ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 156 ร่วมมือ

บทที่ 156 ร่วมมือ

เมื่อเขาได้เห็นหมูป่าเขี้ยวดาบตัวนั้นได้อย่างถนัดถนี่ ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง

หมูป่าเขี้ยวดาบตัวนี้อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง

นับแต่เข้ามาในมิติประลองนี้ เฉินเฉียงในที่สุดก็ได้พบสัตว์ประหลาดระดับนายพลชั้นสูงตัวแรกสักที

เขานั้นไม่รู้ว่าหลู่ฟางต่อสู้กับมันมานานแค่ไหนแล้ว แต่ที่รู้ก็คือพลังงานสายเลือดของศิษย์พี่ของเขานั้นหายไปกว่าครึ่ง แต่หมูป่าเขี้ยวดาบนั้นยังมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม

เมื่อเห็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต เฉินเฉียงก็รีบคืนหน้าเดิมและใช้ก้าวย่างสวรรค์เข้าไปหาหลู่ฟางในทันที

“ศิษย์พี่ใหญ่ นี่ข้าเอง”

เฉินเฉียงได้ตะโกนออกมาในตอนที่เหยียบพื้นดิน

ในตอนที่หลู่ฟางวิ่งหนีนั้น เขาเห็นใครบางคนปรากฏตัว ในตอนแรกเขาก็นึกว่าจะมีคนมาลอบโจมตีเขาแล้ว แต่เมื่อเฉินเฉียงตะโกนออกมา เขาก็ได้ผ่อนคลายลง แต่ก็เร่งรีบตะโกนออกไป “ศิษย์น้อง วิ่งเร็วเข้า ข้างหลังข้ามีสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงวิ่งตามอยู่ มันตามข้ามาสองวันแล้วเนี่ย”

ถึงจะพูดแบบนั้น เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ หลู่ฟางก็ได้เข้าไปรวบเฉินเฉียงและวิ่งต่อไปในทันที

“ศิษย์พี่ใหญ่ นี่มันสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงเลยนา มันได้แต้มคะแนนตั้งหมื่นนึงเลยไม่ใช่เหรอ ท่านไม่อยากจะได้มันรึไงกัน”

หลู่ฟางกลอกตาขึ้นในขณะที่มองเฉินเฉียงที่กำลังตั้งหลักวิ่งได้หลังจากโดนรวบมาแล้ว “ศิษย์น้อง นี่เจ้าจะไม่โลภไปหน่อยรึไง เทียบกับคะแนนแล้ว ชีวิตของเรานั้นย่อมสำคัญกว่าสิ”

“ตราบใดที่เราสลัดไอ้หมูนรกนี่ออกไปได้แล้วไปช่วงชิงแต้มคะแนนจากศิษย์สำนักอื่น พวกเราก็น่าจะพอติดหนึ่งในสิบได้นา”

เฉินเฉียงที่วิ่งเคียงคู่ไปกับหลู่ฟางอย่างสบายอารมณ์นั้น เขาได้หันไปมองหมูเขี้ยวดาบข้างหลังที่อยู่ห่างไปประมาณสองร้อยเมตรเห็นจะได้ ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งไม่อยากปล่อยแต้มคะแนนกว่าหนึ่งหมื่นนี้ไป

“ศิษย์พี่ใหญ่ หากข้าพบไอ้หมูบ้านี่คนเดียวข้าก็คงจะหนีไปเหมือนกัน แต่ในเมื่อตอนนี้พวกเราสองคนมาเจอกัน ตราบใดที่เราร่วมมือก็น่าจะมีโอกาสฆ่ามันได้อยู่นา”

หลู่ฟางที่ได้ยินก็เริ่มมีความสนใจแผนนี้ขึ้นมา “ศิษย์น้อง ระดับการบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นแม้ใช้เคลือบร่างด้วยเกราะพลังงาน แต่พลังงานของเขานั้นไร้สี นี่ทำให้หลู่ฟางไม่อาจเห็นระดับการบ่มเพาะของเฉินเฉียงได้

“พึ่งจะเปิดจุดตันเถียนลับที่สิบสองได้น่ะ” เฉินเฉียงตอบอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อเห็นว่าหลู่ฟางยังลังเล เฉินเฉียงก็ได้พูดตอกย้ำไปอีกหน่อย “ศิษย์พี่ใหญ่ ขนาดท่านยังถูกมันไล่มาสองวัน หากเป็นแบบนี้ต่อไป พลังของท่านต้องหมดลงก่อนจะหนีได้อย่างแน่นอน”

“แล้วดูไอ้หมูนั่นสิ มันยังดูถึกอยู่เลย”

“เมื่อถึงตอนนั้น หากพวกเราโดนมันไล่ทันก็ไม่มีทางเลือกอื่นกดปุ่มดีดตัวออกจากที่นี่ หากเป็นแบบนั้นจริงสำนักของเราต้องเสียหายอย่างหนักแน่ๆ”

“แต่….” หลู่ฟางพูดออกมาอย่างลังเล และในที่สุดก็ได้พูดออกมา “ศิษย์น้อง หนังของหมูป่าเขี้ยวดาบตัวนี้มันหนามาก ขนาดข้าที่มีเทคนิคการฝึกฝนร่างกายพื้นฐานขั้นสูงยังทำอะไรมันไม่ได้เลย แล้วเราจะฆ่ามันได้ยังไง”

สายตาของเฉินเฉียงเป็นประกายขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยิน

“ฮี่ฮี่ฮี่ กลับเรื่องนั้นมันง่ายนิดเดียว” หลังจากพูดจบ ธนูสีดำทมิฬก็ได้ปรากฏในมือของเฉินเฉียง

“เอาล่ะน้า…..”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้หันหลังไปและทำการง้างธนู ลูกธนูพลังงานไร้สีสันได้ถูกปล่อยออกไปจากสายธนูภายใต้การควบคุมทิศทางของพลังจิตของเฉินเฉียง

หมู่ป่าเขียวดาบที่ไล่ตามมานั้น ก็ได้กระเด็นออกไปหลังจากโดนลูกธนูของเฉินเฉียงไปแล้ว และนี่ทำให้ระยะห่างระหว่างเฉินเฉียงกับหมูป่าเขี้ยวดาบอยู่ไกลกันขึ้นไปอีก

“เห็นไหมล่ะพี่ใหญ่ ข้าจะใช้ธนูนี่คอยเล่นงานมันจากระยะไกล ส่วนพี่ใหญ่ก็เล่นงานมันจากระยะใกล้”

หลู่ฟางผู้ซึ่งถูกไล่มาสองวัน เมื่อเห็นโอกาสเอาคืนก็ได้กัดฟันแน่น “ได้ ศิษย์น้อง พวกเรามาสู้มันด้วยกัน”

“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าพวกเราทำอะไรมันไม่ได้จริงๆเจ้าต้องวิ่งหนีออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าให้มันทำอะไรเจ้าได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อาจารย์ต้องจับข้าถลกหนังกินอย่างแน่นอน”

“อย่าได้กังวลไปศิษย์พี่ใหญ่ ต่อให้พวกเราฆ่ามันไม่ได้ ข้าก็มั่นใจว่าจะหนีรอดออกจากเงื้อมมือมันได้”

เมื่อเห็นว่าหลู่ฟางยอมร่วมมือ เฉินเฉียงก็ได้เหลือบมองไปที่หลู่ฟางเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการวิ่ง เขาแยกออกจากหลู่ฟาง ส่วนหลู่ฟางก็ลดความเร็วในการวิ่งลง

หมูป่าเขี้ยวดาบนั้น หลังจากเจอธนูของเฉินเฉียงไปหนึ่งทีแล้วมันก็คำรามออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะเร่งความเร็วขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อมันรับรู้ว่าเฉินเฉียงและหลู่ฟางแยกทางกัน มันก็ได้เลือกที่จะไล่ตามเฉินเฉียงไปอย่างไม่ลังเล

หากว่าไม่ใช่เพราะลูกธนูของเฉินเฉียงเมื่อครู่ มันเชื่อว่าอีกไม่นานมันก็จะได้กินอาหารอันโอชะตรงหน้าไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ ระดับบ่มเพาะของเฉินเฉียงที่มันรับรู้ได้นั้นอ่อนแอกว่าหลู่ฟางอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปไม่นานมันก็ค้นพบว่าตัวเองคิดผิดไป

แม้เฉินเฉียงนั้นจะมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่สูงมาก แต่ความเร็วนั้นกลับสูงล้ำ

เมื่อเห็นแบบนี้ หมูเขี้ยวดาบจึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงวิ่งตามหลู่ฟางไปอีกครั้ง

ในตอนที่ทั้งสองแยกกันไปนั้น เมื่อหลู่ฟางพบว่าหมูป่าวิ่งตามเฉินเฉียงไป เขารีบกลับตัววิ่งไล่ตามหมูป่าไปในทันที

เขานึกไม่ถึงว่าหลังจากวิ่งตามไปได้เพียงไม่กี่นาที หมูป่าได้หันหลังกลับมาและพุ่งตรงเข้ามาที่เขา ใบหน้าของหลู่ฟางเปลี่ยนไปราวกับกำลังผจญหน้ากับหนังชีวิต

เขานั้นต่อสู้กับหมูป่าเขี้ยวดาบตัวนี้มามากมายหลายครั้งแล้วทำให้เขารู้ว่าเขาทำอะไรมันไม่ได้ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเอี้ยวตัวกลับไป เขาก็เห็นเฉินเฉียงง้างธนูและยิงใส่หมูป่าเขียวดาบอีกครั้ง

เมื่อหมูป่าเขี้ยวดาบสัมผัสได้ถึงลมกรรโชกจากด้านหลัง มันไม่มีทางเลือกทำได้เพียงหันหลังกลับไปป้องกันธนูของเฉินเฉียงเพียงเท่านั้น เมื่อหลู่ฟางเห็นแบบนี้เขาก็ได้หมุนตัวอีกครั้งพร้อมนำกระบองเหล็กหัวกลมสีดำออกมาจากแหวนเก็บของและกระหน่ำฟาดใส่หมูป่าเขี้ยวยักษ์ราวกับพายุหมุน

อีกฟากฝั่งหนึ่ง เฉินเฉียงก็ยังคงกระหน่ำยิงลูกธนูพลังงานเข้าใส่หมูป่าเขี้ยวยักษ์ประดุจดั่งสายฝน

หมูป่าเขี้ยวยักษ์ในตอนนี้ตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูกในทันที

ถึงแม้ว่าธนูของเฉินเฉียงจะไม่ได้คุกคามอะไรมันมากนัก แต่ลูกธนูเหล่านี้เปรียบได้ดั่งแมลงวันที่คอยก่อกวนอย่างไม่หยุดทำให้มันต้องหันไปสนใจและคิดที่จะจัดการกับแมลงวันตัวนี้ก่อน

ส่วนกระบองเหล็กสีดำในมือของหลู่ฟางนั้นทรงพลังอย่างสุดๆ ถึงแม้ว่าภายนอกหมูป่าเขี้ยวดาบตัวนี้จะดูไม่เป็นอะไรก็ตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการที่หลู่ฟางนั้นพยายามเล็งไปที่จุดเดียวกันซ้ำๆ นี่ทำให้ผิวนอกที่โดนโจมตีก็เริ่มช้ำเลือดจนเห็นได้ชัด

หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที หลู่ฟางก็เริ่มหมดแรง

“ศิษย์น้อง ถ่วงเวลาให้ข้าสักครึ่งนาทีได้รึเปล่า อย่าให้มันมาก่อกวนข้าได้”

เมื่อได้ยินเสียงของหลู่ฟางที่ส่งตรงมายังโสตประสาทของเขา เฉินเฉียงได้พยักหน้าด้วยสายตาที่มุ่งมั่น เขาปรากฏตัวต่อหน้าหมูเขี้ยวดาบอีกครั้งและอยู่ห่างจากมันเพียงสามสิบเมตรเท่านั้น ก่อนที่เขาจะง้างธนูและปล่อยลูกธนูที่ทรงพลังมากกว่าเดิมออกไปสองดอก

ในตอนนี้ ด้วยการที่เทคนิคการยิงธนูของโฮวอี้ของเขานั้นอยู่ในระดับต้นแล้ว รวมเข้ากับพลังภายในของเขาที่ปริมาณมากกว่าแต่ก่อน ทุกๆครั้งที่เขายิงธนูออกไปนั้นมันยิ่งคุกคามหมูป่าเขี้ยวดาบนี้ได้ในทุกๆครั้ง มันทำให้เกราะชั้นพลังงานของหมูป่าตัวนี้แตกออกหลายต่อหลายครั้งแล้ว

เมื่อเป็นแบบนี้ หมูป่าเขี้ยวดาบทำได้เพียงฝืนตัวเองเข้าไปหาเฉินเฉียงเพียงเท่านั้น แต่มันก็ถูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนของเฉินเฉียงกระหน่ำซัดจนไม่อาจทำอะไรได้ ต่อให้มันอยากจะเข้าไปถึงตัวเฉินเฉียงมากมายขนาดไหนก็ตาม

เป็นตอนนี้ที่หมูป่าเขี้ยวดาบรับรู้ได้ว่าชายคนที่เหวี่ยงไม้ท่อนโตกระหน่ำซัดมันนั้นได้หยุดมือไป มันเห็นว่าในตอนนี้เขานั้นมีร่างกายที่พองโตราวกับกบที่กำลังโกรธ ท้องของเขาใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น เพียงผ่านไปยี่สิบวินาที ท้องของเขาก็ใหญ่ขึ้นมาเป็นสองเท่า

นี่ทำให้มันรู้ในทันทีว่าชายคนนี้เตรียมที่จะโจมตีด้วยการโจมตีที่รุนแรง

เมื่อเห็นแบบนี้ทำให้หมูป่าเขี้ยวดาบลนลานในทันใด

เพื่อที่จะไม่ให้ตัวมันต้องโดนการโจมตีที่รุนแรงนี้ หมูป่าเขี้ยวดาบได้ฝืนทนการโจมตีของเฉินเฉียง มันปล่อยให้ธนูทั้งหลายนั้นกระหน่ำซัดใส่ร่างมันจนเลือดไหลซึมและพุ่งตรงเข้าใส่หลู่ฟางราวกับเสี่ยงชีวิตของมันเอง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset