเพราะกําลังจะหมดเวลาในเกม…
กายมองดูเวลาในหน้าจอสถานะที่กําลังหมดลงก่อนจะออกจากโลกราชันไปตอนเที่ยงคืนพอดิบพอดี
“ล็อกเอา”
“ลิงก์เกม”
“ล็อกอิน
วันที่ 9 เดือน 2 ปีดาราที่ 997 เวลา 00.01 น.
กายลืมตาตื่นขึ้นมาที่ห้องโถงประมูลอีกครั้งหลังจากกลับมาในโลกราชันตอนที่ออกไปในโลกความจริงกายได้อัปเดตข่าวมากมายที่เกิดขึ้นในโลกราชันมีทั้งผู้ที่ได้ศิลปะการต่อสู้ มีทั้งเรื่อ งการต่อสู้ค้าขายและอาชีพที่ทําเงินใน โลกราชันรวมทั้งมีผู้เล่นจํานวนมากต่างพากันเข้าร่วมกองกําลังของโลกราชันหรือไม่ก็พวกก่อตั้งกิลด์ขึ้นมา
แต่เขาโยนเรื่องนี้ไว้ก่อนและหันมาสนใจเรื่องของตนเอง
กายเดินออกจากห้องโถงประมูลและ วนไปยังจุดหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่แจ้งการจัดส่งสินค้าเขาส่งป้ายที่คนนําทางเคยให้ไว้ก่อนจะออกไปตามทางที่เคยเข้ามา
ขณะนั้นเอง กายก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกําลังจับจ้องเขาอยู่
ใครกัน!…ผู้ประมูลหมายเลข 69 อย่างนั้นเหรอกายมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็น ผู้ประมูลหมายเลข 69 ที่มองในตอนนั้นเองความรู้สึกที่ถูกจับจ้องก็หายไปอย่างรวดเร็ว
กายรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงเดินปะปนเข้าไปในฝูงผู้ชุมนุมและออกไปปราสาหลังนี้อย่างรวดเร็วเพื่อขึ้นรถม้ากลับ
หลังจากกายหายไปในกลุ่มคน อัลก็เดินออกมาและทําสีหน้าคุ้นคิดไม่ตกก่อนจะเดินออกจากปราสาทไปเช่นกัน
เวลาเที่ยงคืนกว่าในที่สุดรถม้าของทางร้านตัวตุ่นก็มาถึงนครดาราฟ้าก่อนจะขับไปด้านในประตูอย่างไม่ยากเย็นด้วยฝีมือของคนนําทาง
ตามปกติแล้ว หลังจากตกเย็นการผ่านเข้าออกประตูนครนั้นต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวดและไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ
ในครั้งที่กายออกมาฝึกที่ลานต้นโอ๊คเขายังต้องใช้ตัวตนของนักเรียนแห่งสถาบันศาสตร์นักรบในการผ่านเข้าออกประตูหลังจากดวงตะวันลับขอบฟ้า
คนนําทางก็ไม่ได้บังคับว่าพวกเขาต้องกลับไปที่ร้านตัวตุ่นโลหะกายจึงเลือกลงยังซอยหนึ่งในนครดาราฟ้าและหาย ไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว
เขากลับเข้ามาในร้านไร้ขอบเขตตรวจสอบทุกอย่างภายในร้านจนแน่ใจว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร
วันนี้กายทดลองให้ทั้งนาธานและมิล่าเปิดร้านไร้ขอบเขตโดยไม่เขาคอยเฝ้าอู่ในร้านหลังจากตรวจสอบเหรียญทองที่ซ่อนอยู่ในกล่องไม้ดูกายก็พยักหน้าอย่างพอใจเพราะจํานวนเหรียญทองที่ ขายได้นั้นเทียบเท่ากับของที่ขายไปไม่ขาดไม่เกิน
แต่ในโรงตีเหล็กนั้นดูเหมือนจะมีร่องรอยการใช้งานอยู่
กายหยิบมีดทําครัวทั้งสองเล่มที่ทั้งหยาบและไม่สมมาตรขึ้นมาดูก่อนจะยิ้ม
ออกมา
แม้มันจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะมากกว่าปกติถึง 3 เปอร์เซ็นต์เป็นมีดทําครัวที่ชาวบ้านทั่วไปใช้กันได้อย่างไม่มีปัญหา
กายไม่ได้สนวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ ทั้งสองใช้ไปเขายินดีที่ทั้งนาธานและมิล่าหาเวลามาลองฝึกฝนสิ่งที่เรียนรู้มาจากเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมากายสอนให้ทั้งสองเรียนรู้การกําจัดสิ่งสกปรกออกจากเนื้อโลหะก่อนเป็นอันดับแรก
ทั้งสองจึงเน้นไปที่เรื่องการทําให้โลหะบริสุทธิ์และไม่สนใจในเรื่องของรูปร่างและสมมาตรของตัวมีด
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธฟาดฟันขั้น 2” หนึ่งในมีดที่อยู่ในมือของกายฟันเข้าไปที่กล่องไม้จนมันขาดครึ่งอ่างไม่ยากเย็น
“ของนาธานแม้จะเนื้อโลหะของมีดจะบริสุทธิ์ขึ้นแต่กับเปราะแตกหักง่ายกว่าเดิม”กายมองมีดที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในมือก่อนจะลองทดสอบแบบเดียวกับมีดของมิล่า
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธฟาดฟัน ขั้น 2”
“ฝีมือของมิล่านั้นกลับดีกว่าของนาธานอยู่กึ่งหนึ่ง”กายมองมีดที่หักเสียหาย ในมือก่อนจะโยนพวกมันไปในกองเศษเหล็กและกลับไปที่ชั้นสอง
กายไม่ได้นอน เขาหยิบหนังสือบันทึกช่างโลหะออกมาและลงมืออ่านพิมพ์เขียวที่มีอยู่ในหนังสืออยู่หลายชั่วโมงจนในที่สุดกายก็ปิดหนังสือบันทึกช่างโลหะก่อนจะหลับตานวดขมับและบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยก่อนจะเงยหน้ามองไปที่บันทึกช่างโลหะด้วยความเงียบขรึมอีกครั้งยกมือทั้งสองขึ้นเท้าคางเริ่มครุ่นคิด
“เป็นอย่างที่คิด ถ้าเราไม่อ่านก็คงไม่รู้ว่ากว่าร้อยละ 50 ในพิมพ์เขียวของอาวุธระดับต่ํากว่า 6 ทั้งหมดในบันทึกช่างโลหะกลับใช้แร่หินดําหินลูกบาศก์ เป็นส่วนผสมและโลหะสั่นพ้องในการสร้างค้อนสั่นสะเทือนที่มีพิมพ์เขียวในกา รยกระดับตัวค้อนสันสะเทือนระดับ 6 ได้ อีกด้วยมีใครกําลังหาหนังสือเล่มนี้หรี ออะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับมันอยู่แต่ทําไมก่อนหน้านั้นเราถึงไม่เห็น พิมพ์เขียวในหน้านี้มาก่อน”
กายจับจ้องไปที่บันทึกช่างโลหะอย่างนานแต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนในที่สุดกายก็ทําบางอย่าง
“เฮ้…หนังสือเจ้าพูดได้ไหม”
ไม่มีการตอบสนองอะไรทั้งนั้นกายยิ้มอย่างโง่เงากับการกระทําของตัวเอง
หนังสือมันจะไปมีชีวิตได้อย่างไร…แม้ในเกมก็เถอะ ไม่สิ!มันมีสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณอยู่กายหยิบหนังสือขึ้นมาพิ จารณาอย่างใจเย็น
“แม้ตอนนี้ข้าไม่อาจจะค้นหาความลับของมันได้แต่ว่ายังไงมันก็ยังมีเวลาอีกเยอะตอนนี้ข้าต้องกลับมาสนใจเรื่อง ค้อนสั่นสะเทือนและของที่ต้องไปให้กับผู้ประมูลหมายเลข 69 ก่อน”
04.00 น.
เสียงเคาะประตูร้านกายดังขึ้นอีกครั้งกายดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนและตรงมาที่หน้าประตูร้านในทันทีที่หน้าร้านไม่มีใครแต่มีกล่องไม้วางอยู่สองกล่อง
พวกนั้นส่งของกันไว้ดีนี่…
ไม่รอช้ากายรีบยกพวกมันทั้งสองเข้ามาด้านในและเปิดดูในทันที กล่องแรกเป็นแท่งโลหะสั่นพ้องที่หนัก 100 กิโลกรัมส่วนอีกชิ้นนั้นคือกล่องที่บรรจุหินลูกบาศก์
กายถือหินลูกบาศก์ที่ขนาดเท่าศีรษะซึ่งรูปร่างของมันนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่สมมาตรแทบจะทุกด้านซึ่งรูปร่างของมันนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่ได้ผ่านการหลอมหรือทํา อะไรมาก่อน
กายรู้ในเรื่องวัตถุชิ้นนี้เป็นอย่างดี
กายหยิบค้อนประจําตัวที่ได้มาตั้งแต่บ้านบนหุบเขาเหล็กเย็นขึ้นมา ก่อนจะทุบไปที่หินลูกบาศก์ด้วยความแม่นยํา
ตึบ! ตึบ! ตีบ!
กายทุบไปที่หินลูกบาศก์ถึงสามครั้งเสียงของมันนั้นหนาแน่นเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเขาก็ทุบไปที่หินลูกบาศก์ดังตึบ! เป็นครั้งที่สี่ หินลูกบาศก์ในมือก็แยกออกเป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมสี่ชิ้น
ขนาดของทั้งสี่ชิ้นนั้นเท่ากันจนเหมือนมันเหมือนกับหล่อออกมาจากพิมพ์เดียวกันกายวางสามชิ้นกลับไปที่เดิมก่อนจะหยิบเศษผ้ามาห่อหินลูกบาศก์อีกชิ้นที่แบ่งออกมา
กายปิดประตูร้านและเดินออกไปท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ําคืนคนเดียวความเร็วของกายนั้นไม่นับว่าเร็วแต่ก็ไม่ ช้าเช่นกันกําลังมุ่งหน้ามาทางเขตนอกของนครทางทิศเหนือ อยู่ไม่ใกล้และไม่ไกลเกินกว่าสถาบันศาสตร์นักรบ และมันยังมีหลายสถานที่ซึ่งเงียบสงบเหมาะแก่การนัดพบแบบลับ ๆเป็นอย่างมาก
กานเดินมาถึงซอยมืด ๆ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเงาคนผู้หนึ่งเดินออกมาขวางทางเขาไว้พอดี
“ผู้ประมูลหมายเลข 69”
“ผู้ประมูลหมายเลข 777”