ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน – ตอนที่ 77 เลี้ยงข้าว

บทที่ 77 เลี้ยงข้าว

ประเด็นคือนางมีปมในใจลึก ๆ เพราะแม่เฒ่าจาง ถ้าแม่โจวหรือแม่เถากล้าเอาของให้คนอื่นโดยพลการ แม่เฒ่าจางต้องโวยวายแน่ ๆ

ต่อให้แม่สามีคนอื่นไม่ดีกับลูกสะใภ้นัก แต่ก็มีส่วนน้อยที่เข้มงวดขนาดแม่เฒ่าจาง

เมื่อจางซิ่วเอ๋อกลับถึงบ้านก็ไปตุ๋นถั่วฝักยาว แล้วก็ผัดเห็ด บวกกับผัดผักป่า กินกับหมั่นโถว ถือว่าโอชะอยู่

ท่านหมอเมิ่งเห็นเห็ดแล้วอึ้งนิดหน่อย “เห็ดพวกนี้บางชนิดมีพิษนะ คนทั่วไปแยกไม่ได้หรอก!”

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้สึกถึงความชื่นชมในน้ำเสียงของท่านหมอเมิ่ง นึกว่าเขาไม่กล้ากินจึงรีบบอก “ของพวกนี้ไม่มีพิษหรอกเจ้าค่ะ”

ท่านหมอเมิ่งกินไปคำหนึ่งทั้งรอยยิ้มแล้ว เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าเองก็รู้จักเห็ด แต่ทุกครั้งที่ขึ้นเขาก็เพื่อหายาทั้งนั้น น้อยครั้งนักที่จะเอามากิน”

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็เบาใจลง ท่านหมอเมิ่งเป็นหมอนะ ของบนเขานี้ชนิดไหนมีพิษชนิดไหนไม่มีพิษ เขาจะแยกไม่ออกได้อย่างไรกัน ตัวเองนี่คิดมากไปจริง ๆ

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงข้าวท่านหมอเมิ่งที่บ้าน

พูดถึงแค่แม่หลิน ข้าวเที่ยงยังไม่กินก็วิ่งไปที่ต้นหวายฉู่

แม่ม่ายหลิวแทบจะอยู่ที่นั่นทุกครั้งที่ว่าง พิงต้นไม้อ่อยคนอื่นทุกวัน ถ้าเป็นปกติแม่หลินจะเกลียดแม่ม่ายหลิวมาก แต่วันนี้เมื่อแม่หลินเห็นแม่ม่ายหลิวยืนพิงต้นไม้ในชุดกระโปรงยาวพร้อมเสื้อนอกสีแดง นางก็เดินเข้าไปอย่างฉับไวอย่างกับเห็นคนในครอบครัว

แม่ม่ายหลิวตกใจนิดหน่อย แม่หลินมาหานางทำไม? นางไม่ได้ทำอะไรให้แม่หลินเลยนะ…..

หรือว่าแม่หลินรู้เรื่องคราวก่อนที่สวี่อวิ๋นซานเดินผ่านทางนี้แล้วนางส่งสายตาทอดสะพานให้สวี่อวิ๋นซานกัน?

พอคิดมาถึงตรงนี้แม่ม่ายหลิวก็ยืนหลังตรงวางท่า ถ้าแม่หลินจะมาหาเรื่องทะเลาะนางก็ไม่กลัว!

แต่ใครจะรู้ แม่หลินยังไม่ถึงตัวนางก็เรียกอย่างสนิทสนมเสียแล้ว “น้องหลิว!”

แม่ม่ายหลิวหน้าเสีย เรียกกันเสียสนิทเชียว แต่แม่ม่ายหลิวได้ยินแล้วไม่ดีใจหรอกนะ นางยังสาวอยู่ ถ้าแม่หลินเรียกน้องก็เหมือนกับว่านางแก่น่ะสิ

นางจึงส่งยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มกลับ “โอ๊ย ที่แท้ก็คนบ้านหลินนี่เอง”

แม่หลินยิ้มและเข้ามาใกล้ ราวกับไม่รู้สึกถึงท่าทางห่างเหินของแม่ม่ายหลิว “น้องหลิว เจ้าทำอะไรอยู่เหรอ?”

แม่ม่ายหลิวนึกในใจ วันนี้ท่าทางของแม่หลินต่างกับปกติมาก นี่ถ้าเป็นปกติ แม่หลินไม่อยากมองนางด้วยซ้ำ

ไม่ทันที่แม่ม่ายหลิวได้ถามสิ่งที่ตัวเองกังขาออกไป แม่หลินก็พูดต่อ “น้องหลิว พวกเราเป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านมาก็หลายปีแล้ว พี่สาวอย่างข้าเป็นห่วงเจ้าจากใจจริง แต่ข้าเป็นคนโง่ไม่รู้จักพูดจา ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไร เจ้าอย่าถือสานะ”

แม่ม่ายหลิวมองแม่หลินอย่างระแวง ไม่รู้ว่าแม่หลินเป็นอะไรไป คงไม่ได้โดนผีสิงหรอกใช่ไหม?

แม่หลินชะงักนิดหน่อย ก่อนจะบอกด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ “วันนี้พี่สาวเห็นบางอย่าง เลยคิดในใจว่าถ้าไม่บอกเจ้าคงรู้สึกผิดต่อเจ้า”

แม่ม่ายหลิวถามอย่างสงสัย “เรื่องอะไร?”

แม่หลินกดเสียงให้แผ่ว “พี่บอกเจ้าแล้วเจ้าอย่าไปบอกคนอื่นนะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของจางซิ่วเอ๋อ ถ้าใครรู้เข้าแล้วแพร่งพรายออกไป ทุกคนต้องคิดว่าข้าตั้งใจทำลายชื่อเสียงนางแน่ ๆ”

แม่ม่ายหลิวกวาดตามองแม่หลิน “เรื่องของจางซิ่วเอ๋อเกี่ยวอะไรกับข้า? ทำไมต้องบอกข้าล่ะ?”

แม่หลินมองซ้ายขวาอย่างมีลับลมคมใน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “เมื่อก่อนจางซิ่วเอ๋ออาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า แต่ตอนนี้เกี่ยวแน่ พี่สาวรู้ว่าในใจเจ้าหมายตาท่านหมอเมิ่งมาตลอด พวกเจ้าสองคนอายุพอ ๆ กัน ที่จริงก็เหมาะสมกันอยู่ แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อน่าจะมีอะไรบางอย่างกับท่านหมอเมิ่งไปแล้ว…..”

แม่หลินพูดรวดเดียวจบ แม่ม่ายหลิวตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ นาทีนี้แม่ม่ายหลิวกำลังอึ้งกับเรื่องที่แม่หลินเล่า จึงไม่ทันระแวงว่าแม่หลินวางแผนหลอกอะไรตนหรือไม่

นางถามอย่างร้อนใจ “เจ้าเห็นอะไรบ้าง อย่าเที่ยวพูดเหลวไหลนะ พี่เมิ่งเป็นคนอย่างไรเรารู้ ๆ กันอยู่ จะโดนจางซิ่วเอ๋อตกไปได้อย่างไร?”

“เจ้าไม่รู้ วันนี้ลูกวัวบ้านข้าวิ่งเข้าไปในป่ารอบบ้านผีสิง ตอนข้าไปหาลูกวัวก็เห็นท่านหมอเมิ่งให้ตำลึงกำนึงกับจางซิ่วเอ๋อ แล้วจางซิ่วเอ๋อก็พาท่านหมอเมิ่งเข้าไปในบ้านผีสิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม” แม่หลินพูดเสียงเบา อย่างกับกลัวใครได้ยิน

ที่จริงแม่หลินอยากให้ทุกคนรู้จะตาย แต่นางเพียงอยากให้คนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้จากปากแม่ม่ายหลิว แม่ม่ายหลิวเป็นพวกปากไม่มีหูรูด แถมยังเกี่ยวข้องกับผู้ชายหลายคน ถ้าแม่ม่ายหลิวรู้เรื่องนี้ ไม่นานคนทั้งหมู่บ้านก็จะรู้หมด

“อะไรนะ? พี่เมิ่งให้ตำลึงกับจางซิ่วเอ๋อเหรอ?” แม่ม่ายหลิวยืนตัวตรงด้วยสีหน้าตะลึงและโกรธเกรี้ยว

ครั้งนี้นางเชื่อที่แม่หลินพูดแล้ว ไม่มีเหตุผลอื่น แต่ครั้งที่แล้วนางเห็นกับตาว่าท่านหมอเมิ่งไปช่วยรักษาจางชุนเถาที่บ้านผีสิง

ท่านหมอเมิ่งไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับสองพี่น้องนี้ และรู้ว่าสองพี่น้องไม่มีเงินอะไร ทำไมต้องเสี่ยงอันตรายไปที่นั่นด้วยล่ะ ไม่แน่นะสองคนนี้อาจจะมีอะไรมานานแล้วก็ได้

แม่ม่ายหลิวหน้าดำคร่ำเครียด สีหน้ามืดครึ้มลงเรื่อย ๆ

แม่หลินเหลือบมองแม่ม่ายหลิวพลางพูดด้วยสีหน้าปวดใจ “น้องสาวเอ๋ย ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว เจ้าลองชั่งน้ำหนักเอาเองแล้วกันนะ จางซิ่วเอ๋อนั่นสวยสู้เจ้าไม่ได้ แต่มีดีที่ความสาว ถ้าท่านหมอเมิ่งชอบจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ ไม่แน่นะว่าสองคนนี้จะเปิดเผยเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าไม่มียาเสียใจให้กินหรอกนะ”

นาทีนั้นแม่ม่ายหลิวเงยหน้า จ้องแม่หลินและถาม “ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”

แม่หลินชี้ไปทางบ้านผีสิง “ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปรอดูแถว ๆ นั้นเอา ดูว่าอีกสักพักท่านนหมอเมิ่งจะออกมาจากข้างในไหม!”

“แถวนั้นน่ะคนในครอบครัวจางซิ่วเอ๋อเองยังไม่กล้าไป ท่านหมอเมิ่งไปแบบนี้ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรใครจะเชื่อ อีกอย่าง เจ้าดูจางซิ่วเอ๋อสิ ปากบอกตัวเองติดเงินท่านหมอเมิ่ง แต่ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งกลับเป็นฝ่ายให้ตำลึงกับนาง เจ้าลองคิดดูดี ๆ ว่าเดี๋ยวนี้เสื้อผ้าหน้าผมจางซิ่วเอ๋อต่างจากเมื่อก่อนมากหรือเปล่า ข้าว่านะ ต้องมีคนให้เงินนางใช้แน่นอน”

แม่หลินพูดแทงใจดำแม่ม่ายหลิว ทำให้แม่ม่ายหลิวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล สุดท้ายก็มุ่งหน้าไปทางบ้านผีสิง

ตอนแรกนางคิดจะบุกเข้าไปในบ้านผีสิงให้เห็นกับตาตัวเอง แต่พอมาถึงตรงหน้าแล้วเกิดกลัว ได้แต่หลบอยู่หลังโพรงหญ้าด้านข้าง อยากดูให้เห็นกับตาว่าท่านหมอเมิ่งจะออกจากบ้านผีสิงหรือไม่

……………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน
Status: Ongoing
จางซิ่วเอ๋อหญิงสาวชะตาขาดจากอุบัติเหตุทางลิฟต์ได้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุคโบราณที่มีชื่อเดียวกัน แต่ดันเป็นสตรีอาภัพผู้มีดวงกินคู่ ทำเจ้าบ่าวสิ้นชีพกลางพิธีวิวาห์เสียนี่! ช่างน่ารันทดอะไรเช่นนี้?​ ไม่เป็นไร…​ถึงถูกตราหน้าว่าเป็นแม่ม่ายผัวตาย​ เธอก็จะขอใช้ร่างนี้ทำสวนทำไร่​ สร้างเกียรติศักดิ์ศรีของตนขึ้นมาเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset