เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 250 จุดสูงสุดของชีวิต นายท่านคุ้มหัว

“ใช่ ทุกคนอดทนให้มากหน่อย” คนที่เพิ่งขอให้เมสันพาตัวเองไปประจบประแจงฉินหร่านรีบเอ่ยขึ้นมาทันที  

 

 

คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้าไปตามๆ กัน  

 

 

เมสันรับไม่ได้กับความหน้าซื่อใจคดของคนเหล่านี้ พูดไปตรงๆ ว่า “งั้นก็มีแค่ฉันที่ติดตามคุณฉิน”  

 

 

“นายยังบอกอยู่เลยว่านายจะไม่ประจบ?”  

 

 

“เมสัน นายทำเกินไปแล้ว!”  

 

 

“เมสัน นายคอยติดตามคุณฉินให้ดี ส่วนเรื่องยุ่งยากพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ!” อีกคนพูดในขณะที่เอามือกุมหัวใจ  

 

 

“ฉันว่าฉันคงฝืนใจที่จะทำ….”  

 

 

“……”  

 

 

ฮอลล์เป็นนายพลที่ประจำการอยู่ลานจอดเครื่องบิน กลุ่มของเมสันเป็นกลุ่มที่มีความสามารถไม่เลว ทั้งยังมีมันสมอง  

 

 

ฮอลล์เป็นคนหัวดื้อ ทันทีที่ได้ยินคนเหล่านี้คุยกัน เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนแรกยังคิดว่าพวกเขาเหลืออดกับคุณฉินเสียเหลือเกิน ดังนั้นเขาจึงพูดประโยคก่อนหน้านี้  

 

 

แต่พอได้ยินเช่นนี้ เขาก็เข้าใจในที่สุด  

 

 

พวกนายอยากติดตามคุณฉินมากก็พูดมาตรงๆ จะยึกยักอะไรกันนักหนา ? !  

 

 

แต่ละคนเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทหรือไง ? !  

 

 

“เอาละ เป็นเมสันแล้วกัน” ฮอลล์ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง เขาไม่มีเวลามาอ้อมค้อมกับพวกเขา จึงเลือกเมสันโดยตรง “ให้นายเป็นคนรับผิดชอบคุณฉินตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่อยู่ที่นี่ แล้วไปเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีมาสักสองคน”  

 

 

ฮอลล์พูดเสร็จก็เดินไปหาเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านที่ห้องอาหาร  

 

 

เมสันปลายตามองคนที่เหลือ จากนั้นก็ปัดแขนเสื้อตัวเอง “ทุกท่าน ยอมแพ้ซะเถอะ”  

 

 

คนอื่นๆ “…”  

 

 

ตอนที่ฉินหร่านกลับมากับคนกลุ่มนั้นครั้งล่าสุด ก็มีข่าวลือเรื่องเนื้อย่างแพร่กระจายไปทั่ว  

 

 

โดยเฉพาะเฉิงสุ่ย…  

 

 

แม้เขาจะไม่ได้ตามมาด้วย แต่ก็ส่งวิดีโอที่เฉิงมู่ดวลกับหัวหน้าตู้มาให้คนเหล่านี้  

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าการได้ติดตามฉินหร่าน ไม่ว่าจากทางไหน ล้วนแต่ได้ดีกันทั้งนั้น…  

 

 

เปลือกนอกทำเป็นระแวดระวัง แต่ใครจะรู้ว่าเมสันตรวจสอบมาแล้ว…  

 

 

**  

 

 

ในเวลาเดียวกัน คฤหาสน์รัฐM  

 

 

พอเฉิงสุ่ยยุ่งกับงานตัวเองเสร็จก็ให้คนไปตามซือลี่หมิง  

 

 

“คุณเฉิงสุ่ย” เนื่องจากการประเมินสิ้นปีครั้งล่าสุด ซือลี่หมิงได้เลื่อนขั้นเข้าหน่วยยุติธรรมได้สำเร็จ และนำทีมร่วมกับผู้กองลั่ว  

 

 

ขณะนี้เขาสวมชุดหัวหน้าทีมพร้อมกับถือเครื่องมือสื่อสารที่ใครๆ ต่างอิจฉาที่เคยตกอยู่ในมือเฉิงมู่มาตลอด  

 

 

เมื่อเฉิงสุ่ยเห็นเขามาแล้วก็วางปากกาลง หรี่ตาเล็กน้อย “ซือลี่หมิง นายน่าจะรู้นะว่าวันนี้คุณฉินไม่ได้อยู่คฤหาสน์”  

 

 

“ผมรู้ครับ คุณฉินไปส่งคุณกู้” ซือลี่หมิงก้มหน้าเล็กน้อยและตอบด้วยความเคารพ  

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉิงสุ่ยก็ส่ายหน้า “มีเรื่องนิดหน่อย คุณฉินจะพักอยู่ที่ลานจอดเครื่องบินอีกไม่กี่เดือนก็กลับประเทศแล้ว”  

 

 

ซือลี่หมิงชะงัก  

 

 

“นายเป็นคนที่ติดตามคุณฉินตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา” เฉิงสุ่ยเงียบสักพักก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้านายเต็มใจ ฉันจะลบร่องรอยนายที่คฤหาสน์ แล้วนับแต่นี้เป็นต้นไป นายก็ติดตามคุณฉิน นายเต็ม…”  

 

 

“คุณเฉิงสุ่ย ผมเต็มใจแน่นอนครับ!” ก่อนที่เฉิงสุ่ยจะพูดจบ ซือลี่หมิงก็พูดด้วยความตื่นเต้นโดยไม่ต้องคิด  

 

 

การติดตามฉินหร่านก็เหมือนกับการติดตามเฉิงเจวี้ยน ที่สำคัญก็คือยังมีคุณฉินคอยคุ้มหัวเขา!  

 

 

นอกจากเฉิงมู่แล้ว แม้แต่เฉิงสุ่ยก็ไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดในคฤหาสน์ได้!  

 

 

เฉิงสุ่ย “…” เขานึกอยากจะเก็บคำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้กลับมา  

 

 

ซือลี่หมิงรออยู่นานก็เงยหน้าด้วยความระแวง ก่อนที่เฉิงสุ่ยจะพูดประโยคถัดไป เขาก็ถามขึ้นมาว่า“คุณเฉิงสุ่ย ผม…ผมยังได้ทำไหม?”  

 

 

เฉิงสุ่ยโยนแฟ้มตัวเองให้เขาด้วยหน้าตาเฉยชา และเป็นครั้งแรกที่ระเบิดคำหยาบ “ไสหัวไป”  

 

 

**  

 

 

ห้องพักฉินหร่านที่อาคารใหญ่เป็นห้องแรกที่อยู่ด้านในสุดของทางเดิน ห้องพักรับรองห้องที่สองเป็นของเฉิงเจวี้ยน  

 

 

เฉิงมู่พักอยู่ในห้องที่สามในขณะนี้  

 

 

วันรุ่งขึ้น  

 

 

เช้าตรู่ เฉิงมู่มารออยู่ที่หน้าประตูห้องฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านก็ออกมาพอดี เธอหาวไปด้วยพร้อมกับถือกระถางดอกไม้ยื่นให้เฉิงมู่  

 

 

เฉิงมู่รับมาอุ้มไว้  

 

 

ผ่านไปเดือนกว่า ดอกไม้ก็โรยราไปตั้งนานแล้วและยังไม่มีเมล็ด หลายวันมานี้ใบไม้ดูเหมือนจะเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย  

 

 

เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้ไปที่เรือนกระจกบนชั้นสี่ ด้านนอกเรือนกระจกมีชั้นกระจกที่เปลี่ยนสีตามแสงอาทิตย์ ตอนนี้เป็นฤดูหนาวเดือนสิบสอง กระจกจึงเป็นสีโปร่งใส  

 

 

เขาวางดอกไม้ไว้บนหิ้งแล้วถ่ายรูปส่งให้หลินซือหราน ถามเธอว่าต้องทำยังไง  

 

 

เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม ถ้าหลินซือหรานไม่เล่นเกมกับพวกเฉียวเซิงและฉินหร่าน เธอก็คงเล่นเกมอย่างอื่น  

 

 

เวลานี้เธอยังไม่ตื่น แน่นอนว่าไม่ตอบกลับ  

 

 

เฉิงมู่รออยู่นานแล้วก็ไม่รอข้อความตอบกลับอีก เขาหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าเป้เพื่อดูแลกระถางดอกไม้ตามกิจวัตรก่อนจะออกไปพบพวกฉินหร่าน  

 

 

แผนกไอทีที่ชั้นล่าง เมสันกำลังตัดสินใจเลือกคนอยู่  

 

 

แผนกไอทีมีคนเก่งอยู่หลายคน เมื่อคืนเมสันคิดมาทั้งคืนและตัดสินใจเลือกมาสองคน  

 

 

ฮอลล์ยืนอยู่ข้างเมสันด้วยความอดทน เขาได้ยินเมสันพูดถึงเจ้าหน้าที่สองคนนั้น “สองคนนั่น นายแน่ใจนะว่าได้?”  

 

 

“เจ้าหน้าที่ไอทีสองคนนี้มีทักษะด้านไอทีเจ๋งที่สุดในแผนกไอที ” เมสันตอบด้วยความเคารพ “คุณฉินใช้งานได้”  

 

 

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉินหร่านถูกล่วงเกิน ฮอลล์จึงแจ้งทุกคนว่าฉินหร่านจะพักอยู่ที่นี่อีกสามถึงสี่เดือน  

 

 

เมื่อได้ยินที่เมสันตอบ ฮอลล์ก็พยักหน้า “เราขึ้นไปข้างบนเถอะ นายท่านกับคุณฉินรอเราที่ห้องอาหาร”  

 

 

เด็กหนุ่มที่เป็นเจ้าหน้าที่ไอทีเดินตามเมสันพร้อมกับมองหน้ากัน  

 

 

เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระซิบถามเมสัน “หัวหน้าแผนก พวกเรายังทำโปรแกรมภายในอาคารไม่เสร็จเลย โปรแกรมบนชั้นสี่ก็โดนถอนไปแล้ว ให้พวกเราขึ้นไปบนชั้นสี่ทำไม?”  

 

 

มีผู้บริหารระดับสูงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องที่ฉินหร่านทำงานไอทีอยู่ชั้นสี่  

 

 

เมสันลดเสียงอธิบายให้พวกเขาฟังไปแล้วรอบหนึ่ง  

 

 

“คุณฉินจะทำงานไอที?” เด็กหนุ่มคนที่สองส่ายหน้า “แต่ก็ไม่ควรเรียกคนมาเยอะแบบนี้? คุณเรียกเราสองคนไปยังไม่พอ…พอถึงตอนนั้นจะให้เราไปทำอะไรอีก?”  คนหนึ่งทีมจะต้องมีอย่างน้อยสิบคนขึ้นไป…  

 

 

คำพูดของเมสันไม่ได้โน้มน้าวใจเลยจริงๆ   

 

 

“พอถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะต้องได้สอนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคุณฉิน…” เมสันกำชับอย่างระมัดระวัง  

 

 

กลุ่มคนสี่คนขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ฮอลล์กดลิฟต์ไปยังชั้นสี่  

 

 

ชั้นสี่มีลิฟต์แยก จึงขึ้นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการหยุดระหว่างทาง   

 

 

ฮอลล์ออกจากลิฟต์ก่อน จากนั้นเมสันกับเด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินตามติดๆ “เดี๋ยวจะเข้าไปพบนายท่านกับคุณฉินแล้ว พวกนายสองคนก็ระวังตัวหน่อยล่ะ”  

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสองพยักหน้าแรงๆ เพื่อบอกว่าตัวเองจะทำตัวดีๆ  

 

 

**  

 

 

ในห้องอาหาร เฉิงมู่ก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ขณะกัดขนมปังก็ดูโทรศัพท์ไปด้วย หลินซือหรานยังไม่ตอบ  

 

 

ฉินหร่านกินใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอเอนหลังพิงเก้าอี้ กัดหลอดดูดดื่มนม  

 

 

เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่ข้างๆ กำลังพูดคุยกับเธอด้วยท่าทางจริงจัง  

 

 

ฮอลล์และเมสันหยุดห่างจากโต๊ะอาหารไปห้าก้าวและก้มศีรษะด้วยความเคารพ “นายท่าน คุณฉิน เมสันกับเจ้าหน้าที่ไอทีมาแล้วครับ”  

 

 

เมื่อวานเจอเมสันแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ไอทีที่ยังไม่เคยเจอ  

 

 

ทั้งสองแนะนำตัว  

 

 

เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองทั้งสอง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปถามฉินหร่าน “สองคนนี้ได้ไหม?”  

 

 

ซือลี่หมิงจะมาถึงวันนี้ แต่เขากับเฉิงมู่ทำเรื่องพวกนี้ไม่เป็น  

 

 

ดังนั้นเฉิงเจวี้ยนจึงคิดจะหาเจ้าหน้าที่มืออาชีพมาให้เธอสองคน  

 

 

ฉินหร่านวางนมลง วางนิ้วบนคางแล้วเหลือบมองทั้งสอง จากนั้นพยักหน้า “พอแล้ว”  

 

 

เมื่อได้ยินฉินหร่านตอบรับ เมสันก็เบาใจได้ในที่สุด “คุณฉินครับ คุณว่าคอมพิวเตอร์บนชั้นสี่ใช้ได้หรือยังครับ?”  

 

 

ฉินหร่านส่ายหน้า “ไดรฟ์ไม่พอ ความเร็วในการประมวลผลก็ยังไม่ถึงมาตรฐานที่กำหนด”  

 

 

อันที่จริงคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันภายในอาคารก็เป็นคอมพิวเตอร์ชั้นนำระดับโลกอยู่แล้ว ทุกวันจะมีการประมวลผลข้อมูลมากมายมหาศาล  

 

 

เจ้าหน้าที่หนุ่มทั้งสองเหลือบมอง เริ่มกังวลว่าคุณฉินรู้เรื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่กันแน่  

 

 

ถ้านี่ยังไม่ถึงมาตรฐานที่เธอกำหนด ยังจะมีคอมพิวเตอร์อะไรที่เข้าตาเธอ?  

 

 

เมสันกล่าวอย่างทันท่วงที “คุณฉิน มีคอมพิวเตอร์S5อยู่ที่สำนักงานชั้นล่าง เราเตรียมไว้ให้เมื่อคืน ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถย้ายมาได้ทุกเมื่อ”  

 

 

ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์S5มีขนาดใหญ่มาก ความเร็วในการประมวลผลถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในรุ่นปัจจุบัน  

 

 

ฉินหร่านส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก”  

 

 

เมสันผงะ “งั้นจะทำยังไงดีครับ?” คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นก็ไม่ตรงตามมาตรฐานที่ฉินหร่านกำหนด  

 

 

ขณะที่เธอพูด โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอยืนขึ้นรับสาย “ฉันเอง พวกคุณถึงแล้วเหรอ? ได้ ฉันจะลงไปข้างล่าง”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนใช้มือยันโต๊ะยืนขึ้น มองไปทางฉินหร่าน “ถึงแล้ว?”  

 

 

“อืม” ฉินหร่านเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมและสวมให้ตัวเอง  

 

 

เฉิงเจวี้ยนรอเธอสวมเสร็จก็เดินไปที่ประตูลิฟต์ “ไปข้างล่างเถอะ”  

 

 

เฉิงมู่รีบหยิบขนมปังเดินตามพวกเขาไปในทันที  

 

 

ฮอลล์กับเมสันและเจ้าหน้าที่หนุ่มทั้งสองยังไม่คุ้นชินกับความรวดเร็วและเฉียบขาดของคนเหล่านี้ พวกเขาสบตากันแล้วตามลงไปข้างล่าง  

 

 

ห้านาทีต่อมา พวกเขาก็ตามฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนมาถึงที่หน้าประตูใหญ่ลานจอดเครื่องบิน  

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสองสงสัยจึงอดกระซิบถามไม่ได้ “หัวหน้าแผนก นายท่านกับคุณฉินพวกเขากำลังทำอะไร?”  

 

 

หลังจากที่เด็กหนุ่มพูดจบ รถบรรทุกขนาดเล็กก็จอดอยู่ตรงหน้าพวกเขา  

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
Status: Ongoing
ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset