ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 157 สำเร็จ

บทที่ 157 สำเร็จ

ท่าทางของเฉินเฉียงเปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นแบบนี้ นั่นก็เพราะเวลาที่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาขอไว้นั้นขาดอีกเพียงแค่ห้าช่วงลมหายใจเพียงเท่านั้น เขาต้องหยุดมันให้ได้

ในตอนนี้ เฉินเฉียงนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาได้วางธนูในมือลงและใช้คลื่นเสียงทำลายวิญญาณในทันที

ด้วยค่าพลังจิตของเขาในตอนนี้ อะไรก็ตามที่อยู่ในระยะห้าสิบเมตรไม่มีทางรอดพ้นจากทักษะนี้ไปได้

แน่นอนว่าหมูป่าเขี้ยวดาบที่กำลังพุ่งเข้าใส่หลู่ฟางที่อีกเพียงครึ่งเมตรก็จะถึงนั้น โดนทักษะนี้เข้าไปอย่างจัง

หมูป่าเขี้ยวดาบที่เห็นหลู่ฟางอยู่ตรงหน้า มันได้เผยใบหน้าแสดงออกมาราวกับเห็นอาหารอันโอชะของมนุษย์

เพียงแค่มันตบชายคนนี้ไปได้ทีเดียว มันก็จะได้เนื้อมนุษย์ที่แบนราบและน่ากิน

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงแค่อีกนิดเดียวเพียงเท่านั้น

หมูป่าเขี้ยวดาบในตอนนี้มันได้เชิดจมูกของมันขึ้นมา เขี้ยวของมันสะท้อนแสงที่เย็นยะเยียบ ละอองจากปากของมันนั้นพ่นใส่จมูกของหลู่ฟางจนทำให้เขานั้นยื่นนิ้วไปเตรียมที่จะกดปุ่มบนบัตรประจำตัวของตน

หากเป็นเพียงอีกหนึ่งช่วงลมหายใจ หลู่ฟางนั้นย่อมกดปุ่มที่อยู่บนบัตรประจำตัวของเขาที่อยู่ในมือเพื่อออกจากมิติประลองไปแล้ว

แต่เป็นตอนนี้ที่เขาพบว่าหมูป่าเขี้ยวดาบมีอาการแปลกๆ มันพยายามใช้ขาหน้าของมันโอบรัดไปที่หัวอันใหญ่โต ราวกับอยู่ๆมันก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับหัวของมัน ก่อนที่มันจะกลิ้งตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งตรงหน้าเขา

เมื่อเห็นฉากนี้ หลู่ฟางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกอีกหนึ่งฝืด ก่อนที่จะป้องมือที่ปาก และคำรามใส่หมูป่าเขี้ยวดาบที่นอนกลิ้งอยู่ตรงหน้า

“ว้ากกกกก”

เมื่อเสียงคำรามของหลู่ฟางดังขึ้นมา แม้กระทั่งเฉินเฉียงที่อยู่ห่างไปกว่าสามสิบเมตรก็ยังต้องถูกบังคับให้ถอยร่นไปนับสิบเมตร

หมูป่าเขี้ยวดาบที่โดนการโจมตีคลื่นเสียงนี้ไปเต็มๆ มันนั้นหยุดกลิ้งตัวไปมาก่อนที่จะชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้น ตามมาด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากตา หู จมูก และปาก พร้อมกับการที่มันตกตายเสียตรงนั้น

ในขณะเดียวกัน เว่ยหยวนตี้และเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิของอีกสี่สำนักที่โลกภายนอกนั้นก็ต้องทำตาปริบๆกันในทันทีเมื่อเห็นว่าอันดับบนหน้าจอแสดงอันดับเปลี่ยนไป

หลังจากผ่านไปนานพอดู นานมากๆ เว่ยหยวนตี้ก็ได้หันขวับจนทำให้กระดูกคอของเขานั้นดังแคร๊กและถามคำถามที่คาใจที่สุดในตอนนี้ออกมา

“พี่…พี่เฉียน…ดูเหมือนว่าศิษย์สำนักท่านที่ชื่อหลู่ฟางนั่น…..พึ่งจะฆ่า…..สัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงไป…..ใช่ไหมนั่น”

“เอ่อออออ ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ” เฉียนฝู่เองที่อยู่ในสภาพตกตะลึงไม่น้อยไปกว่าใครนั้น เขาตอบโดยไม่ได้มองหน้า พร้อมกับถ้วยไวน์ในมือของเขาที่ร่วงลงไปอยู่บนพื้น

