the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่116 วิชา 72 แปลง

ไม่นานก่อนหน้านี้ เริ่นเสี่ยวซู่ยังพยายามปัดการเรียกขานว่าท่านอาจารย์จากเฉินอู๋ตี๋อยู่เลย แต่จู่ๆ ก็แสดงละครสายสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์อย่างเหนียวแน่นโดยฉับพลันเลยเนี่ยนะ

เหยียนลิ่วหยวน หวังฟู่กุ้ย และหมู่คนทั้งหลายมองเริ่นเสี่ยวซู่ที่ควักขวดยาเล็กออกมาด้วยสายตาว่างเปล่า หวังฟู่กุ้ยอ้าปากค้าง ปกติเริ่นเสี่ยวซู่ปฏิบัติกับยานี้เหมือนสมบัติล้ำค่า ตอนนั้นเขาพยายามแทบตาย เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่ยอมลดราคาให้แม้แต่นิดเดียว! แต่ตอนนี้เจ้าเริ่นเสี่ยวซู่กลับควักยาออกมาให้เฉินอู๋ตี๋แบบให้เปล่าไปเลยเสียฉิบ! เริ่นเสี่ยวซู่ยังคือเริ่นเสี่ยวซู่อยู่หรือเปล่าเนี่ย!

มีเพียงแต่เริ่นเสี่ยวซู่ที่รู้ว่า คนที่หลงอยู่ในภาพมายาว่าตัวเองเป็นผู้กล้าปราบมารผดุงความยุติธรรมเช่นเฉินอู๋ตี๋นี่แหละที่จะเป็นอาวุธสุดเทพในการใช้หาเหรียญคำขอบคุณของเขา

ว่าตามตรง ตอนนี้ในสมองของเริ่นเสี่ยวซู่มีแต่เรื่องจะใช้วิธีหาผลประโยชน์จากเฉินอู๋ตี๋ แต่พอเขาเห็นสายตาจริงใจของเฉินอู๋ตี๋แล้ว ก็อดรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อยไม่ได้ เขาถอนหายใจ แล้วหันไปหาหวังฟู่กุ้ย

ก่อนที่สติของหวังฟู่กุ้ยจะกลับเข้าร่าง เขาก็ยินคำของเริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ตือโป๊ยก่าย เอาอาหารให้ศิษย์พี่เจ้าหน่อย”

หวังฟู่กุ้ย “???”

เอ็งก็สติไม่สมประกอบไปกับเขาด้วยเหรอ! ตอนนี้หวังฟู่กุ้ยพลันรู้สึกว่าโลกมันบ้าคลั่งกันไปหมดแล้ว!

แต่ถึงหวังฟู่กุ้ยจะคิดเช่นนั้น เขาก็ยังยื่นวอโถวให้เฉินอู๋ตี๋อยู่ดี

“ขอบคุณท่านอาจารย์!” เฉินอู๋ตี๋รับวอโถวมายัดใส่ปากทันที เขาหิวยิ่งนัก!

“ได้รับเหรียญคำขอบคุณจากเฉินอู๋ตี๋ +1!” คำตัดสินของพระราชวังไม่มีทางพลาดเด็ดขาด นี่เป็นคำขอบคุณจากน้ำใสใจจริง

เริ่นเสี่ยวซู่มองเฉินอู๋ตี๋ที่กำลังสวาปามอาหาร แล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์นี้ไม่เลวเลย

เฉินอู๋ตี๋เงยหน้าขึ้นกล่าว “อาจารย์ ข้ายังหิวอยู่เลย”

เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าศิษย์ผู้นี้นอกจากจะต่อสู้ได้ดีแล้ว ยังกินอาหารได้เก่งอีกด้วย

เขาคิดพักหนึ่งแล้วว่า “ศิษย์ข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าบิณฑบาตคืออะไร”

“ข้ารู้!” เฉินอู๋ตี๋พยักหน้า

“อาจารย์จะชี้สองสามคนให้เจ้า ไปหาพวกเขาเสียแล้วขอให้พวกเขาแบ่งอาหารเจให้พวกเรา” เริ่นเสี่ยวซู่ชี้ไปที่ผู้อพยพหลายคนให้เฉินอู๋ตี๋ คนพวกนั้นล้วนเป็นคนสนิทของหวังอี้เหิงในโรงงานทราย เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจว่าพวกเขาต้องซ่อนอาหารที่ขโมยไปจากผู้หลบหนีคนอื่นๆ แน่

“ได้เลยท่านอาจารย์!” เฉินอู๋ตี๋แบกกระบองทองสารพัดนึกไปหาผู้อพยพพวกนั้น พวกผู้อพยพแถบฉี่ราดกางเกง ตอนนี้หวังอี้เหิงยังร้องโอดโอยที่พื้นอยู่เลย!

นี่เรียกว่าบิณฑบาตตรงไหนวะ ทุกคนปล้นชิงเหมือนกันหมด แต่ทำไมพวกข้าเรียกปล้น ส่วนเอ็งเรียกบิณฑบาตล่ะ!

พวกเขาหันไปมองหวังอี้เหิงแล้วก็ปลงใจว่าจะเอาหารส่วนตัวเองออกมา ตอนที่เฉินอู๋ตี๋กลับมาถึงเริ่นเสี่ยวซู่ ในมือเขาก็มีอาหารเต็มไปหมด อย่างเช่นช็อกโกแลตและแครกเกอร์ เฉินอู๋ตี๋มองเริ่นเสี่ยวซู่ราวกับจะขอคำชื่นชม “ท่านอาจารย์ นี่เป็นของท่านขอรับ”

เริ่นเสี่ยวส่ายหน้า “ในเมื่อเจ้าเป็นคนไปบิณฑบาตมา เจ้าก็เก็บไว้กินเองเถอะ”

พูดตามตรงแล้วเริ่นเสี่ยวซู่กินอาหารของเฉินอู๋ตี๋ไม่ลงเลย ตอนที่บังคับขู่เข็ญให้ผู้อพยพคนอื่นมอบของมา เขาไม่รู้สึกกดดันอะไรแม้แต่นิด แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจทราบได้ เริ่นเสี่ยวซู่คิดจะข่มเหงเฉินอู๋ตี๋ที่สติปัญญาไม่ดีทีไร ก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในพรสวรรค์ของเฉินอู๋ตี๋เองก็ได้

แถมเด็กผู้หญิงจากโรงเรียนมัธยมปลายที่สองแห่งป้อมปราการ 113 ก็ดูชื่นชมเฉินอู๋ตี๋มากด้วย เขาหน้าตาดูหล่อเหลาไม่เลว แถมผดุงความยุติธรรมให้พวกตนอีก นอกจากชุดโรงพยาบาลจิตเวชที่ดูไม่น่าชมแล้ว ที่เหลือก็เหมาะกับการเรียกขานว่าผู้กล้า

เด็กสาวหลายคนเมียงมองเฉินอู๋ตี๋ พวกเธออยู่วัยที่เริ่มเข้าใจความรัก ในช่วงสภาพแวดล้อมอันวุ่นวายจลาจล ผู้ใดสร้างความมั่นคงปลอดภัยได้ ย่อมได้รับการตราตรึงในห้วงจิต

มีแต่สายตาของเจียงอู๋ที่ยังจับจ้องอยู่ที่เริ่นเสี่ยวซู่ เธอพลันรู้สึกว่าแม้ว่าเริ่นเสี่ยวซู่อาจจะไม่ใช่คนดี แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวเช่นกัน

หลังจากเรื่องจบลงไปแล้ว ทุกคนก็กลับมาทำทุกอย่างไปตามปกติ พวกเขาต้องรีบพักผ่อน เตรียมเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้

เริ่นเสี่ยวซู่พบว่ามันแปลกประหลาดอยู่บ้าง ผู้อพยพปล้นชิงของหลายอย่างจากคนในป้อมปราการ ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีใครกล้าต่อต้านเพราะหวังอี้เหิงมีปืนในมือ ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่ตอนนี้หวังอี้เหิงที่เป็นผู้นำของผู้อพยพตายไปแล้ว ปืนก็ตกมาอยู่ในมือของหวังฟู่กุ้ย ตามปกติคนในป้อมปราการต้องล้างแค้นและช่วงชิงข้าวของตนเองกลับมาสิ น่าเศร้าที่เริ่นเสี่ยวซู่พบพวกคนพวกนี้ยังกลัวที่จะสู้รบกับพวกผู้อพยพอยู่เลย

เดิมที กลุ่มของเริ่นเสี่ยวซู่ประกอบกลุ่มห้าคนล้อมกองไฟ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหกคนแล้ว

เฉินอู๋ตี๋กินอาหารเสียงดัง ดูเหมือนสองวันนี้เขาจะหิวโซมากทีเดียว

เริ่นเสี่ยวพลันถามออกมา “ได้ยินมาว่าฉีเทียนต้าเซิ่งมีเคล็ดวิชา 72 แปลง สามารถใช้เส้นขนแปลงกายเป็นลิงทั้งฝูง ในเมื่อนายเป็นฉีเทียนต้าเซิ่ง นายทำได้หรือเปล่าน่ะ”

“ไม่ได้ขอรับ” เฉินอู๋ตี๋รับบกพร่องของตน เขาว่า “อาจเป็นเพราะข้ากลับมาเกิดใหม่ยังไม่นานเท่าไรก็ได้ พลังอื่นๆ จึงยังไม่ปลุกตื่น”

“ก่อนหน้านี้เคยลองหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย

“เคย แต่ไม่ได้ผล” เฉินอู๋ตี๋ตอบอย่างตรงไปตรงมา

เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมองที่หัวของเฉินอู๋ตี๋แล้วพบว่าหย่อมหนึ่งข้างๆ หูขวาไม่มีผมเลย

ดูเหมือนเขาจะเคยทดลองมาก่อนจริงๆ…

ไม่รู้ทำไม เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มรู้สึกว่าพลังพิเศษของทุกคนนั้นมีความเกี่ยวพันถึงพลังจิตใจไม่มากก็น้อย

อย่างเช่นว่า ‘พลังจิตใจ[1]’ ของเขามีจำนวนเท่าไรกันแน่ยังไม่อาจทราบได้

ตัวอย่างเช่นพลังรบร่างแยกเงาของสูเสี่ยนฉู่นั้นเกี่ยวข้องกับพลังจิตใจของเขาโดยตรง

สำหรับเฉินอู๋ตี๋ยิ่งเห็นชัดเข้าไปใหญ่ เขาจิตนาการว่าตัวเองเป็นราชาวานรซุนหงอคง จึงสามารถเสกกระบองทองสารพัดนึกออกมาได้ แถมร่างกายก็อยู่ในภาวะเหนือมนุษย์ขึ้นไปแล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่สงสัยว่าจะมีผู้ป่วยที่มีอาการหลงผิดอื่นอีกไหมที่กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษเหมือนเฉินอู๋ตี๋ แบบนั้นผู้ป่วยที่มีโรคจิตเภทจะไม่น่าเศร้ามากหรือ พวกเขาอาจจะฆ่าตัวเองหลังกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษเพราะอาการหวาดระแวงของตัวเองก็ได้

แหงละ เริ่นเสี่ยวซู่รู้ว่าเรื่องนี้มันออกจะเป็นไปไม่ได้อยู่หน่อยๆ ใช่ว่าผู้ป่วยทางจิตทุกคนจะมีพลังจิตใจที่แข็งแกร่งเสียหน่อย

ระหว่างที่คิดไปเรื่อยอยู่นั้น ก็มีผู้หลบหนีที่เป็นผู้หญิงหลายคนเข้ามาถามเจียงอู๋ว่า “พวกเราขอใช้กองไฟของเธอจุดไฟหน่อยได้ไหม”

เริ่นเสี่ยวซู่หันมามองแล้วเห็นว่าผู้หญิงหลายวัยกำลังเข้าใกล้เจียงอู๋ พวกเธอน่าจะคิดว่าเพราะเจียงอู๋เป็นครูผู้หญิง น่าจะขอยืมจุดไฟง่ายกว่าการเข้าหาเริ่นเสี่ยวซู่ หรือไม่บางที พวกเธออาจจะกลัวว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะขออะไรไม่เหมาะสมเป็นการแลกเปลี่ยนก็ได้

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ชอบใจเลย คิดว่าฉันเป็นใครหา คิดว่าฉันเป็นคนขาดของขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วคุณหญิง คุณอายุอานามปาไปห้าสิบแล้วไหมน่ะ! สายตาระแวดระวังที่มองฉันนั่นมันอะไร!

แต่เจียงอู๋ไม่ตอบรับคำขอทันที เธอหันมาหาเริ่นเสี่ยวซู่แล้วถาม “ฉันขอยืมไฟของคุณมา ถ้าฉันให้ไฟคนอื่นบ้างจะเป็นอะไรไหมคะ”

“เชิญเลย” เริ่นเสี่ยวซู่มองพวกผู้หญิง แม้เขาจะโมโหแต่ไม่ใจแคบ แต่ปฏิกิริยาตอบรับของเจียงอู๋ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

พวกผู้หญิงขอบคุณเริ่นเสี่ยวซู่ปลกๆ พวกเขาใช้ฟืนที่แบกมาจุดไฟ และกลับไปยังที่ที่ของตัวเอง เริ่นเสี่ยวซู่ได้เก็บเกี่ยวเหรียญคำขอบคุณมาอีกสามเหรียญแล้ว

…………….

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset