เสื้อผ้าในมือของหนิงฉิงร่วงลงพื้น
หลินหว่านสังเกตท่าทีของหนิงฉิง เธอยิ้มเล็กน้อย ดูสง่างาม “ฉันจะบอกอะไรคุณอย่างหนึ่ง ใส่ใจโทรศัพท์หาอวี่เอ๋อร์มากขึ้นหน่อย”
หนิงฉิงพยักหน้าส่งๆ จากนั้นร่างกายแข็งทื่อ แล้วจึงไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่หัวเตียง
เปิดดูเวยป๋อของฉินอวี่ ความคิดเห็นด้านล่างโดยพื้นฐานล้วนแต่ประณามฉินหร่าน สนับสนุนฉินอวี่ คำดูหมิ่นเหล่านั้นแทบดูไม่ได้
หนิงฉิงนั่งลงบนเตียงอย่างเสียสติ มือจับโทรศัพท์ ตะลึงงัน…
เธอไม่เหมือนคนอื่น ก่อนหน้านี้เฉินซูหลานเคยพูดถึงเรื่องของฉินหร่าน หลักๆ พูดถึงโน้ตเพลงของฉินหร่าน… ในตอนนั้นเธอตระหนักได้ถึงเหตุผลที่จู่ๆ ฉินอวี่ก็เปลี่ยนแนวไปมาก…
ในตอนนี้ ยังเกิดเรื่องลอกเลียนแบบแบบนี้อีก มองดูคำดูหมิ่นฉินหร่านที่เวยป๋อ หนิงฉิงทำอะไรไม่ถูก เธอรู้ถึงความจริง
เป็นแม่บังเกิดเกล้าของฉินอวี่ เธอเดาออกว่าถ้าหากเธอพูดเรื่องนี้ออกไป ฉินอวี่จะระเบิดอารมณ์ออกมาแบบไหน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือทฤษฎีใด…
หนิงฉิงนั่งอยู่บนเตียง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ปิดเวยป๋อ โทรศัพท์หาฉินอวี่ ปลอบเธออยู่พักหนึ่ง
ปล่อยให้ค้างคาอยู่บนเวยป๋อ
ถึงอย่างไรฉินอวี่ก็เติบโตอยู่เคียงข้างเธอ ระหว่างเธอกับฉินหร่าน หนิงฉิงจะเลือกใครนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
**
ในขณะเดียวกัน ที่สมาคมไวโอลิน สำนักงานของอาจารย์เว่ย
“นายน้อย คุณนั่งลงก่อน ฉันจะไปที่ห้องประชุมก่อน” อาจารย์เว่ยหยิบโทรศัพท์ ใบหน้าหดหู่
เฉิงเจวี้ยนเพิ่งมาถึง เขาพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรนำเอาวิดีโอและคอมพิวเตอร์วางไว้บนโต๊ะทำงาน พยักหน้าไปทางเฉิงจิน “คุณไปกับอาจารย์เว่ย”
เฉิงจินพยักหน้า
ทั้งสองคนออกไปแล้ว เฉิงเจวี้ยนจึงเปิดคอมพิวเตอร์ คัดลอกคลิปวิดีโอลง ใบหน้าด้านข้างโดนแสงแดดที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างตกกระทบร่างกายเขา เรียวคิ้วชัดเจน
วิดีโอที่เขาดูไปแล้ว แต่ละคลิปใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงเล็กน้อย และมีเสียงคนพูดคุยเป็นระยะๆ
เฉิงเจวี้ยนเลื่อนไปตรงจุดเวลาครึ่งชั่วโมง ตรงนั้นมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลานำไวโอลินยื่นให้ฉินหร่าน
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองชายผู้นั้น สังเกตว่าเว่ยจื่อหังเรียกเขาว่า ‘ซ่งลี่ว์ถิง’
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เปิดโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ตัดเอาฉากฉินหร่านเล่นไวโอลินออกมาต่างหาก
เขาเคยเรียนการถ่ายภาพ และการตัดต่อ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญการตัดต่อและการถ่ายภาพ ก็แค่เรียนรู้มา ตอนนี้จึงได้ใช้พอดี
ตัดต่อภาพ ฉินหร่านเมื่อตอนสี่ปีก่อนที่บ่งบอกว่าเธอเองก็เป็นต้นฉบับผลงานส่วนนั้นเช่นกัน
เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้วต่ำลง สวมหูฟัง หลังจากตัดต่อเสร็จ จึงแยกเอาวิดีโอคลิปฉินหร่านที่ตัดแยกออกมา ใส่ลงในโฟลเดอร์อีกอัน
ในคลิป ฉินหร่านยืนอยู่ตรงกลาง ขาข้างหนึ่งเหยียบเก้าอี้อย่างดื้อรั้น ไม่เหมือนตอนนี้ คิ้วยังดูอ่อนเยาว์ และผมก็ยังไม่ยาว ทั้งยังเป็นผมสั้นเท่าติ่งหู ผมสีดำปรกหน้าจรดหัวคิ้ว ดูแล้วเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวาและโดดเดี่ยว
**
ห้องประชุม
ที่สมาคมไวโอลิน กลุ่มคนระดับสูงรวมตัวกัน
ไต้หรานนั่งอยู่ที่นั่งหน้าสุด มองออกไปนอกประตู “อาจารย์เว่ยยังไม่มาเหรอ”
คนอื่นๆ ส่ายหัว
เรื่องในเวยป๋อยังคงค้างคา มีคนตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของสมาคมเมืองหลวง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่จัดการให้ดี จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของสมาคมไวโอลินเป็นอย่างมาก
ทางฝั่งฉินอวี่นำต้นฉบับออกมา รวมถึงวิดีโอเมื่อปีที่แล้ว เป็นหลักฐานยืนยันว่านี่เป็นความจริง
สมาคมไวโอลินยังต้องการก้าวไปข้างหน้า ชื่อเสียงถูกทำลายไม่ได้ ตอนนี้เป็นการเจรจาต่อรอง ก็เพื่อต้องการแยกความสัมพันธ์ของฉินหร่านออกจากสมาคมไวโอลิน
เพียงแต่ท่ามกลางเรื่องนี้ยังมีอาจารย์เว่ยที่สมาคมไวโอลินไม่สามารถเพิกเฉยเขาได้
ไต้หรานรออีกสักพัก ก็รอไม่ไหวอีกต่อไป จึงลุกขึ้น มองไปที่ผู้อำนวยการสมาคมไวโอลินและเหล่าอาจารย์ “พวกคุณก็เห็นในเวยป๋อแล้ว นักเรียนระดับสูงเกี่ยวข้องกับการลอกเลียนแบบ ถ้าไม่ขับไล่ออกจากสมาคมเมืองหลวง พวกคุณก็รู้ถึงผลที่ตามมา”
ตอนที่กลุ่มคนมองหน้ากัน อาจารย์เว่ยเข้ามาจากด้านนอก
พร้อมกับเฉิงจินที่มีท่าทางสงบนิ่งอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเขาดูเปล่งปลั่ง ในตระกูลเฉิงไม่มีใครสนใจในสมาคมไวโอลิน ในห้องประชุมไม่มีใครจำเขาได้ โดยทั่วไปไม่มีใครสนใจเขา
สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่อาจารย์เว่ย
สีหน้าของอาจารย์เว่ยค่อนข้างหนักใจ ที่ใต้เปลือกตามีสีดำอ่อนๆ น่าจะเป็นเพราะนอนไม่หลับตอนกลางคืน “ช้าก่อน เรื่องนี้ยังตรวจสอบไม่ชัดเจน”
“ยังตรวจสอบไม่ชัดเจนพออีกเหรอ” ไต้หรานไม่แม้แต่จะฟังคำพูดของอาจารย์เว่ย มือวางที่โต๊ะยืนขึ้น ดวงตาวาววาบ “อาจารย์เว่ย คุณปกป้องศิษย์ของคุณ ฉันก็ปกป้องศิษย์ของฉัน ลูกศิษย์ของฉันนำหลักฐานมา คุณก็นำหลักฐานมาได้ แน่นอน ถ้าคุณและศิษย์ของคุณส่งคำขอโทษลงในเวยป๋อซะตั้งแต่แรก และสละโควตาของทางรัฐ M เรื่องนี้ฉันจะให้อวี่เอ๋อร์ยกโทษให้ฉินหร่าน และทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น”
ไต้หรานยิ้มให้อาจารย์เว่ย อย่างมีมารยาทสุภาพ
อาจารย์เว่ยน้ำเสียงเบา เขามองดูคนของสำนักงาน “พวกคุณออกไปก่อน”
พูดจบ คนอื่นๆ ในสำนักงานต่างไม่กล้ามอง ลังเลอยู่สักพัก แล้วค่อยๆ ทยอยออกไปจากห้องประชุม
เฉิงจินเดินตรงมายังโต๊ะประชุม ลากเก้าอี้ลงนั่ง
ไม่ได้ออกไป
คนส่วนมากเดินออกไป อาจารย์เว่ยจึงหันศีรษะ น้ำเสียงเย็นชา “ไต้หราน ปีที่แล้วฉันเคยบอกว่าโน้ตเพลงของฉินอวี่เป็นของลอกเลียนแบบ นั่นเพราะก่อนหน้านี้นานมาแล้วเคยฟังเวอร์ชั่นดั้งเดิมของฉินหร่าน ในหนึ่งปีนี้ฉินอวี่เคยมีต้นฉบับอื่นในสมาคมไวโอลินไหม ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่รู้”
“อาจารย์เว่ย” ไต้หรานหรี่ตาลง เขาหยิบถ้วยชาบนโต๊ะประชุมขึ้นมา จิบหนึ่งอึก น้ำเสียงเปลี่ยนสงบลง แสร้งทำเป็นยิ้ม “ข้าวกินตามอำเภอใจได้ คำพูดพูดตามอำเภอใจไม่ได้ ตรงจุดนี้อาจารย์เว่ยน่าจะเข้าใจมากกว่าฉัน”
เห็นไต้หรานเป็นเช่นนี้ นิ้วของเฉิงจินชี้ไปที่โต๊ะ ในใจรับรู้ดีว่า สำหรับไต้หรานแล้วความจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ
เป็นไปได้ว่าตอนที่ไต้หรานโพสต์ลงในเวยป๋อ ก็รู้ดีแล้วว่าใครเป็นคนทำต้นฉบับเพลง
เพราะไต้หรานมองออกว่าเขาหาหลักฐานใดมาไม่ได้ ดังนั้นจึงกล้ากระทำอย่างไร้ยางอาย แม้กระทั่งต้องการที่จะควบคุมสมาคมไวโอลินอย่างสมบูรณ์ผ่านเรื่องในครั้งนี้
“คุณเป็นแบบนี้ เท่ากับทำลายอนาคตภายหลังของฉินหร่าน พลังและพรสวรรค์ของเธอ…” อาจารย์เว่ยยันมือที่โต๊ะ ดวงตาของเขาแข็งกร้าว
“เธอจะเป็นยังไง ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันบอกแล้ว แค่พวกคุณโพสต์ขอโทษลงเวยป๋อ และมอบตำแหน่งนักเรียนของสมาคมรัฐ M มา ทุกอย่างก็จะพูดได้ง่าย” ไต้หรานจิบชาอย่างใจเย็น ไม่เร่งรีบ
ในใจของอาจารย์เว่ยยิ่งหดหู่
“ถ้าหาก…” นิ้วของอาจารย์เว่ยจิกที่กำปั้น ทุบลงที่โต๊ะเบาๆ ยังต้องการที่จะพูด แต่ก็ถูกเฉิงจินที่นั่งอยู่อีกฝั่งขัดไว้
“อาจารย์เว่ย” ในที่สุดเฉิงจินที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะก็ลุกขึ้นเขาเหลือบมองไต้หราน จากนั้นจับที่แขนซ้ายของอาจารย์เว่ย “นายน้อยของตระกูลเรายังรอให้ท่านกลับไป”
อาจารย์เว่ยมองไต้หราน คำพูดหยุดลง เขาไม่อยากไป
เฉิงจินอยู่ที่ทางเดินรู้เรื่องวิดีโอวันเกิดอยู่แล้ว น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง “นายน้อยกำลังรอคุณ”
น้ำเสียงพลังอันแข็งแกร่งของเขา ลากดึงพาอาจารย์เว่ยเดินไป
ขัดขวางคำพูดต่อไปของอาจารย์เว่ย
หลังจากสองคนเดินไป คนหนึ่งที่อยู่นอกห้องประชุมเข้ามา เดินมาด้านข้างไต้หราน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาจารย์เว่ยไม่เห็นด้วย ในมือของเขามีหลักฐานหรือไม่”
“จะมีหลักฐานได้อย่างไร ถ้าเขามีหลักฐาน เมื่อคืนคงลงไปแล้ว ทำไมจะต้องปล่อยให้ชาวอินเทอร์เน็ตด่าว่าลูกศิษย์เขาจนถึงตอนนี้?” ดวงตาของไต้หรานเยาะเย้ย ทั้งสองคนฟาดฟันกันมาหลายปี ไต้หรานรับรู้ถึงนิสัยของอาจารย์เว่ยชัดเจน
คนด้านข้างวางใจเล็กน้อย จากนั้นถามขึ้น “ตอนนี้ต้องทำอย่างไร”
“ทำอย่างไร?” ไต้หรานเอาบุหรี่ออกมา พูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ “ในเมื่อเว่ยหลินยังเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ก็จะเรียกร้องต่อไป”
**
ที่สำนักงานของอาจารย์เว่ย
เฉิงเจวี้ยนเก็บคอมพิวเตอร์แล้ว ตอนอาจารย์เว่ยเข้ามา เขากำลังปิดคอมพิวเตอร์ มือขวาคีบบุหรี่ มือซ้ายถูไฟแช็กมีเปลวไฟสีน้ำเงินอ่อน
เขามองนอกหน้าต่าง ท่าทางเฉยเมย
“นายน้อยเฉิง คุณจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดดีกว่า” อาจารย์เว่ยเดินเข้ามา นั่งลงตรงข้ามเขา น้ำเสียงค่อนข้างหดหู่ ฟังดูน่าสลด
เฉิงเจวี้ยนหันหน้ากลับ มองทางเฉิงจิน ใช้มือสะบัดขี้เถ้าบุหรี่ ควันลอยฟุ้งรอบมือขาวเหมือนหยก “พวกเขาว่ายังไงบ้าง”
พวกเขาหมายถึงไต้หรานและคนอื่นๆ
เฉิงจินยื่นมือล้วงหยิบเอาเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากในกระเป๋าให้เฉิงเจวี้ยนก่อน จากนั้นจึงเล่าซ้ำอีกครั้งอย่างย่อๆ ใจความ
เฉิงเจวี้ยนรับเอาเครื่องบันทึกเสียง กดเล่นในมือ แล้วยิ้มบาง
อาจารย์เว่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีรอยยิ้มใดในดวงตาของเฉิงเจวี้ยน ทั้งเย็นชาและเยือกเย็น
ในตอนนี้ อาไห่ที่อยู่ด้านนอกสำนักงานเข้ามา ท่าทางตื่นตระหนก “นายท่าน ไต้หรานโพสต์ลงเวยป๋ออีกแล้ว”
อาจารย์เว่ยหยิบโทรศัพท์ออกมา ก้มหน้ามองเวยป๋อของตัวเอง เขาถูกไต้หราน @ กล่าวถึง ความหมายที่แสดงออกของไต้หรานชัดเจน เขารังเกียจที่จะคบหาคนแบบนี้ นำเอาความเป็นผู้มีทักษะระดับสูงแสดงออกมาอย่างเต็มที่
ผลั่ก เสียงโทรศัพท์อาจารย์เว่ยตก
เฉิงเจวี้ยนยิ้ม เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของอาจารย์เว่ย สแกนวีแชทของอาจารย์เว่ยด้วยตัวเอง และส่งคลิปหนึ่งให้เขา และหาหน้าเว็บเวยป๋อ สร้างโพสต์เวยป๋อ เสร็จแล้วกดส่ง
จากนั้นนำโทรศัพท์ส่งคืนให้อาจารย์เว่ย หลังเวยป๋อโพสต์ออกไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้นไม่หยุด
อาจารย์เว่ยมองเขาอย่างประหลาดใจ
เฉิงเจวี้ยนยืนขึ้น ปัดแขนเสื้อตัวเองไปมา ส่งสัญญาณให้เฉิงจินหยิบเอาคอมพิวเตอร์ แล้วจึงหันหน้ามองอาจารย์เว่ย ยังคงงับบุหรี่อยู่ พูดขึ้นช้าๆ “สองวันนี้ ต้องรบกวนอาจารย์เว่ยแล้ว”
เฉิงจินตามหลังเฉิงเจวี้ยน ทำความเคารพพวกเขาอย่างเงียบๆ
อาจารย์เว่ยตอบสนองกลับ ท่านนี้คือนายท่ายเจวี้ยนของเมืองหลวง ฉินหร่านไม่ได้นิ่งเฉยจริงๆ ตัวอาจารย์เว่ยเองก็ตรงไปตรงมาอยู่เสมอ ไต้หรานคิดว่าตัวเองมองทะลุทุกอย่าง ควบคุมได้ทุกอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่า สิ่งที่เฉิงเจวี้ยนชำนาญที่สุดคือการเล่นกับจิตใจของคน! กลุ่มคนตระกูลใหญ่ทั้งสี่ของเมืองหลวงต่างไม่มีใครต้องการเผชิญหน้ากับเขา