“นี่…นี่เป็นสัตว์ประหลาดระดับสูงตัวแรกที่ถูกฆ่าในมิติประลองสินะ”

ที่ผ่านมานั้น ทุกคนต่างก็รับรู้ว่าสัตว์ประหลาดที่มีระดับการบ่มเพาะเดียวกับมนุษย์นั้นย่อมแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่มาในตอนนี้อยู่ๆมันกลับอ่อนแอลงได้รึยังไงกัน

“นี่พวกมันสามารถโดนฆ่าโดยศิษย์ของเผ่าพันธุ์เราที่อยู่ในระดับเดียวกันเนี่ยนะ”

“ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”

ด้วยการที่ศิษย์ภายในมิติประลองได้ลดลงเรื่อยๆ นี่จึงทำให้ศิษย์เหล่านั้นมีโอกาสพบเจอสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

นอกจากหลู่ฟางที่ฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงนี่ได้แล้ว พวกเขานั้นหวังว่าเจิ้งยี่แห่งสำนักมังกรอาชูร่า เฉียวกังและหลินฟานแห่งสำนักเสือขาว และเว่ยฉิงเชินแห่งสำนักวิหคอสนีบาตจะทำได้เช่นเดียวกัน

“ข้าละอยากจะเห็นเรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้นอีกจริงๆ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ งานประลองสี่สำนักในครั้งนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”

“ดูสิ ในตอนนี้สองอันดับแรกกลายเป็นของสำนักเต่าดำไปแล้ว”

“ในตอนนี้ หลู่ฟางได้กระโดดข้ามขึ้นมาจากอันดับหกกลายเป็นอันดับหนึ่ง หากเป็นแบบนี้ต่อไป งานประลองสี่สำนักในครั้งนี่ ที่หนึ่งต้องเป็นของสำนักเต่าดำแน่ๆ”

“ฮึ่ม มันยังเร็วไปที่จะพูดนะ เป็นไป….”

ก่อนที่รองผอ.คนหนึ่งในสี่สำนักจะได้พูดจบลง เขาก็ได้เห็นอันดับคะแนนเปลี่ยนไปและตะโกนออกมาในทันทีด้วยท่าทางตื่นเต้น “ดูนั่นสิ ฮ่าฮ่าฮ่า เจิ้งยี่ของสำนักข้าพึ่งจะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงไปเหมือนกัน ทำดีมากเลยเจิ้งยี่”

“หึ หลินฟานจากสำนักข้าก็ได้มาหมื่นแต้มคะแนนเหมือนกัน ตอนนี้เขาขึ้นแทนหลู่ฟางไปแล้ว”

“นี่น่าสนใจจริงๆ ตอนนี้สัตว์ประหลาดระดับนายพลชั้นสูงจากห้าเหลือเพียงสองตัวเท่านั้น ดูเหมือนว่าเว่ยฉิงเชินยังมีโอกาสอยู่”

“ยังไงซะ เว่ยฉิงเชินก็มีร่างกระจ่างจิตที่จะบรรลุเป็นระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงเมื่อไหร่ก็ได้”

เว่ยหยวนตี้ได้มองไปที่หน้าจอแสดงอันดับคะแนนด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ “นี่ยังเร็วไปที่จะพูดออกมา ต่อให้ฉิงเชินนั้นจะสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงได้ก็จริง แต่ประเด็นคือเธอจะหามันพบรึเปล่าต่างหาก ผอ.หลิน ข้าพูดถูกไหม”

หลินฉิน ในฐานะที่เป็นผอ.ของสำนักวิหคอสนีบาตนั้นมีท่าทีร้อนรนออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักอื่นสามารถสังหารสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงไปได้ถึงสามตัว

อย่างไรก็ตาม เธอรู้ความสามารถของลูกศิษย์ของเธอเป็นอย่างดี

ถึงแม้เว่ยฉิงเชินนั้นจะสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากเธอนั้นต้องเจอกับสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูง ต่อให้เธอก้าวข้ามไปถึงระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงแล้วก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของเธอเพียงคนเดียวนั้นยังไม่อาจจะโค่นล้มพวกมันได้ เป็นไปได้ว่าเธอเองก็อาจจะหลุดจากอันดับได้ทุกเมื่อ

ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจพูดออกมาด้วยเสียงอันเบา “ข้าก็คิดว่าเป็นเพราะฉิงเชินนั้นยังไม่ได้พบกับสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงเช่นกัน”

ในมิติประลองนั้น หลังจากหลู่ฟางได้ใช้ท่าราชสีห์คำรามฆ่าหมูป่าเขี้ยวดาบได้ในทีเดียวแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ถอนลมหายใจออกมา

หลังจากผ่านไปสักพัก เฉินเฉียงวิ่งมาหาอย่างตื่นเต้นยินดี

“ศิษย์พี่ใหญ่ ยินดีด้วย”

หลังจากหลู่ฟางเหนื่อยหอบอยู่พักใหญ่ เขาก็ได้นำบัตรประจำตัวของตนออกมาและพูดกับเฉินเฉียง “ศิษย์น้อง นำบัตรของเจ้ามาสิ ข้าจะแบ่งคะแนนให้ครึ่งหนึ่ง”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่ ไม่ต้องหรอกน่า”

“หมูป่านั่นตกตายโดยฝีมือของท่าน ข้าแค่ช่วยถ่วงเวลาเล็กน้อยเท่านั้น”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวข้ามีแต้มคะแนนสองหมื่นกว่าแต้ม อย่างน้อยๆนี่ก็น่าจะพอทำให้ข้าติดหนึ่งในสิบได้”

“ห้ะ เจ้ามีแต้มคะแนนสองหมี่นกว่าแต้ม”

หลู่ฟางตกตะลึงและถามออกมา “ศิษย์น้อง คงไม่ใช่ว่าเจ้าได้ฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงตัดหน้าข้าไปหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงได้มีคะแนนมากมายขนาดนี้ได้กัน”

“ขนาดข้ายังต้องฆ่าไอ้หมูนี่ถึงจะมีคะแนนเกินสองหมื่นได้เลย”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้แกร่งขนาดนั้นหรอกน่า ข้าแค่มีโอกาสฆ่าสัตว์ประหลาดระดับกลางพร้อมๆกันเพียงเท่านั้น”

“ศิษย์พี่ใหญ่ งั้นข้าขอซากร่างของหมูป่าเขี้ยวดาบนี่นะ”

หลู่ฟางได้ผายมือให้เฉินเฉียงในทันที “เอาไปเถอะ ข้าเองคงต้องขอพักสักหน่อย การสู้กับมันทำให้ข้าเสียพลังงานไปมากจริงๆ หากว่าไม่ใช่เจ้าละก็ ป่านนี้ข้าคงออกไปจากมิติประลองนี่ไปแล้ว”

เฉินเฉียงได้มองไปที่หลู่ฟางก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้เรายังมีเวลาอีกสามเดือนนา ท่านต้องพยายามต่ออีกหน่อยเพื่อให้สำนักของเรานั้นได้แต้มคะแนนมากๆ”

“ข้าเองมีแก่นคริสตัลอยู่บ้าง ท่านใช้มันฟื้นฟูพลังไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะช่วยอยู่ป้องกันไว้ให้”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้นำแหวนที่เก็บแก่นคริสตัลไว้ร้อยกว่าก้อนส่งให้หลู่ฟางในทันที

หลู่ฟางรับมาโดยไม่มีท่าทางเกรงใจแต่อย่างใด เขานำแก่นคริสตัลออกมาและเริ่มฟื้นฟูพลังเสียตรงนั้น

เฉินเฉียงได้ยื่นมือขวาไปแตะซากร่างหมูป่าเขี้ยวดาบด้วยความคาดหวัง

และเป็นตอนนี้ที่ตาของเขาได้เปล่งประกายออกมา

อย่างที่เขาคิดไว้ ความแข็งแกร่งของหมูป่าเขี้ยวดาบนี้ทำให้เขานั้นยกระดับเคล็ดวิชาเทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐานของเขาขึ้นสู่ระดับสูงแล้ว

นี่คือสิ่งที่เขาตามหามานานแสนนาน

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาอยากได้ทักษะระดับสูงนี้มากจนยินยอมแม้กระทั่งท้าประลองกับศิษย์พี่ใหญ่คนนี้และผลออกมาคือเขาพ่ายแพ้และเสียแต้มคะแนนไปเกือบแสน

นึกไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาตัดใจทักษะระดับนี้หลังจากพ่ายแพ้ต่อศิษย์พี่ของตนไปแล้ว ศิษย์พี่ของเขากลับนำมามอบให้เขาอย่างไม่รู้ตัว

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset