“บันทึกการเติบโตในวันเกิด?” ฉินหร่านหยิบตะเกียบขึ้นมา ทำสายตาครุ่นคิด “ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้”
เฉิงเจวี้ยนหลบตา ขนตาชี้ลง คิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้ามองฉินหร่าน ด้วยท่าทีไม่มีเหตุผล “ก็ฉันรู้”
ฉินหร่าน “…”
ได้
“เฉิงมู่ ของของฉันอยู่ไหน” ฉินหร่านไม่มองเขา เพียงหันสายตาไปหาเฉิงมู่
ตอนฉินหร่านเพิ่งลงมา เฉิงมู่เองก็เพิ่งขึ้นไปด้านบนนำกระถางดอกไม้ของฉินหร่านย้ายลงมาดูแล ดอกไม้กระถางนี้บอบบางเป็นพิเศษ เพียงแค่อุปกรณ์ดูแลก็ปาไปเป็นชุด
ได้ยินคำพูดของฉินหร่าน เขานำกระถางดอกไม้ย้ายไปทางหน้าต่างก่อนตอบว่า “ที่ห้องเก็บของด้านล่าง”
ฉินหร่านมีกระเป๋าเดินทางแสนรักใบหนึ่ง ดูซับซ้อนยิ่งนัก กระเป๋าเดินทางใบนี้เธอนำมาตั้งแต่ตอนที่มาจากโรงเรียนมัธยมเหิงชวน เฉิงมู่เคยถามเธอว่าคืออะไร เธอเพียงบอกว่าของล้ำค่า ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก
เฉิงมู่จึงเก็บรักษาของล้ำค่าเธอไว้อย่างดี และวางไว้ที่ฐานลับด้านล่างของเขา เขาเคยสังเกตดูกระเป๋าเดินทางของฉินหร่าน แต่ก็ไม่พบอะไร บอกว่าเป็น ‘ของล้ำค่า’ แต่ทำไมเธอกลับไม่ใส่ใจปล่อยให้เขาดูแล…
ขนาดมาถึงเมืองหลวงได้สองเดือนแล้วยังไม่สนใจ เพิ่งมานึกถึงเอาตอนนี้…
เฉิงเจวี้ยนเหลือบตาขึ้นช้าๆ มองฉินหร่าน ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “รีบกิน กินเสร็จไปด้านล่าง”
ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินหร่านกินข้าวเสร็จจึงลงมาด้านล่างกับเฉิงมู่
เฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ก้าวตามอยู่ด้านหลัง ตามเธอไปอย่างไม่เร่งรีบ
“ทำไมจู่ๆ คุณถึงอย่างดูบันทึกวันเกิด” ฉินหร่านเดินลงบันได หันข้างเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาฟังชัด
“ก็อยากรู้” เฉิงเจวี้ยนยิ้มขำพูดเสียงต่ำ
เขาเอามือล้วงกระเป๋า เดินตามหลังเธออย่างไม่ใส่ใจ ก้มหัวลงเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อยากรู้ชีวิตของเธอตอนก่อนหน้านี้”
“อา” ฉินหร่านพูดอย่างสงบท่าทีแล้วหลบสายตาลง น้ำเสียงเกียจคร้าน “ก็เป็นชีวิตแบบที่ทะเลาะกับคนอื่น โดดเรียน และเล่นเกม”
“งั้นเหรอ” เฉิงเจวี้ยนยืดตัวขึ้น เลิกคิ้ว “ดูเหมือนที่โรงเรียนนักเรียนฉินจะสุดยอดไม่เบา”
ด้านล่าง ไม่กี่ก้าว เดินไม่ถึงสองนาทีก็ถึงแล้ว
เฉิงมู่หยิบกุญแจเปิดประตู
เฉิงเจวี้ยนอยู่หลังฉินหร่านไปหนึ่งก้าว มองตามหลังเธอ แล้วกลั้นรอยยิ้มที่มุมปากไว้
เมื่อคืนวานอาจารย์เว่ยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว
ทำให้จู่ๆ เฉิงเจวี้ยนก็นึกขึ้นมาได้ว่า เฉินซูหลานเคยบอกกับเขาเกี่ยวกับบันทึกวันเกิด ในตอนนั้นเฉินซูหลานพูดขึ้นมาลอยๆ ประมาณว่าในวันเกิดปีแรกของฉินหร่านดูมีชีวิตชีวามาก มีผู้คนมากมาย เธออารมณ์ไม่ดี แต่ในตอนนั้นขอให้เธอเล่นไวโอลินเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เฉิงเจวี้ยนจำได้ดี เขาจำได้หมด ทั้งสีหน้าท่าทางและประโยคคำพูดของเฉินซูหลานที่พูดกับเขาในตอนนั้น
ในตอนที่พูดถึงช่วงเวลานี้ ท่าทางของเธอแตกต่างออกไปเล็กน้อย
กระทั่งเมื่อวานหลังจากที่อาจารย์เว่ยพูดถึงฉินอวี่กับเขา เฉิงเจวี้ยนก็นึกได้ทันที
แม้ว่าจะอยากรู้ แต่เขาก็ไม่คิดให้เธอเผชิญหน้ากับอดีตเท่าไรนัก
เพียงแต่ในครั้งนี้…
เฉิงเจวี้ยนหลุบตาลง มองลงต่ำอย่างเยือกเย็น
เฉิงมู่เปิดประตูออก ฉินหร่านตามหลังเขาเข้าไป กวาดตามองไปทั่วห้อง ล้วนแต่เป็นของเล่นในตอนเด็กของเฉิงมู่ ไม่เห็นกระเป๋าเดินทางสีดำของเธอ มือของเธอไพล่หลัง “กระเป๋าเดินทางฉันล่ะ”
เฉิงมู่ตอบทันที “คุณฉิน คุณไม่ต้องห่วง”
พูดพลาง มือก็พลางขยับเปิดที่ช่องลับช่องหนึ่ง ตู้เซฟติดตั้งขนาดใหญ่ที่ปรากฏเด่นชัดมีกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ของฉินหร่าน เป็นกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่โตเป็นพิเศษ กระเป๋าเดินทางหนักมากไปสำหรับคนทั่วไป เฉิงมู่แบกมันลงมาอย่างไม่ออกแรงมากนัก วางลงตรงหน้าฉินหร่านอย่างระมัดระวัง
ฉินหร่าน “…”
เธอย่อตัวลง รูดซิปกระเป๋าเดินทางสีดำ
เฉิงเจวี้ยนเองก็ย่อตัวลงด้านข้างเธอ มองดูทั่วทั้งกระเป๋าอันล้ำค่าไปพร้อมเธอ
เฉิงมู่อยากรู้อยากเห็นของล้ำค่าของฉินหร่าน เขากระวีกระวาด ยกมือขึ้นถาม “ค..คุณหนูฉิน ฉันดูของล้ำค่าได้ไหม”
ฉินหร่านไม่ได้เงยหน้า ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ก็ไม่ได้อะไร มาดูสิ”
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้า กวาดตามองเฉิงมู่
ฉินหร่านเปิดกระเป๋าเดินทาง ข้าวของกระจัดกระจายข้างในมากมาย แต่เป็นการกระจัดกระจายที่ถูกจัดเรียง ไม่มีการลำดับหน้าหลัง ฉินหร่านใช้มือคุ้ยดูเล็กน้อย
ที่ปรากฏให้เห็นคือถ้วยรางวัลรูปทรงทรัมเป็ตสีทองอันหนึ่ง
ฉินหร่านส่งกลับไปให้เหยียนซีแล้ว แต่เหยียนซีปฏิเสธและตีมันกลับมาหาฉินหร่าน ฉินหร่านจึงนำมันใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง
ตรงมุมมีกล่องไม้ที่ทำขึ้นอย่างเรียบง่าย บนตัวกล่องยังมีตัวล็อกที่เกือบเป็นสนิม
และมีหนังสือบางส่วนกระจัดกระจาย…
…
ฉินหร่านที่อยู่ฝั่งนี้ไม่ได้หันมอง เพียงเดินไปอีกด้าน ในที่สุดก็หันไปหาของขวัญที่พานหมิงเย่ว์มอบให้เธอในงานเลี้ยงรับเป็นศิษย์
เธอหยิบมันออกมา เพชรสีชมพูที่กู้ซีฉือเคยมอบไว้ให้เธอกลิ้งหล่นจากกล่องใส่วิดีโอไปยังมุมของกระเป๋าเดินทาง
เฉิงมู่ที่กำลังมองดูเหตุการณ์ “…”
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งของอื่น เพียงแค่มีเพชรสีชมพูเม็ดนี้ ก็สมควรแล้วที่เขาจะเก็บไว้ในตู้นิรภัย
เฉิงมู่ย่อตัวลงที่มุมกระเป๋าเดินทางให้ห่างจากทั้งสองคนมากที่สุด ละสายตาจากเพชรสีชมพูมาที่วัตถุอย่างอื่น ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเพชรใหญ่กว่านี้ที่บ้านของกู้ซีฉือ แน่นอนว่าคือท่านหัวหน้าตู้ พวกเขาทำธุรกิจอย่างหนึ่งคือกระเป๋าเดินทางเพชร
เฉิงมู่ส่งสายตาไปทางหนังสือที่อยู่ฝั่งเพชรสีชมพู ดูหน้าปกแล้วเหมือนไม่ใช่หนังสือ…
เหมือนเป็นการ์ตูน
ยังไม่ได้เปิดผนึก แต่ดูเหมือนเวลาจะผ่านมานานแล้ว สิ่งนี้ทำให้เฉิงมู่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่อยู่อวิ๋นเฉิง ประโยคที่ลู่จ้าวอิ่งเคยบอกกับเขา ครั้งหนึ่งฉินหร่านเคยวาดรูปกระดานที่โรงเรียน ในตอนนั้นเธอคือผู้นำแนวหน้าอันดับหนึ่ง…
เฉิงเจวี้ยนนำเอาตอนอายุเก้าขวบถึงสิบเก้าปีมาดู ขาดไปหนึ่งปี มีภาพเพิ่มขึ้นมาเก้าแผ่น
ผ่านไปหนึ่งปี ฉินหร่านดูวิดีโอชุดนี้อีกครั้ง ในใจไม่ได้รู้สึกโหยหาดังเช่นปีที่แล้ว
แม่ของพานหมิงเย่ว์ชอบอัดวิดีโอ ในวันปีใหม่ของทุกปีหรือในวันเกิดของพานหมิงเย่ว์กับเธอ แม่ของพานหมิงเย่ว์มักจะอัดวิดีโอ ส่วนเว่ยจื่อหังและซ่งลี่ว์ถิง ทั้งสองคนยังเคยถามแม่ของพานหมิงเย่ว์ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับผู้ชายบ้างไหม เพราะพวกเขาไม่มี แม่ของพานหมิงเย่ว์พูดตอบกลับอย่างใจกว้าง…
ฉินหร่านหันศีรษะไปด้านหลังอย่างสุขุม ไม่อยากนึกถึงเรื่องเหล่านี้
เธอเก็บของเข้าที่ และปิดกระเป๋าลง แล้วให้เฉิงมู่นำเอากระเป๋าเดินทางไปไว้ที่ตู้นิรภัยอีกครั้ง
เฉิงเจวี้ยนหยิบเอาวิดีโอกลับไปดูที่ห้องของตัวเองอยู่คนเดียว
**
ในขณะเดียวกัน
ที่ชายแดน
ผู้ที่มีหนวดเคราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเฉิงหั่ว ตะเบ็งเสียงโกรธลั่น เลิกคิ้วขึ้น “เฉิงหั่ว สรุปว่นายทำได้หรือไม่ นี่ใกล้จะชั่วโมงหนึ่งแล้ว”
“โธ่เอ๊ย! ฉันทำได้แน่นอน!” เฉิงหั่วรีบกดแป้นพิมพ์ตาลีตาเหลือก จากนั้นบนแป้นพิมพ์ยังมีตัวอักษรที่ชัดเจนอีกสองตัว…
K O
ป่าเถื่อนชะมัด!
กวนประสาทเป็นบ้า!
“นายทำได้แล้วหรอ?” ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่หนึ่งบนใบหน้าของผู้มีเคราดูดีมาก เพียงแต่เวลานี้บนใบหน้ามีความเหยียดหยาม “ต่อไปล่ะ”
เฉิงหั่วกัดฟัน เขาคลายมือที่วางอยู่แป้นพิมพ์ออก เริ่มที่จะยอมรับ “อีกฝ่ายไม่ง่ายเลย…”
“จระเข้ยักษ์หาคนที่เก่งแบบไหนได้กัน เอาเถอะ คุณเป็นสิบอันดับแรกในทีมของแฮ็กเกอร์อิสระไม่ใช่เหรอ” ผู้มีเคราทำเหมือนไล่แมลงวัน อย่างขอไปทีสุดๆ “ไปให้พ้น ไม่ต้องการนายแล้ว!”
“นายคิดว่ากำลังล้อเล่นกับใครกัน” เฉิงหั่วบันดาลโทสะอย่างอดไม่ได้ “แม่ง นายเข้าใจอะไรบ้าง ระดับของคนนี้แทบจะไล่ตามหัวหน้าของพวกเราได้แล้ว ตอนนี้เหลือแต่ต้องพึ่งคุณหนู…”
ผู้มีเคราระงับอารมณ์ แต่น้ำเสียงยังคงน่ารังเกียจ “คุณหนูไหน นายคิดว่าเธอสนใจนายเหรอ”
“ทำไมจะไม่สนใจฉัน ความสัมพันธ์ของฉันกับเธอเป็นไปด้วยดี!” เฉิงหั่วดีดตัวขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกต่างประเทศ
ไม่มีการเชื่อมต่อ
ผู้มีเครายิ้มเยาะ
เฉิงหั่วหยุดลง เขากำโทรศัพท์แน่น “…คุณหนูน่าจะกำลังเล่นเกม นายรอก่อน!”
ลองโทรอีกครั้ง
ยังคงไม่มีการเชื่อมต่อ
ผู้มีเครากอดอก เลิกคิ้วขึ้นมองเฉิงหั่ว ส่งเสียง หึหึ อีกครั้ง
เฉิงหั่วกัดฟัน “…วันนี้คุณหนูน่าจะมีเรียน! นายรออีกนิด!”
ครั้งที่สาม ในที่สุดเฉิงหั่วก็โทรติด เขาเลิกคิ้วเหลือบมองผู้มีเครา จากนั้นพูดขึ้น น้ำเสียงเปลี่ยนทันที “คุณฉิน ช่วยด้วย!”
**
ตอนนี้ฉินหร่านเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
เสียงโทรศัพท์ดังข้างหู
เสียงของเฉิงหั่วค่อนข้างกระแทกและดังมาก ตอนได้ยินเสียงนี้ เธออดไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูไปสิบเซนติเมตร
“มีเรื่องอะไร” เธอปิดคอมพิวเตอร์ ถามอย่างใจเย็น
เฉิงหั่วรู้ว่าฉินหร่านไม่ได้มีความอดทนมากนัก จึงมองที่คอมพิวเตอร์ นำเรื่องราวของฝั่งนี้พูดโดยรวม “คุณฉิน มีแค่คุณที่ช่วยฉันได้แล้ว!”
คอมพิวเตอร์ของฉินหร่านเพิ่งปิด ได้ยินแล้วก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เธอยังอยู่ที่เดิม พิงโต๊ะคอมพิวเตอร์ “ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์คนนั้นเทียบเท่ากับหัวหน้าของพวกคุณ?”
“แน่นอน” เฉิงหั่วพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง พอคิดว่าฉินหร่านไม่ได้เห็นตัวเองเสียหน่อย จึงเปลี่ยนไปพูดอีกหลายประโยคแทน
ว่าด้วยเรื่องของการตัดสินหมวดหมู่ทักษะแฮ็กเกอร์ โดยทั่วไปเฉิงหั่วมั่นใจในตัวเองไม่มีผิด
ได้ยินเขาพูดถึงขนาดนี้ ฉินหร่านรู้สึกสนใจขึ้นมาหน่อย
เธอนำคอมพิวเตอร์ที่เก็บลงไปวางที่โต๊ะอีกครั้ง ดึงเก้าอี้นั่งลง น้ำเสียงไม่เร่งรีบ สงบนิ่งมาก “ส่งข้อมูลให้ฉัน”
เธอทั้งพูด พลางเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นใหม่
ทางฝั่งเฉิงหั่วลนลานเข้าสู่ระบบบัญชีของตัวเอง นำสิ่งที่ยุ่งเหยิงส่งให้ฉินหร่าน
ฉินหร่านเพิ่งได้รับบันทึกของเฉิงหั่ว เปิดและมองดูแล้วจึงเริ่มต้นหน้าต่างคำสั่ง