Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1921 คมมรรคเก้าชุ่น

ตอนที่ 1921 คมมรรคเก้าชุ่น
“กระบวนท่าที่สอง!”

ร่างของจวนอวี๋เหิงแผ่แสงมรรคสีม่วง เบื้องหน้าเขา ประทับฝ่ามือใหญ่ที่บดบังฟ้าดินก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

แต่ต่างจากกระบวนท่าแรก ในประทับฝ่ามือยักษ์นี้ราวกับรวมวัฏจักรโลกแห่งหนึ่งเอาไว้ ปรากฏพลังแห่งหมื่นลักษณ์สรรพชีวิต

ถึงกับมีเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์อย่างที่สุดลุกโหมอยู่ภายในรางๆ!

เพลิงแห่งศรัทธา!

นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าแรงปรารถนาสรรพชีวิตโคจรถึงขีดสุดแล้ว

ตอนนั้นบนแท่นสักการะที่แหล่งสถานคุนหลุน จวนอวี๋เหิงใช้แรงปรารถนาสรรพชีวิตสักการะเป็นอริยบุคคล เขาซึ่งตอนนี้เป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์ เห็นชัดว่าได้หลอมแรงปรารถนาสรรพชีวิตเข้าไปในเขตแดนมรรคของตนนานแล้ว!

นี่น่ากลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนที่เห็นภาพนี้จากไกลๆ เหิงเซียวเองยังอดหวั่นไหวไม่ได้ จิตใจสั่นไหว

พูดอย่างไม่เกินจริง เพียงแค่แรงปรารถนาสรรพชีวิต ตามหาทั่วทั้งแคว้นเมฆาเกรงว่าคงไม่เจอคนที่สามารถเทียบกับจวนอวี๋เหิงได้!

‘ผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคจักรวาล ราวกับปีศาจในตำนานจริงๆ…’

เหิงเซียวใจสั่นไหว

ตูม!

บนห้วงฟ้า สายฟ้าคำรามหมอกเทพไหลวน กลายเป็นลักษณ์ทำลายล้างครั้งใหญ่ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะอานุภาพฝ่ามือนี้ของจวนอวี๋เหิง

ทั้งบนล่างสำนักยุทธ์เสวียนจีตอนนี้ต่างตื่นตระหนก สายตาไม่รู้เท่าไหร่ต่างสังเกตมาทางนี้

เห็นประทับฝ่ามือที่บดบังฟ้าดินปกคลุมลงมา สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบ พลันสะบัดแขนเสื้อครานหึ่งแล้วดีดนิ้วต่อเนื่อง

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

ปราณกระบี่ไท่เสวียนมากมายโฉบออกมา แหลมคมสะดุดตา ทะยานไปกลางห้วงอากาศ

เสียงกึกก้องดังขึ้น ปราณกระบี่ไท่เสวียนสายแรกระเบิดไป อานุภาพเพียงแค่ทำให้ประทับมือใหญ่นั่นสั่นเล็กน้อยเท่านั้น

จากนั้นปราณกระบี่ไท่เสวียนสายแล้วสายเล่าระเบิดพร้อมเสียงอึงอล กลายเป็นละอองแสงปลิวว่อนทั่วฟ้า เจิดจ้าบาดตา

ประทับฝ่ามือใหญ่นี้ของจวนอวี๋เหิงถึงกับอหังการอย่างที่สุด ใช้เพลิงแห่งศรัทธาและเขตแดนมรรคผสานเข้าไป มีท่วงท่าไร้เทียมทานที่ใครขวางก็ฆ่าสิ้น

ปัง!

ตอนที่ปราณกระบี่ไท่เสวียนสายสุดท้ายระเบิด ฝ่ามือใหญ่นี้ได้ปกคลุมเหนือศีรษะหลินสวินแล้ว สถานการณ์อันตราย

กลับเห็นว่าตอนนี้หลินสวินปล่อยหมัดขึ้นฟ้าโดยไม่มองด้วยซ้ำ

หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!

หมัดนี้ผสานเขตแดนมรรคขั้นสำเร็จส่วนใหญ่ของหลินสวินเข้าไป ทันทีที่ปรากฏราวกับหุบเหวใหญ่กลืนกินฟ้าดิน ปลดปล่อยพลังกลืนกินที่น่ากลัว

ตูม โครม!

พลังหมัดและประทับฝ่ามือปะทะกัน ราวกับโลกเล็กๆ สองโลกชนกัน สาดกระแสพลังอันไร้เทียมทาน

ภูเขาแม่น้ำบริเวณนั้นสั่นไหว ผนึกโบราณมากมายที่กระจายอยู่ในสำนักยุทธ์เสวียนจีล้วนถูกกระตุ้น เกิดพลังป้องกันอันคลุมเครือ

ไม่เช่นนั้นพลังโจมตีระดับนี้ต้องสามารถทำลายล้างภูผาธาราอันศักดิ์สิทธิ์งดงามนี้ได้อย่างแน่นอน!

“นี่…”

“เป็นไปไม่ได้!”

พลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เป็นพวกจื่อเชวี่ย เดิมทีพวกนางไม่เกรงกลัว นิ่งสงบมั่นคง แต่ตอนนี้แต่ละคนกลับเผยความตกใจ รอยยิ้มชะงักค้าง

เพราะในสนามรบ เมื่อพลังหมัดของหลินสวินพวยพุ่งตลบม้วน ประทับฝ่ามือใหญ่ที่เรียกได้ว่าน่าตะลึงของจวนอวี๋เหิงไม่เพียงแค่ถูกสกัดไว้ ยังกำลังถูกบดขยี้ทุบทลายทีละส่วน!

ในประทับฝ่ามือที่ราวกับรวมวัฏจักรเอาไว้ ความปั่นป่วนเกิดขึ้นไม่หยุด แรงปรารถนาสรรพชีวิตมืดทึบ เพลิงแห่งศรัทธาที่กำลังลุกโชนราวกับเจอลมพายุพัดม้วน ดับสลายต่อเนื่อง…

สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงกัมปนาทคราหนึ่ง ประทับฝ่ามือใหญ่นี้พลันแตกซ่าน พลังที่สั่งสมไว้ทั้งหมดถูกพลังหมัดบดขยี้สลายไปโดยพลัน หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ใบหน้าของพวกจื่อเชวี่ยเต็มไปด้วยความตะลึง ชะงักค้าง

กระบวนท่าที่สองนี้เผยให้เห็นรากฐานพลังที่แท้จริงของนายน้อยของพวกนางแล้ว แต่กลับถูกทำลาย!

“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ บุคคลอย่างเจ้าหากอยู่ในแคว้นกลางมรรคจะต้องเป็นที่จับตามองแน่นอน แต่ข้าสงสัยมากว่าเหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยได้ยินชื่อเจ้า”

ตอนนี้จวนอวี๋เหิงเองก็เก็บความโอหังลงแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

เขาตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงแล้วว่า ครั้งนี้เจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างที่สุดคนหนึ่ง!

นี่ทำให้เขาคาดไม่ถึงและประหลาดใจมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เลยว่าแคว้นเมฆามีบุคคลที่พลังต่อสู้พลิกฟ้าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า กระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ในช่วงหลายปีมานี้ไม่มีชื่อจินตู๋อี!

“โลกกว้างใหญ่เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ เรื่องที่เจ้าไม่รู้ยังมีอีกมาก”

หลินสวินพูดสบายๆ “ยังเหลือกระบวนท่าสุดท้าย หากเจ้ายังคงทำอะไรข้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ถึงตาข้าลงมือแล้ว”

ประโยคเดียวทำให้ในใจพวกจื่อเชวี่ยต่างเริ่มเครียดเกร็ง ไม่สามารถนิ่งสงบเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีก

แม้พวกนางเป็นสาวใช้ข้างกายจวนอวี๋เหิง แต่ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์และรากฐานพลังที่เป็นเอกลักษณ์และแข็งแกร่ง หลายปีมานี้ติดตามจวนอวี๋เหิงขึ้นเหนือลงใต้ มีประสบการณ์ความรู้ที่กว้างขวาง เจอผู้กล้าชั้นยอดมาแล้วมากมาย ทำให้สายตาของพวกนางมองคนได้เฉียบขาดอย่างที่สุด

แม้ประลองกันแค่สองครั้ง แต่ก็ทำให้พวกนางตระหนักได้ว่า จินตู๋อีคนนี้จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ด้อยไปกว่านายน้อยอย่างแน่นอน!

จวนอวี๋เหิงหายใจลึกคราหนึ่ง ความเด็ดเดี่ยวแวบผ่านในดวงตา “เช่นนั้นจะให้เจ้าได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของข้าสักหน่อย!”

มือทั้งคู่ของเขาประสานเข้าหากัน ทำมุทราต่อเนื่องกลางอากาศ

ครืน!

ท้องฟ้าที่เดิมแจ่มใสกลับปกคลุมด้วยสีม่วงอันลึกล้ำโหมซัดชั้นหนึ่ง ภูผาธาราสิบทิศล้วนจมสู่ความเงียบอันแปลกประหลาดในตอนนี้

และตรงหน้าจวนอวี๋เหิง กลับมีปราณกระบี่สามชุ่นสายหนึ่งปรากฏขึ้น สะอาดโปร่งแสง สดใสราวกับผ่านการชำระ แต่กลับแผ่ประกายคมที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เมื่อปราณกระบี่สายนี้ปรากฏ อานุภาพแห่งฟ้าดิน ความว่างเปล่าโดยรอบ ภูผาธาราสรรพสิ่ง ล้วนถูกดูดซับผสานเข้าไปในปราณกระบี่

ชิ้ง!

ปราณกระบี่สามชุ่นพลันยาวเพิ่มหนึ่งชุ่น อานุภาพก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่สีม่วงที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้ากลับยิ่งลึกล้ำน่ากลัว

“แย่แล้ว!”

เหิงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ส่งเสียงร้องยาว สั่งการทั้งบนล่างสำนักยุทธ์เสวียนจีไม่ให้เข้าใกล้บริเวณนี้โดยพลการ

ในเวลาเดียวกันเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ ผนึกโบราณในบริเวณนี้ถูกกระตุ้นอย่างสิ้นเชิง โคจรเต็มกำลัง

หลังจากทำทั้งหมดนี้เหิงเซียวถึงค่อยวางใจลง เพราะกระบวนท่าที่สามของจวนอวี๋เหิงยังไม่ทันสำแดงออกมาอย่างแท้จริง ก็ทำให้เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนแล้ว

กระบวนท่านี้จะต้องเป็นไพ่ตายของจวนอวี๋เหิงอย่างไม่ต้องสงสัย น่ากลัวยิ่งยวด

แต่สิ่งที่ทำให้เหิงเซียวหนังหัวชาวาบคือ ทั้งหมดนี้ยังไม่จบ

ชิ้ง!

ปราณกระบี่ที่อยู่ตรงหน้าจวนอวี๋เหิงเหมือนถูกปิดผนึกไว้ และกำลังถูกชักออกทีละชุ่น ณ ตอนนี้ สะท้อนอยู่กลางฟ้าดิน

ทุกครั้งที่ชักออกมาหนึ่งชุ่น อานุภาพของมันก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งช่วง!

จนสุดท้ายฟ้าดินล้วนอับแสง เงาร่างของจวนอวี๋เหิงถูกแสงประกายของปราณกระบี่นั่นท่วมท้น เปลี่ยนเป็นเหมือนภาพมายา

ทุกคนที่เห็นภาพนี้ล้วนจิตใจเจ็บแปลบ วิญญาณแทบแตกสลาย

เพราะกลิ่นอายที่ปราณกระบี่นี้ปลดปล่อยออกมาน่ากลัวเกินไปจริงๆ ราวกับจะเฉือนฟ้าสลายดิน ทำลายทุกสิ่ง

จวบจนกระทั่งปราณกระบี่ควบรวมออกมาถึงเก้าชุ่น

สีหน้าของจวนอวี๋เหิงซีดเซียวเล็กน้อย แต่แววตาเขากลับสว่างโรจน์ดุจดวงอาทิตย์ พูดด้วยเสียงต่ำลึก “กระบวนท่านี้ชื่อว่า ‘คมมรรคเก้าชุ่น’ ยังเป็นการสะท้อนถึงมรรควิถีชั่วชีวิต ฝึกปราณมาถึงตอนนี้เคยใช้เพียงสองครั้ง”

“ครั้งหนึ่งยามอยู่ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นต้น ฆ่าศัตรูในระดับเดียวกันสิบหกคน”

“อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ สังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง”

เสียงพูดเน้นทุกถ้อยคำก้องฟ้า เผยความอหังการและอันตรายยิ่งยวด

“และเจ้า เป็นคู่ต่อสู้คนที่สามที่ทำให้ข้าใช้กระบวนท่านี้”

จวนอวี๋เหิงพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเหิงเซียวเคร่งขรึมอย่างที่สุดแล้ว ในใจหวาดกลัว ข้ามระดับใหญ่สังหารกึ่งจักรพรรดิ!

นี่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยจริงๆ!

พวกจื่อเชวี่ยแต่ละคนเผยสีหน้าคลั่งไคล้ นี่ก็คืออานุภาพของนายน้อยของพวกนาง แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้พวกนางทำตามคำสั่งเขาด้วยความเต็มใจ

มีเพียงหลินสวินที่ส่ายหน้าในขณะนี้ ยิ้มเอ่ยว่า “ข้ารู้เพียงว่า เรื่องใดๆ ไม่ควรกระทำเกินสามครั้ง และกระบวนท่านี้ของเจ้าก็เป็นเช่นนั้น”

ความจริงในใจเขาเองก็รู้สึกตกตะลึง ได้กลิ่นอันตรายอย่างหนึ่ง

อานุภาพของกระบวนท่านี้ถึงขั้นกระตุ้นให้พลังขับเคลื่อนในร่างเขาโคจรโดยสมบูรณ์ จิตต่อสู้ทั้งร่างล้วนถูกจุดประกาย

จวนอวี๋เหิงไม่พูดอะไรมากอีก พลันสะบัดแขนเสื้อ

ฟุ่บ!

คมมรรคเก้าชุ่นที่ควบรวมอยู่ตรงหน้าเขาพุ่งโฉบโดยพลัน

การฟันที่เรียบง่าย ทุกที่ที่กวาดผ่านฟ้าดินราวกับผืนผ้า ถูกกรีดออกเป็นรอยน่าหวั่นหวาดอย่างไร้สุ้มเสียง

บุคคลระดับเจ้าสำนักอย่างเหิงเซียว เบื้องหน้าสายตายังรู้สึกเจ็บแปลบ

พวกจื่อเชวี่ยยิ่งลืมตาไม่ขึ้น จิตรับรู้ที่แผ่ออกมารู้สึกประหนึ่งถูกฉีกทึ้ง

กระบี่นี้คือการรวมอานุภาพแห่งความว่างเปล่าโดยรอบหลอมเข้าไปในคมมรรคเก้าชุ่น ดูเหมือนธรรมดา ความจริงภายในสั่งสมความน่าสะพรึง!

แทบจะในเวลาเดียวกันหลินสวินก็ลงมือเช่นกัน ในจุดชีพจรของร่างกาย ปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาราวกับกระแสเชี่ยวกราก

หนาแน่นดุจพายุฝนรุนแรง ปกคลุมฟ้าดิน ตัดสลับทับซ้อน ถึงขั้นกลายเป็นเตาหลอมกระบี่ที่ราวกับจะกลืนกินจักรวาลอยู่รางๆ!

ฝนกระบี่สิบทิศกลายเป็นเตาหลอม มีทั้งอานุภาพแห่งคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน และมีความมหัศจรรย์แห่งเขตแดนมรรคขั้นสำเร็จส่วนใหญ่!

ชั่วพริบตาปราณกระบี่เก้าชุ่นถูกเตาหลอมกระบี่ปกคลุม กลืนกินเข้าไปภายใน พลันได้ยินเสียงพุ่งชนเคร้งๆๆ ที่ประหนึ่งเสียงฟ้าร้องดังก้องกระหึ่มระลอกหนึ่ง

พวกจื่อเชวี่ยจิตใจปั่นป่วน ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด

เหิงเซียวเองยังต้องสูดหายใจลึกคราหนึ่ง โคจรแห่งตนกว่าจะสลายคลื่นพลังอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นตอนทั้งคู่ปะทะกันได้

ก็เห็นบนท้องฟ้า เตาหลอมกระบี่โหมซัด ปราณกระบี่แน่นขนัดที่โคจรอยู่ภายในโรมรันอยู่กับปราณกระบี่เก้าชุ่นนั่น ต่างฝ่ายต่างโจมตี ปราณกระบี่ซัดสาดแผ่พุ่งออกมา

ภาพเหตุการณ์นั้นน่ากลัวเกินไป!

ตอนนี้หากมีคนนอกสอดมือเข้าไป จะต้องพบกับจุดจบร้ายแรงที่ไม่อาจจินตนาการได้เป็นแน่ เบาหน่อยก็บาดเจ็บหนักเจียนตาย หนักหน่อยก็จิตวิญญาณสูญสลาย

ในการปะทะรุนแรง ปราณกระบี่เก้าชุ่นค่อยๆ อับแสงลง เปลี่ยนเป็นพร่าเลือนขึ้นมา

แต่ในขณะเดียวกัน ปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนที่แปลงมาจากเตาหลอมกระบี่ก็ถูกบดขยี้ไปไม่รู้เท่าไหร่ เตากระบี่ส่ายไหวรุนแรง แทบจะพังทลาย

สุดท้ายเตาหลอมกระบี่ระเบิดออกกะทันหัน กลายเป็นละอองแสงทั่วฟ้าแผ่กระจายออกไป

แต่ยังไม่รอจวนอวี๋เหิงดีใจ ปราณกระบี่เก้าชุ่นของเขาเองก็พังทลายไปด้วย สลายไปในกระแสพลังที่โหมซัด

พริบตานั้นจวนอวี๋เหิงนัยน์ตาหดรัด มือเท้าเย็นเยียบ อึ้งงันอยู่กับที่

คมมรรคเก้าชุ่น!

การสำแดงถึงมรรควิถีทั้งชีวิตของเขาอย่างถึงที่สุด เคยทำให้เขาสร้างผลงานรบอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ข้ามระดับสังหารกึ่งจักรพรรดิ ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักชมไม่ขาดปาก

แต่ตอนนี้ยอดวิชาที่เขาย่ามใจที่สุด มั่นใจที่สุด ภาคภูมิใจที่สุด กลับถูกคนสกัดเอาไว้ได้!

และคู่ต่อสู้คือคนในระดับเดียวกันที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ!

ทั้งหมดนี้ราวกับการโจมตีรุนแรง ทำเอาจวนอวี๋เหิงเองยังเกิดความรู้สึกยากจะเชื่อ ในหัวมีเสียงดังหึ่งๆ ปั่นป่วน

ไม่นานฝุ่นควันกระจายตัวออก ปราณกระบี่สลายสิ้น

ตอนที่สายตาและจิตรับรู้ของพวกจื่อเชวี่ยกลับมาชัดเจน พอเห็นหลินสวินที่ยืนอยู่บนชั้นเมฆ ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นตัวเป็นๆ ร่างกายไม่มีบาดแผลสักนิด แต่ละคนต่างเบิกตาโพลง

นี่…

เป็นไปได้อย่างไร!?

……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset