บทที่ 86 ความจริง
ต่อมาแม่เฒ่าจางกับจางอวี่หมินพูดอะไรกันบ้าง จางต้าหูก็ไม่รับรู้แล้ว
เขายืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
นี่เขาเข้าใจแม่โจวผิดไปจริง ๆ หรือนี่?
ผ่านไปสักพักแม่เฒ่าจางจึงผลักประตูออกมา เห็นจางต้าหูยืนอยู่ตรงนั้น นางก็แค่นเสียง “แม่โจวล่ะ? นังชั่วนั่นทำไมยังไม่กลับมาอีก?”
“วันนี้นางไม่กลับมาแล้วขอรับ” จางต้าหูเอ่ยเสียงอึมครึม
แม่เฒ่าจางโมโหขึ้นมาทันที “เจ้ามันไร้น้ำยา! เมียตัวเองก็พากลับมาไม่ได้เหรอ? ข้าว่าเจ้าตั้งใจปกป้องแม่โจวกับตัวขาดทุนสามตัวนั่นเสียมากกว่า!”
ทันใดนั้น จางต้าหูก็รู้สึกผิดหวังจนถึงขีดสุด ความผิดของอวี่หมินแท้ ๆ ทำไมแม่ถึงยังด่าแม่โจวได้อย่างไม่อายปากขนาดนี้?
เขาพูดเสียงขรึม “ท่านแม่ ข้ารู้หมดแล้ว ที่ท่านกับอวี่หมินพูดกันเมื่อครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว”
เสียงด่าของแม่เฒ่าจางชะงักไป นางหน้าเสีย “เจ้าตามข้าเข้ามาในห้อง!”
พอเข้ามาในห้อง แม่เฒ่าจางก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทาง “ต้าหู ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ต้องให้เจ้ากับแม่โจวลำบาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ น้องสาวเจ้าอายุยังน้อยไม่รู้เรื่องถึงได้แอบกินเนื้อ พี่สามกับพี่สะใภ้สามของเจ้าไม่ยอม ถ้าเรื่องนี้ไม่มีคนรับผิด พวกเขาไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่ ถ้าเรื่องที่น้องสาวเจ้าเป็นคนกินแพร่ออกไป น้องสาวเจ้าจะแต่งงานได้อย่างไร?”
ในตอนนี้จางอวี่หมินเองก็มีท่าทางลนลาน “พี่สี่ ข้ารู้ว่าพี่ใจดีกับข้าที่สุดแล้ว ข้าผิดไปแล้ว พี่อย่าบอกใครได้ไหมเจ้าคะ?”
จางต้าหูมองแม่และน้องสาวตัวเอง จางต้าหูขยับปากแต่พูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็เลือกที่จะยอม
เขาพูดเสียงต่ำ “ข้าไม่บอกใครหรอก”
“กับแม่โจวเจ้าก็ห้ามบอก!” แม่เฒ่าจางได้ทีพูดอีก
จางต้าหูมองแม่เฒ่าจางเงียบ ๆ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้น “ข้าไม่บอกหรอกขอรับ แต่เหมยจื่อไม่ได้เอาเนื้อไปจริง ๆ เรื่องนี้ทำเป็นพิธีก็พอ ท่านเองก็ด่าน้อย ๆ หน่อย เหมยจื่อกำลังท้องกำลังไส้”
“ข้ารู้แล้วน่า!” แม่เฒ่าจางพูดอย่างรำคาญ
ถ้าวันนี้จางต้าหูไม่มาได้ยินเข้า นางคงไม่แสดงท่าทางแบบนี้หรอก ตอนนี้นางเริ่มรำคาญแล้ว ได้ยินจางต้าหูเข้าข้างแม่โจวก็ยิ่งทนไม่ไหว
แต่แม่เฒ่าจางพูดได้ไม่เต็มปากนัก จึงไม่แข็งข้อ แต่รับปากส่ง ๆ แทน
“จริงสิ วันนี้แม่โจวไม่กลับมาแล้วจริง ๆ เหรอ?” แม่เฒ่าจางเพิ่งนึกเรื่องนี้ได้ จึงขมวดคิ้วถาม
“วันนี้เหมยจื่ออยู่ดูแลชุนเถา ไม่กลับมาแล้ว” จางต้าหูบอก
จางต้าหูคิดว่าพรุ่งนี้แม่โจวก็น่าจะกลับมา ส่วนที่แม่โจวพูดไว้ เขาคิดว่าแม่โจวแค่พูดเพราะโมโหเท่านั้น
แม่เฒ่าจางอยากจะด่าอีก แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่บ่นเบา ๆ “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เช้านางจะกลับมาทำข้าวเช้าได้รึเปล่า”
ขณะนั้นจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถากำลังช่วยกันเก็บกวาดบ้าน
จานแตกไป 8 ใบ จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วเสียดายสุด ๆ แต่ก็ใช่ว่านางไม่มีเงินชดใช้ เวลานี้จึงไม่ได้กังวลนัก แค่รู้สึกอัดอั้นตันใจเท่านั้น
หลังจางซิ่วเอ๋อเก็บกวาดบ้านเสร็จแล้ว จางซานหยายังกอดขาหมูไว้ไม่ปล่อย
จางซิ่วเอ๋อจึงพูดอย่างเป็นห่วงและสงสาร “ซานหยา มานี่มา เอาขาหมูให้พี่ เดี๋ยวพี่ไปต้มข้าวต้ม ก่อนนอนเจ้ากินอีกหน่อยนะ”
ที่จริงเมื่อครู่นี้พวกนางกินกันอิ่มแล้ว แต่เพราะจางต้าหูมาป่วน ก็ทำให้รู้สึกไม่อิ่มหนำเท่าที่ควร จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าจะต้มข้าวต้มกินด้วย
จางซานหยาจึงยอมยื่นขาหมูในมือให้จางซิ่วเอ๋อ แต่ท่าทางเชื่องช้ากว่าปกติไม่น้อย
จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วก็ปวดใจ จึงต้มน้ำให้จางซานหยาอาบน้ำก่อน แล้วซักเสื้อของจางซานหยาจนสะอาด โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ตากไว้ข้างนอกคืนเดียว พรุ่งนี้ก็แห้งแล้ว
หลังจากที่เก็บกวาดจนเสร็จเรียบร้อย จางซิ่วเอ๋อก็พาทุกคนเข้าไปในตัวบ้าน
ตอนนี้นางเห็นว่าแม่โจวยังน้ำตาไหลอยู่ จึงเอ่ยเสียงนุ่ม “ท่านแม่ เลิกร้องไห้เถอะนะเจ้าคะ ท่านดูเสียหน่อยเถอะว่าซานหยาเป็นอะไรไป?”
แม่โจวได้ยินก็รีบหันไปมองซานหยา
ซานหยากำลังขดตัวอยู่ที่มุมเตียง ไม่ส่งเสียงใด ๆ เห็นแล้วน่าเป็นห่วงโดยแท้
อย่างไรเสียนางก็เป็นห่วงลูกสาวตัวเอง เวลานี้จึงไม่มัวมาเสียใจกับเรื่องของตัวเองแล้ว นางเช็ดน้ำตาแล้วขึ้นเตียงกอดจางซานหยาไว้ในอ้อมอก “ซานหยา ไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่”
จางซานหยาปล่อยโฮออกมาทันใด พอนางร้องไห้ ทุกคนก็ใจคอไม่ดีกันหมด
จางซานหยาพูดตะกุกตะกัก “เนื้อยังกินไม่หมดตั้งเยอะ ฮือ…..ทั้งชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย….ทำไมพ่อต้องล้มโต๊ะด้วย?”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็ลูบหัวจางซานหยา และปลอบเสียงอ่อนโยน “ซานหยาไม่ต้องเสียใจนะ เจ้าเพิ่งกี่ขวบเอง ยังนับเป็นทั้งชีวิตไม่ได้หรอก พี่รับรองว่าวันหน้าจะให้เจ้าได้กินของที่อร่อยกว่านี้อีก”
จางซานหยาร้องไห้สะอึกสะอื้น ในที่สุดก็ได้สติกลับมา
เมื่อครู่นี้นางคงจะเสียขวัญเพราะจางต้าหู บวกกับเสียดายอาหารพวกนั้น จึงสติหลุดไป
จางชุนเถาก็ปาดน้ำตา
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมา ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “ท่านแม่ พรุ่งนี้เรากลับไปเยี่ยมท่านตากับท่านยายกัน! ส่วนพ่อข้า แม่ไม่ต้องสนใจหรอก อย่างไรเสียถึงแม่ไม่กลับไปพ่อก็ไม่อดตายหรอก!”
แม่โจวกลับมีสีหน้าลำบากใจ จางซิ่วเอ๋อจึงนึกว่าแม่โจวกลัวแม่เฒ่าจาง
“แม่ไม่ต้องกลัวย่า ครั้งนี้พวกเราไม่ผิด ทำไมต้องยอมรับผิดด้วย? อีกอย่าง แม่จะกลับบ้านตัวเองแท้ ๆ พวกเขาจะไม่ให้หรืออย่างไร?” จางซิ่วเอ๋อบอกเสียงอ่อนโยน
ชุนเถาที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น “พี่….ที่ท่านแม่ไม่อยากไปบ้านยายไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เพราะท่านป้าใหญ่”
พูดมาถึงตรงนี้ ชุนเถาชะงัก พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ช่วงที่พี่แต่งงาน แม่บอกว่าจะกลับบ้านท่านยาย แต่ยังไม่ทันได้เข้าหมู่บ้านก็เจอท่านป้าใหญ่ก่อน ท่านป้าใหญ่บอกจะหางานให้แม่ทำ ท่านแม่ก็ไป! ที่น่าโมโหที่สุดคือเงินที่ได้มาท่านแม่ไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำ! นับดูแล้ว ท่านแม่เราไม่ได้กลับบ้านตั้ง 5 ปี! ถ้าไม่เอาของฝากกลับไปด้วย คนอย่างท่านป้าใหญ่ไม่ให้ท่านแม่เข้าบ้านแน่ ๆ”
จางซิ่วเอ๋อไตร่ตรอง คลำหยิบถุงเงินออกจากใต้หมอน และล้วงตำลึงกำนึงออกมา นับดูแล้วประมาณ 5 ตำลึงเงิน
แม่โจวมองตำลึงเงินในมือตัวเองด้วยความทึ่ง นางไม่เคยได้จับตำลึงมากขนาดนี้มาก่อน จนมือนางถึงกับสั่นเล็กน้อย
“ซิ่วเอ๋อ ไม่ได้นะ…..” แม่โจวจะปฏิเสธ
จางชุนเถาที่ไม่ยอมใช้เงินมาตลอดกลับพูดขึ้นในตอนนี้ “ท่านแม่ ท่านไม่ได้กลับไปตั้งหลายปี ซื้อของกลับไปบ้างก็สมควรแล้ว อีกอย่าง ท่านป้าใหญ่เป็นคนอย่างไรแม่ก็รู้ ถ้าเรามัวแต่งกนางไม่ยอมให้เราเข้าบ้านแน่ ไม่รู้ว่าจะไปแขวะท่านตากับท่านยายอย่างไรบ้าง!”
แม่โจวลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “แต่ข้าเอาตำลึงของพวกเจ้าไป พวกเจ้าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร? ครั้งก่อนข้าได้ยินพี่เจ้าบอกว่าพวกเจ้ายังติดเงินท่านหมอเมิ่งอยู่เลย”
“ท่านแม่ ท่านร้อนใจจนสับสนไปแล้วหรือ? ครั้งก่อนก็บอกแม่แล้วไงว่าชุนเถาไม่ได้เสียค่าหมอ 10 ตำลึงให้ท่านหมอเมิ่ง ส่วนที่โดนแม่หลินผลักตกเขาก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่ข้าพูด ในมือข้ายังมีเงินเหลืออยู่ เงินนี่แม่เอาไปใช้เถอะ” จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ
จางชุนเถาก็ช่วยพูด “ท่านแม่ ท่านยังไม่เชื่อในตัวเราสองพี่น้องอีกเหรอ? ท่านน่ะใช้ไปเถอะ นี่เป็นเงินที่พวกเราให้ด้วยความกตัญญู อีกหน่อยเราจะตอบแทนแม่ให้ยิ่งกว่านี้อีก ให้คนในหมู่บ้านกับคนในบ้านเราดูให้ดี แล้วดูซิว่าจะมีใครกล้าพูดว่าลูกสาวเป็นตัวขาดทุนอีกไหม!”
……………………………………………