บทที่ 138 เด็กน้อยจอมพลัง
เมื่อเห็นผู้คนเริ่มโกรธแค้น แต่เฉินเฉียงนั้นยังคงรักษาอาการและสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น กลับเป็นผอ.แผนกศึกษาที่กระโดดเข้ามาขวางทุกคนและตบเข้าไปที่หน้าของลูกสาวตนหนึ่งฉาดใหญ่
“พ่อออ..” ชุนเต๋าได้กุมหน้าของเธอตรงที่ถูกตบและมองไปยังผู้เป็นพ่อด้วยสายตามที่สับสน
“พ่อบอกว่าให้เจ้าฟังที่ผอ.ซุนพูด”
หลังจากทุกคนได้สงบสติอารมณ์ลง ผอ.ซุนก็ได้พูดต่อ “ลูกศิษย์ทั้งหลาย เป็นเรื่องจริงที่ศิษย์ตงเจี๋ยนนั้นถูกทำร้ายโดยมนุษย์กลายพันธุ์ แต่เขาหาได้ถูกลงมือจากนายพลหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเจ้า”
“ขอให้ข้าได้แนะนำให้พวกเจ้าได้รู้จักก่อนแล้วกัน ชายคนนี้คือเฉินเฉียง เขาเป็นศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษแห่งสำนักเต่าดำ”
“สำนักเต่าดำแล้วยังไง ดีเด่มาจากไหนกัน”
ในตอนนี้ศิษย์รุ่นกลางแห่งสำนักมังกรอาซูร่าที่มีนามว่าเจิ้งยี่ได้พูดออกมาและมองเฉินเฉียงอย่างดูถูก
“เจิ้งยี่ เจ้าคิดว่าตัวเองเทียบเคียงกับเฉินเฉียงได้เช่นนั้นรึ”
เจิ้งยี่ได้พูดออกมาด้วยความภูมิใจ “ท่านผอ. ก็อีแค่ระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นคนหนึ่งจะเทียบเคียงอะไรกับข้าได้กัน”
“โอ้…..”
ผอ.ส่งเสียงอุทานแบบแกล้งๆก่อนที่จะนำแผ่นพลังงานทั้งสิบสี่แผ่นจากเฉินเฉียงมาแสดงให้ทุกคนได้เห็น “เจิ้งนี่ นี่คือสินสงครามที่ศิษย์สำนักเต่าดำที่เจ้าดูถูกนักหนาได้มา แม้ว่าเขาจะเป็นระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น แต่เขานั้นกลับฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์ระดับนายพลทักษะพิเศษสิบสี่คนด้วยตัวคนเดียว”
“เจิ้งยี่ ข้าขอถาม หากเป็นเจ้า เจ้าทำได้หรือไม่”
พูดจบ ซุนไคได้โยนแผ่นพลังงานทั้งสิบสี่แผ่นใส่เจิ้งยี่ราวกับว่ามันเป็นขยะที่หาได้ดาษดื่น
“นี่….”
เจิ้งยี่ที่มีท่าทีโอหังก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนท่าทีไป
แต่ไม่นาน เขาก็ได้กำหมัดมาไว้ที่ระดับอกก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผอ. ข้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ หากข้ามีโอกาส ข้าเองก็อยากจะสร้างผลงานให้กับเผ่าพันธุ์เราเหมือนกัน ข้าเชื่อมั่นว่าตัวข้านั้นย่อมไม่แพ้ศิษย์จากสำนักเต่าดำผู้นี้อย่างแน่นอน”
“ดี”
ผอ.ซุนพูดก่อนจะปรบมือไปหนึ่งทีด้วยเสียงอันดังลั่น “เจิ้งยี่ นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการฟังจากปากของเจ้า”
“อย่างไรก็ตาม เพียงแค่พูดไม่อาจจะสู้ลงมือทำ”
“ไม่ว่าเจ้าจะทำได้หรือไม่นั้น เจ้าจะรู้ก็ต่อเมื่อลงมือทำเพียงเท่านั้น”
“ในตอนนี้ข้าขอสั่งให้เจ้า เจิ้งยี่ ให้เจ้าเป็นผู้นำของศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าห้าสิบคนติดตามเฉินเฉียงไปยังจุดซ่องสุมกำลังของพวกมนุษย์กลายพันธุ์”
“และก่อนที่เจ้าจะคิดทำอะไรได้นั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำสั่งของเฉินเฉียง”
“เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“จุดซ่องสุมกำลัง…..มนุษย์กลายพันธุ์…เหรอ”
เจิ้งยี่และศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าในตอนนี้ต่างมองหน้ากันในทันที พวกเขานั้นไม่คิดว่าจะต้องได้ต่อสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์เร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขานั้นต้องฟังคำสั่งจากศิษย์สำนักเต่าดำอีก
“นี่พวกเจ้าไม่เข้าใจกันรึไง” ซุนไคถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก
“รับทราบครับพวกเราจะฟังคำสั่งเฉินเฉียง” เจิ้งยี่และคนอื่นๆต่างก็ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ซุนไคพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากเจิ้งยี่คัดเลือกคนได้ห้าสิบคนแล้ว ซุนไคก็ได้ส่งสัญญาณให้เฉินเฉียงเป็นคนพูดต่อ
“ศิษย์พี่ทุกท่าน เป้าหมายของพวกเราในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนัก มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งยี่สิบสองตนนี้อยู่ในระดับนักรบเหนือมนุษย์ขั้นสูง แต่หนึ่งในนั้นมีตนหนึ่งที่ชื่อหลินเสี่ยว มันอยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นต้นช่วงปลาย หากเทียบกับฝั่งเรานั้นมันจะมีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบสายเลือดวิญญาณระดับนายพลวิญญาณระดับกลางขั้นต้นเป็นอย่างน้อย”
“ด้วยการที่มีท่านพี่เจิ้งยี่อยู่ ข้าเชื่อว่าหลินเสี่ยวคงจะไม่ยากที่จะจัดการ”
“อย่างไรก็ตาม ที่อาณานิคมแห่งนั้น ในตอนนี้มีผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ประมาณร้อยคนที่พร้อมจะถูกจับเป็นตัวประกันได้ทุกเมื่อ”
“เพื่อจะไม่ให้พวกเขาต้องล้มตาย ข้าขอเสนอแผนที่จะล่อให้พวกมันออกมาก่อนแล้วท่านพี่เจิ้งยี่ค่อยนำพี่น้องคนอื่นๆเข้าไปสังหารมัน นี่จึงเป็นวิธีการที่น่าจะดีที่สุดแล้ว”
หลังจากฉินเฉียงพูดจบ เขาได้รอสักพัก จนกระทั่งซุนไคต้องถามออกมาอีกครั้ง
“เงียบกันทำไม”
เป็นตอนนี้ที่ทุกคนพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง “เข้าใจครับ”
“เฉินเฉียง เจ้าไปได้แล้ว ข้าได้เพิ่มชื่อของข้าในกำไลสื่อสารของเจ้าแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นให้รีบติดต่อมาในทันที”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนที่จะกินยาสีสันเข้าไปอีกเม็ดและเปลี่ยนหน้าเป็นตงเจี๋ยนต่อหน้าทุกคน ก่อนจะนำเจิ้งนี่และคนอื่นๆตรงไปยังอาณานิคมทะเลสาบกระจก
ที่ข้างหลังเฉินเฉียงและเหล่าศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าในตอนนี้นั้น มีร่างอรชรร่างหนึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลมากพร้อมท่าทางตื่นๆ เธอนิ่งคิดพักหนึ่งก่อนที่จะใช้กำไลสื่อสารของตน
“ไม่ดีแล้วค่ะท่านราชาสวรรค์ ตงเจี๋ยนนำคนของสำนักมังกรอาชูร่าไปยังทะเลสาบกระจก ดูเหมือนว่าเขานั้นจะพาคนไปสังหารหลินเสี่ยวและคนอื่นๆ เราจะฆ่าพวกมันก่อนเลยดีไหมคะ”
“ไม่ต้อง หยานเสวี่ย จำเอาไว้ว่าเจ้ามีหน้าที่ติดตามดูตงเจี๋ยนเพียงเท่านั้น หากไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตงเจี๋ยนเพิ่มเติม เจ้าไม่ต้องติดต่อมา”
“รับทราบค่ะ”
…
ที่พื้นที่กึ่งเนินเขาห่างจากอาณานิคมทะเลสาบกระจกห้าไมล์นั้น เฉินเฉียงได้พูดออกมา “ศิษย์พี่เจิ้งยี่ โปรดรออยู่ที่นี่ก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าพาตัวพวกมันออกมาแล้วพวกเราค่อยลงมือกันที่นี่”
เมื่อเห็นเจิ้งยี่และคนของเขาพยักหน้ารับ เฉินเฉียงก็รีบพุ่งตรงไปยังอาณานิคมทะเลสาบกระจกในทันที
“นายท่านผู้นำพากลับมาแล้ว”
เมื่อเฉินเฉียงปรากฏอยู่แต่ไกลนั้นก็ได้บังเกิดเสียงเฮลั่นจนดังก้องในอาณานิคม และประตูทางเข้าอาณานิคมก็ได้เปิดออก เฉินเฉียงก็ได้เห็นมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นเยาว์เรียงแถวหน้ากระดานอยู่ข้างหลังหลินเสี่ยวอย่างพร้อมเพรียง
เฉินเฉียงได้มองที่ที่ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยืนอยู่หลังมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นเยาว์ด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ ก่อนจะถามออกมาอย่างไม่ยี่หระ “หลินเสี่ยว ไม่ใช่ว่าข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าให้ส่งมนุษย์พวกนี้ออกไป ทำไมพวกเขายังอยู่”
“โอ้ มนุษย์เหล่านี้เหรอครับ ก็แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
เมื่อพูดจบ หลินเสี่ยวก็ได้หันหลังและผิวปาก มนุษย์กลายพันธุ์รุ่นเยาว์ทั้งยี่สิบสองคนก็ได้ยกอาวุธสังหารคนเฒ่าคนแก่เหล่านี้จนหมดเพียงชั่วพริบตา
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงตกอยู่ในอารมณ์คลั่งในทันใด
“หลินเสี่ยว เจ้าทำอะไร ทำไมต้องฆ่าพวกเขา”
หลินเสี่ยวที่ได้ยินก็ได้ถามกลับมาด้วยความสับสนใจทันที “นายท่านผู้นำพา มันก็แค่พวกมนุษย์เพียงเท่านั้น ทำไมพวกเราจะฆ่าพวกมันไม่ได้ล่ะ”
“ไอ้….หลินเสี่ยว ไม่ว่าจะยังไง มนุษย์พวกนี้ก็เลี้ยงดูเด็กๆให้เจ้ามากว่าสิบสามปีเลยนะเว้ย นี่เจ้าโหดร้ายไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้หันหน้าไปหามนุษย์กลายพันธุ์เล่นเยาว์อีกครั้ง ดูเหมือนว่าทั้งยี่สิบสองคนนั้นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่ายินดีที่จะทำมากกว่า
“อ๊ากกกกกก”
เฉินเฉียงกู่ก้องร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะมีดาบดั้นเมฆอยู่ในมือในชั่วพริบตา แล้วเขาได้ทำการหมุนตัวตวัดดาบเพียงทีเดียวทำให้มนุษย์กลายพันธ์ุตกตายในทันทีหกไม่ก็เจ็ดคนจนไม่อาจตอบสนองได้ทัน
“นายท่านผู้นำพา”
หลินเสี่ยวหน้าถอดสีในทันทีที่เห็น ก่อนที่จะต้องสติได้เพราะว่าเฉินเฉียงนั้นได้เผยรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา พร้อมกับพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างกู่ก้อง “มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด พวกมันสมควรถูกข้าแล้ว”
“ไม่ดีแล้ว ตัวปลอม ฆ่ามันซะ”
หลินเสี่ยวได้ตัดสินใจในทันทีก่อนที่จะเคลือบร่างด้วยโลหะเหลวสีเงิน เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้ตวัดดาบที่เคลือบด้วยพลังงานสายเลือดสีเงินของเขาออกไป
หลินเสี่ยวและมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีพลังพิเศษเป็นเกราะเหล็กไหล
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้มีความคิดที่จะดูดซับพลังงานจากมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้แต่อย่างใด
นั่นก็เพราะเมื่อได้เห็นรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์ตนเองที่โดนล้างสมองและทำการฆ่าผู้เลี้ยงดูอย่างไม่ไยดี นี่ทำให้เขาไม่คิดที่จะทำให้ร่างของตนต้องแปดเปื้อน
เสียงการต่อสู้นี้ได้ดังไปไกลถึงจุดที่เจิ้งยี่และคนของเขาอยู่อย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่เจิ้ง ดูเหมือนจะเริ่มสู้กันแล้ว พวกเราเอายังไงดี”
“พวกเราทำยังไงเหรอ แน่นอนว่าต้องเข้าร่วมสิโว้ย” เจิ้งยี่ตัดสินใจนำศิษย์ร่วมสำนักกว่าห้าสิบคนเข้าร่วมการต่อสู้ในทันที
เมื่อเจิ้งยี่ไปถึงเขาก็พบว่ารุ่นเยาว์ ไม่สิ มนุษย์กลายพันธุ์ที่ในตอนนี้เคลือบร่างไว้ด้วยโลหะสีเงินกำลังล้อมเฉินเฉียงและกระหน่ำซัดเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ที่ดูจะคุกคามเฉินเฉียงได้ที่สุดก็คือการโจมตีจากหลินเสี่ยวที่อยู่ในระดับขุนพลทักษะพิเศษขั้นต้นช่วงปลาย
“ศิษย์น้องเฉิน พวกเรามาแล้ว”
เจิ้งยี่ได้คำรามลั่นก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่และโจมตีหลินเสี่ยวอย่างเต็มพลัง
ด้วยความมั่นใจของผู้บ่มเพาะระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง ดาบของเจิ้งยี่ได้ระเบิดพลังออกมาและฟาดฟันไปที่คอของหลินเสี่ยวในทันที
อย่างไรก็ตาม เข้านั้นต้องตกตะลึงอย่างที่สุด นั่นก็เพราะดาบของเขานั้นกลับแฉลบออกมาจนเกิดประกายไฟดังลั่น