ตอนที่ 2012 ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้น (6)
อี้หลินหยุดแล้วอยากจะถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงว่าเขาทั้งๆ ที่ฉีซูก็มาช้าเหมือนกัน แต่ว่า…
เมื่อคิดถึงฐานะปัจจุบันของฉีหลิง เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
“พวกเขามาแล้ว…”
ทันใดนั้นฉีซูก็เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นบุรุษหล่อเหลาและสตรีงามบนท้องฟ้า ทั้งคู่ยืนอยู่เคียงข้างกันราวกับคู่รักจากสวรรค์ การคงอยู่ของพวกเขางดงามราวกับภาพวาด
“ท่านแม่ยังไม่มาอีกหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามขณะที่บินลงมาจากท้องฟ้าและมองไปที่ฝูงชน
“อาจารย์มาถึงที่นี่แล้ว นางบอกว่านางจะไปที่เมืองของสำนักอิสระเพียงคนเดียว และขอให้ข้ามาที่นี่เพื่อร่วมกับท่าน”
“ท่านแม่ไปเมืองของสำนักอิสระคนเดียวงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว “ฉีซู ฉีหลิง พวกเราออกเดินทางไปที่เมืองของสำนักอิสระเดี๋ยวนี้!”
ในกลุ่มของอาณาจักรจื่อเยว่มีเด็กสาวในชุดสีแดงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างแม่ทัพอี้หลิน EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq นางต้องเป็นบุตรสาวของเขาแน่นอน
ตั้งแต่วินาทีที่อวิ๋นเซียวปรากฏตัว เด็กสาวก็ไม่ละสายตาไปจากเขาเลย แน่นอนว่าตอนที่อยู่ที่อาณาจักรจื่อเยว่อวิ๋นเซียวสวมหน้ากาก แต่ตอนนี้เมื่อมีอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ได้สวมหน้ากากอีกต่อไป ดังนั้นอี้หลินและบุตรสาวของเขาจึงไม่คิดว่าเขาคือจักรพรรดิปีศาจ
เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงออกคำสั่ง เด็กสาวในชุดสีแดงก็บ่นอย่างไม่พอใจ “ผู้นำของกลุ่มคือองค์ชายรองที่เป็นผู้ปกครองของอาณาจักรทั้งสี่ ตัวเขายังไม่ได้เอ่ยปาก เหตุใดเจ้าถึงมาสั่งพวกเรา ”
อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาเย็นชาและร้ายกาจไปที่เด็กสาวในชุดสีแดง นางไม่ได้พูดอะไรแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางเมืองของสำนักอิสระ
ฉีซูเดินไปหาเด็กสาวในชุดสีแดงแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “โง่เง่านัก!” จากนั้นเขาก็เดินตามอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวในชุดสีแดงหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ แต่ว่าก่อนที่นางจะได้ระบายความโกรธ แม่ทัพอี้หลินก็หยุดนางไว้
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าไม่เห็นหรือว่าองค์ชายรองอาณาจักรเทียนฉีไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่สตรีผู้นั้นออกคำสั่ง สตรีผู้นี้ไม่มีทางใช่คนธรรมดาแน่นอน เจ้าอย่าสร้างปัญหากับนางจะดีกว่า”
อี้เยี่ยนกัดริมฝีปากสีแดงแล้วมองอวิ๋เซียวอย่างหลงใหล
เมื่ออี้หลินสังเกตเห็นสายตาของนางเขาก็หยุดแล้วขมวดคิ้วทันที “เหตุใดพ่อถึงรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ดูคุ้นเคย”
“ท่านพ่อ ท่านรู้จักเขาหรือเจ้าคะ”
“เปล่า แต่พ่อรู้สึกว่าเขาดูคล้ายกับจักรพรรดิปีศาจ พ่อก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่”
จักรพรรดิปีศาจงั้นหรือ
อี้เยี่ยนหัวเราะ “ทุกคนในอาณาจักรจื่อเยว่รู้ดีว่าจักรพรรดิปีศาจหน้าตาอัปลักษณ์! ไม่อย่างนั้น องค์หญิงก็คงไม่หนีออกจากบ้านเพื่อหนีงานแต่งงานกับเขาหรอก จักรพรรดิปีศาจอัปลักษณ์นั่นไม่มีทางเป็นบุรุษหล่อเหลาผู้นี้แน่นอน ท่านต้องจำคนผิดแน่เจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นประกายความสงสัยก็พาดผ่านดวงตาของอี้หลิน ไม่แน่เขาอาจจะจำผิดคนก็ได้ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แม้แต่บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาก็ยังคล้ายคลึงกัน…
ที่หน้าขบวน อวิ๋นเซียวเอามือโอบเอวอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เย็นเยียบ
“สตรีผู้นั้นจ้องข้า”
“หืม” อวิ๋นลั่วเฟิงมองเขาแล้วชะงักไปเพราะคำพูดนี้
“ดังนั้น…” อวิ๋นเซียวดูจริงจัง “ถ้านางยังรอดชีวิตจากสงครามครั้งนี้ ข้าขอควักลูกตานางออกมาได้หรือไม่”
อวิ๋นลั่วเฟิงคุ้นชินกับความกระหายเลือดเป็นครั้งคราวของอวิ๋นเซียวแล้ว แต่คนที่ติดตามนางมาแทบจะล้มลงไปกับพื้น
พี่ชาย ท่านช่วยหยุดพูดเรื่องโหดร้ายแบบนี้ด้วยใบหน้าใสซื่อได้หรือไม่
อีกอย่างท่านอยากควักลูกตานางออกมาแค่เพราะว่านางมองท่านงั้นหรือ
…………………………………..
ตอนที่ 2013 เปิดโปงแผนการ (1)
ตอนนั้นเอง สายตาของทุกคนก็ตกอยู่ที่ทั้งสองด้วยความตะลึงและหวาดหวั่น
อวิ๋นลั่วเฟิงมุ่งหน้าไปที่เมืองของสำนักอิสระราวกับว่านางไม่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเซียว ทุกครั้งที่นางคิดว่าสำนักอิสระปฏิบัติกับมารดานางอย่างเลวร้ายขนาดไหน นางก็อยากสังหาร…
ขณะเดียวกันที่เมืองของสำนักอิสระ
ไป๋หลิงในชุดชาวราวหิมะก็เดินเข้าไปในเมืองช้าๆ นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองเมืองสำนักอิสระที่นางใช้ชีวิตมามากกว่าสิบปีและความคิดของนางก็ตกอยู่ภวังค์…
ตอนนั้นเองก็มีคนกลุ่มหนึ่งสังเกตเห็นไป๋หลิงเข้ามาใกล้แล้วบินลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระบี่นับไม่ถ้วนก็พุ่งมาจ่ออยู่บนคอนาง
“อวิ๋นเยว่ชิง เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ สำนักอิสระช่วยชีวิตเจ้าไว้แต่เจ้ากลับสังหารประมุข ตอนนี้พวกเราจะแก้แค้นให้เขา!”
ไป๋หลิงขมวดคิ้วและกวาดตามองคนพวกนี้อย่างเย็นชา จากนั้นนางก็เปิดปากแล้วพูดออกมาทีละคำ “ข้ามาที่นี่เพราะหลั่งซินเยว่ บอกให้นางออกมา!”
หนึ่งในคนเหล่านี้ตอบรับคำพูดของไป๋หลิงด้วยรอยยิ้มเยาะ “แม่นางหลั่งพูดถูก เจ้าสังหารท่านประมุขและยอดฝีมือหลายคนของสำนักอิสระ ตอนนี้เจ้ายังมาที่นี่เพื่อสังหารผู้รอดชีวิตอย่างแม่นางหลั่งอีก ไป๋หลิง เจ้ามันคนต่ำช้าอกตัญญู!”
ไป๋หลิงไม่คิดจะเสียเวลากับคนพวกนี้แล้วบินขึ้นฟ้าผ่านชั้นกระบี่ไปอย่างรวดเร็ว
“หลั่งซินเยว่ ออกมา!”
เสียงเย็นชาของนางดังขึ้นจากท้องฟ้าแล้วสะท้อนไปในอากาศ
แต่ว่าตอนนั้นเองจู่ๆ ก็มีอัสนีสวรรค์ผ่าลงมาโดนตำหนักที่อยู่ไม่ไกล
ไป๋หลิงหรี่ตาเล็กน้อยแล้วกลั้นหายใจ
“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิ!”
ตอนนี้มีคนกำลังผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนจักรพรรดิงั้นหรือ
หรือว่า…
เมื่อคืดถึงความเป็นไปได้ ไป๋หลิงก็พุ่งไปทางที่อัสนีสวรรค์ผ่าลงมาอย่างรวดเร็ว
อัสนีสวรรค์รุนแรงมากและผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้อัสนีสวรรค์ แม้แต่ตำหนักก็โดนสายฟ้าฟาดเข้าจนพังทลาย สตรีผู้หนึ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของไป๋หลิง
อัสนีสวรรค์หยุดลงแล้ว
หลั่งซินเยว่เบิกตากว้าง นางรู้สึกได้ว่าร่างของนางเต็มไปด้วยพลัง นางมองไป๋หลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้วส่งรอยยิ้มเหยียดหยามไปให้
“อวิ๋นเยว่ชิง ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดไม่ถึงใช่หรือไม่”
นางลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ แล้วเชิดหน้าด้วยท่าทีหยิ่งยโส
รอบตัวนางมีกลุ่มชายชราที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดและเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อพวกเขาเห็นแขกไม่ได้รับเชิญคนนี้ สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“อวิ๋นเยว่ชิง เจ้ากล้ากลับมางั้นหรือ!”
“เจ้าทำตัวไม่เคารพอดีตประมุขแล้วยังพยายามขโมยตราประทับในตอนที่เขายังมีลมหายใจอยู่ จากนั้นเจ้าก็สังหารท่านประมุขเพราะเขารู้ความลับของเจ้า! เจ้ามีจิตใจชั่วร้ายแบบนี้ได้อย่างไร”
“แม้แต่ปีศาจยังไม่เลวทรามเท่าเจ้าเลย! โชคดีที่แม่นางหลั่งผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนจักรพรรดิแล้ว! เจ้าไม่มีทางทำร้ายสำนักอิสระของพวกเราได้อีกต่อไป”
ไป๋หลิงจ้องหน้าหลั่งซินเยว่แล้วฟังคำพูดของชายชราเหล่านี้ นางไม่คิดเลยว่า หลั่งซินเยว่จะหน้าไม่อายขนาดที่พูดให้ร้ายนางลับหลังแบบนี้…
“กลายเป็นว่าหลั่งซินเยว่และโอวเหลยบอกกับพวกเจ้าแบบนี้หรือ” ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับสำนักอิสระ ไป๋หลิงไม่อยากให้คนพวกนี้ถูกหลั่งซินเยว่เอาเปรียบ