ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 112 รวบรวมข้อมูล

บทที่ 112 รวบรวมข้อมูล

ด้วยแผนที่ที่เว่ยหยวนตี้ส่งมอบมารวมเข้ากับแผนที่จากกำไลสื่อสารของเฉินเฉียง ในที่สุด ทั้งเก้าก็ใช้เวลาห้าวันอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุด พวกเขาก็ได้มาถึงที่หมาย

ถึงแม้ตึกจอมพลแห่งกันหนันและตึกจอมพลแห่งเป่ยเชินจะมีความต้องการที่จะรวมกองกำลังกันก็ตาม แต่เมื่อภารกิจนั้นล้มเหลวไปแล้ว ทำให้นักรบทั้งหลายต่างก็ถอยหนี และนี่ทำให้ในตอนนี้เหลือนักรบเพียงสามพันคนที่อยู่ที่นี่เพื่อป้องกันกองกำลังร่วมระหว่างสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลที่ยังคงถาโถมอยู่เพียงเท่านั้น

เบื้องหน้าของนายพลผู้คุมกองกำลังร่วมนี้ เมื่อหลิวเซียงได้อ่านจะหมายแนะนำของเว่ยหยวนตี้แล้ว นี่ทำให้เขานั้นถึงกับขมวดคิ้วและถามออกมาด้วยความสงสัย “กัปตันจาง ข้าไม่เข้าใจในความหมายที่ท่านผู้การแห่งกันหนันสั่งพวกท่านเลยจริงๆ”

“การสู้รบในครั้งนี้หากจะให้พูดกันตรงๆคือมันจบลงแล้ว และผลของมันก็คืออาณานิคมทั้งยี่สิบอาณานิคมที่อยู่ใกล้ทะเลบริเวณนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลไปหมดแล้ว”

“และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่ามองยังไงก็ไม่มีทางพลิกกลับได้ แล้วพวกท่านจะมาทำอะไรกันในตอนนี้”

“ไม่ว่ามองยังไง ท่านผู้การแห่งกันหนันต้องการส่งพวกท่านทั้งเก้ามาตายชัดๆ”

“หรือท่านจะบอกว่าเพียงพวกท่านทั้งเก้าจะช่วยให้สถานการณ์พลิกกลับไปได้อย่างนั้นเหรอ”

หลังจากเขาพูดจบ ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในกองบัญชาการก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจจะตอบคำถามนี้ได้ ในเมื่อพวกเราเองถูกส่งมาโดยผู้การแห่งกันหนัน พวกเราก็เพียงแค่ทำตามคำสั่งเพียงเท่านั้น”

จางหยวนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ห้าวหาญ ทุกๆคำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยพลัง และนี่เองทำให้ทุกคนในกองกำลัง รวมถึงเฉินเฉียงได้ยืดอกตรงในทันที นี่ทำให้นายพลหลิวเซียงอดไม่ได้ที่จะลอบยกย่องอยู่ในใจ

“กัปตันจาง ข้าขอยอมรับนับถือความไม่กลัวตายของกองกำลังของเจ้า แต่ยังไงซะด้วยสถานการณ์ในตอนนี้มันก็แน่ชัดเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พวกท่านเองก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อีกได้ แล้วนี่ท่านจะฝืนดื้อดึงไปทำไมกัน”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือ ต่อให้พวกท่านอยากจะสู้ แต่ด้วยกำลังคนของท่านและกำลังรบของเราในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่จะโค้นล้มพวกมันลงได้”

“นายพลหลิว ท่านเพียงบอกสถานการณ์ในตอนนี้มาก็พอ ส่วนที่เหลือนั้นพวกเราจัดการเอง”

หลิวเซียงได้มองจางหยวนและคนอื่นๆในกองกำลังพลางนึกตัดสินใจ หลังจากนั้นเขาได้ส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้และพูดออกมา “ก็ได้ ดูนี่”

หลิวเซียงได้ชี้ไปยังแผนที่ที่ถูกกลางไว้บนผนังและพูดออกมา “จากที่ๆเราอยู่ในตอนนี้ไล่ไปทางใต้สองร้อยไมล์นี้จะมีสภาพเป็นพื้นที่ชายฝั่งที่ยาว และแคบ เนื้อที่ของมันนั้นมีขนาดประมาณหนึ่งพันห้าร้อยตารางไมล์ และพื้นที่ตรงนี้เป็นสถานที่ที่พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนาน

แต่เมื่อสักครึ่งปีก่อน กองทัพสัตว์ประหลาดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ได้ร่วมมีกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ในท้องทะเลเริ่มจู่โจมอาณานิคมของพวกเราที่อยู่ใกล้ๆ”

“และนี่เองทำให้ตึกจอมพลเป่ยเชินและตึกจอมพลแห่งกันหนันโจมตีพวกมันโดยใช้กองกำลังร่วม เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง”

“แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ทุกๆครั้งที่พวกเราส่งกองกำลังออกไปนั้น ไอ้พวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นราวกับรับรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราไปเสียทุกครั้ง นี่ทำให้ไม่เพียงพวกเราจะไม่อาจที่จะยึดคืนดินแดนได้ พวกมันยังรุกคืบทำให้อาณานิคมของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆต้องถูกลบออกไป”

“และในตอนนี้ พวกเราในตอนนี้ที่ทำได้คือการใช้อ่าวจันทร์เสี้ยวแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันการโจมตีจากสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลเท่านั้น”

“สายลับสินะ”

จางหยวน เฉินเฉียง และคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันในทันที และนี่ทำให้พวกเขานึกถึงเจิ้งตี้พร้อมกับความแค้นที่ปะทุขึ้นมา

“ถูกต้อง” หลิวเซียงได้พยักหน้าและพูดออกมา “ความจริงผู้การของพวกเราต่างก็คิดถึงเรื่องนี้และค่อนข้างจะมั่นใจว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์แฝงตัวในพวกเรา”

“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าก็รู้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์นั้นเหมือนกับพวกเราแทบจะทุกประการ นี่ทำให้ยากที่จะแยกแยะ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้การทั้งสองสั่งให้ถอนกองกำลังเสริมเพื่อป้องกันการเสียสละอันไร้ค่า”

ในระหว่างที่หลิวเซียงกำลังพูดอยู่นี้ เฉินเฉียงก็สังเกตสัญญาลักษณ์ที่ถูกทำให้บนแผนที่ เขาจึงถามออกมาอย่างสงสัย “นายพลหลิว สองที่นี้คืออะไร”

“อ้อ นี่คือพื้นที่ใกล้ชายฝั่งเป็นที่ตั้งกองกำลังของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ส่วนอีกแห่งนั้นก็คือที่ตั้งกองกำลังสัตว์ประหลาด” หลิวเซียงได้มองไปที่เฉินเฉียงและอธิบาย

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็หมายความว่าสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลไม่ได้อยู่ร่วมกัน เพียงแต่ร่วมมือกันยามจู่โจมเช่นนั้นหรือ แล้วสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลนี่พวกมันสู้บนบกได้ด้วยอย่างนั้นรึ”

“แน่นอน” หลิวเซียงยิ้มออกมา “พวกเจ้าอยู่แต่บนแผ่นดินใหญ่มาก็ไม่แปลกที่เจ้าฟังที่ข้าพูดแล้วจะไม่เข้าใจ ข้าเองคงปล่อยให้เจ้าไปสู้ทั้งๆที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ซะแล้ว”

“สัตว์ประหลาดห้องท้องทะเลนั้น พวกมันเองก็คือสัตว์ประหลาดจำพวกหนึ่ง ถึงแม้ส่วนใหญ่ พวกมันจะมีชีวิตอยู่ในท้องทะเล แต่พวกมันเองสามารถจะขึ้นมาอยู่บนบกได้ถึงแม้จะช่วงสั้นๆก็ตาม”

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้พวกมันจะฟังดูเหมือนกับจะอยู่แต่ทะเลโดยรอบ แต่ในความจริงแล้วพวกมันเองกับแพร่พันธุ์บนบก และสร้างระบบสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับพวกมันเอง และนี่คือเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกมันร่วมมือกับสัตว์ประหลาดบนแผ่นดิน

จางหยวนที่เห็นเฉินเฉียงอยู่ๆก็รู้สึกสนใจสัณฐานของสัตว์ประหลาดพวกนี้ขึ้นมานั้น เขาเองก็นึกสงสัยและถามออกมาในทันที “เฉินเฉียง เจ้ามีความคิดอะไรรึ”

เฉินเฉียงได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะทำสีหน้าผ่อนคลาย “จะให้บอกว่ายังไงดีล่ะ ยังไงซะก็ต้องทำให้ผลการรบออกมาดีใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยๆเราก็ควรรู้สถานการณ์ของพวกมันซะก่อน มีเพียงเราต้องรู้ทั้งกำลังพลและพื้นที่เท่านั้น พวกเราถึงจะวางแผนที่เหมาะสมได้”

“ท่านนายพลเองก็บอกอยู่ชัดๆแล้วพวกแกยังคิดจะไปตรวจสอบด้วยตัวเองอีกเหรอ เหอะ”

องครักษ์ส่วนตัวของหลิวเซียงได้หัวเราะเยาะออกมาก่อนจะพูดต่อ “ถ้าพวกเจ้าต้องการจะสอดแนมพวกสัตว์ประหลาดบกและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลล่ะก็ พวกเจ้าต้องเข้าไปในเขตของพวกมันก่อนสินะ”

“ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างจากฐานของพวกมันหนึ่งร้อยห้าสิบไมล์ พวกเจ้าคิดว่าการลอบเข้าไปสอดแนมจะเป็นเรื่องง่ายๆรึไงกัน”

“อย่าบอกนะว่าพวกท่านไม่มีนักรับสายเลือดระดับนายพลวิญญาณสายปฐพีเลยน่ะ” ก่อนที่เฉินเฉียงจะถามออกมาแบบนี้ เขานึกถึงเรื่องที่ว่าเขาสามารถใช้ทักษะขุดรูพวกรวบรวมข้อมูลได้แล้ว

“แน่นอนว่าพวกเราย่อมมี แล้วทำไมล่ะ”

เฉินเฉียงเหลือบตามองบนไปที่องครักษ์คนนี้ในทันที นี่ทำให้จางหยวนอดรนทนไม่ไหวจึงต้องถามออกมา “เอ่อ พวกข้าหมายถึงว่าพวกท่านสามารถใช้นักรบสายเลือดสายปฐพีลอบเข้าไปสอดแนมพวกมันน่ะ”

“นี่……”

เมื่อองครักษ์ได้ยิน เขาก็ได้มองไปที่เฉินเฉียงและจางหยวนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะมองไปยังหลิวเซียงอย่างหมดคำจะพูด

“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิวเซียงได้หัวเราะและพูดต่อ “กัปตันจาง ถึงแม้พวกเราจะมีนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณสายปฐพีอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่านักรบทุกคนนั้นจะขุดดินได้สักหน่อย มันก็เหมือนอย่างที่นักรบสายเลือดสายอัคคี พวกเขาหลายๆคนนั้นก็ยังไม่รู้วิธีการพ่นไฟออกมาได้”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือต่อให้เรามีคนที่ใช้ทักษะนั้นได้อยู่จริง แต่การจะทำอุโมงค์ที่ว่าให้ได้สำเร็จนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อยไปกว่าเดือน…ไม่สิ สองเดือนด้วยซ้ำ แล้วพวกเราจะใช้วิธีการนั้นได้ยังไง”

จางหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตัวโยนอย่างกลั้นขำ ก่อนที่ยักไหล่ไปทางเฉินเฉียง

หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ทุกคนจะประหลาดได้เหมือนเฉินเฉียง

“เฮ้ออออออออ มีแต่ข้าเพียงคนเดียวจริงๆเหรอเนี่ย”

“ชิ ทำมาเป็นพูดดี นั่นมันตั้งร้อยห้าสิบไมล์เลยนะ แล้วเจ้าจะเข้าไปได้ยังไง”

เฉินเฉียงมองไปที่องครักษ์ด้วยสายตาที่ดูแคลนแบบสุดและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขามองไปที่จางหยวนอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะดำดินหายไปในบัดดล

“ฮะ”

เมื่อองครักษ์คนนี้เห็นเฉินเฉียงหายไปกับตา นี่ทำให้เขานิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป

“กัปตันจาง ดูเหมือนว่าคนของเจ้านี่มีความสามารถเหนือล้ำจริงๆ ทักษะการดำดินของเขานั้นแม้แต่นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงก็ยังทำตามไม่ได้เลย” หลิวเซียงที่เห็นเองก็ไม่มีทางเลือกจนต้องยกนิ้วโป้งและกล่าวชมออกมาเสียตรงนั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายพลหลิว ด้วยความสามารถของเขานั้นเขาน่าจะไปถึงระยะร้อยห้าสิบไมล์ที่ว่าในครึ่งชั่วโมงล่ะนะ”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset