บทที่ 107 เรื่องตลก
จากนั้นนางก็รู้สึกตัว เมื่อครู่นี้เขาพูดว่าอะไรนะ พ่อของเขากำลังจับผี?
พ่อของเขาคงไม่ใช่คนที่กระโดดผีเข้าผีออกอยู่ใช่ไหม?
จางซิ่วเอ๋อมองหูครึ่งเซียน
ขณะนั้น หูครึ่งเซียนหยิบดาบไม้ท้อออกมา กวัดแกว่งร่ายรำใส่จางซิ่วเอ๋อ
หากจะบอกว่าจางซิ่วเอ๋อแค่ฉุนที่หูครึ่งเซียนสั่นกระดิ่งทำเสียงหนวกหูละก็ เช่นนั้นพฤติกรรมตอนนี้ของหูครึ่งเซียนก็เรียกได้ว่าบันดาลโทสะจางซิ่วเอ๋อแล้ว
จางซิ่วเอ๋อถอยหลบไปข้างหลัง
ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไร นึกในใจว่าหรือเป็นพิธีไล่ผีอะไรที่หมู่บ้านจัด ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อให้นางไม่พอใจก็ต้องทนหน่อย
อย่างไรเสียคนในหมู่บ้านนี้ก็โง่เขลากันสุด ๆ
จะว่าไปตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่พวกอเทวนิยมแล้ว เพราะการที่นางข้ามมิติมานั้นเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้
แต่จางซิ่วเอ๋อเพียงมองหูครึ่งเซียนผ่าน ๆ ก็รู้ว่าหูครึ่งเซียนไม่ใช่คนมีวิชาจริง ๆ
ไม่ใช่ว่าจางซิ่วเอ๋อดูถูกคนหรอก แต่คนที่มีวิชาจริงจะกระโดดขึ้นกระโดดลงอย่างกับม้าทรงสันนิบาตกินเหมือนหูครึ่งเซียนได้อย่างไร?
ทำแบบนี้ก็หลอกได้แค่ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้นแหละ
“ครึ่งเซียน! ท่านรีบกำจัดผีบนตัวจางซิ่วเอ๋อไปซะ! ตอนนี้นางโดนผีร้ายสิง ผสานเป็นหนึ่งกับผีร้ายไปแล้ว!” แม่เฒ่าจางได้ลูกชายหูครึ่งเซียนเตือนก็นึกถึงเรื่องที่ตั้งใจทำขึ้นได้ จึงไม่คิดจะทะเลาะกับแม่เฒ่าหลิวต่อ
หูครึ่งเซียนหรี่ตาขณะที่พูด “เป็นไปตามที่ข้าคิดจริง ๆ แม่นางคนนี้ถูกวิญญาณร้ายพัวพัน นางผสานเป็นหนึ่งกับวิญญาณร้ายไปแล้ว ข้าต้องหาวิธีแยกพวกนางออกจากกันแล้วกำจัด! มิฉะนั้นจะต้องกลายเป็นภัยร้ายในอนาคตอย่างแน่นอน!”
จางซิ่วเอ๋อฟังมาถึงตรงนี้ก็ถึงบางอ้อ สรุปนี่ไม่ใช่พิธีไล่ผีที่หมู่บ้านชิงสือจัดขึ้นหรอก ไอ้ครึ่งเซียนอะไรนี่พุ่งเป้ามาที่ตัวนางเองชัด ๆ!
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ยังพอทนได้ แต่นี่รู้แล้ว จะทนต่ออย่างไรไหว?
พยัคฆ์ไม่สำแดงฤทธิ์ คนจะนึกว่าเป็นแมว?
จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาเย็นเยียบ นางพบว่าถึงผู้คนจะมามุงกันมากมาย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แค่มาดูเรื่องสนุกเฉย ๆ คนต้นตอจริง ๆ คือคนตระกูลจางที่อยู่ในฝูงชน
คิดแล้วก็ยิ่งใช่ ต่อให้คนในหมู่บ้านไม่ชอบนาง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตามใครมาจัดการนางนี่ อย่างไรเสียการเชิญซินแสนั้นต้องใช้เงิน
ขณะนั้นหูครึ่งเซียนหยิบเชือกสีแดงออกมาหนึ่งเส้นยื่นให้ลูกชายที่ชื่อว่าหูเปียว
“หูเปียว! เอาเชือกนี่ไปรัดขาแม่นางคนนั้นไว้! ข้าจะทำพิธีไล่ผีให้!” หูครึ่งเซียนสั่ง
จางซิ่วเอ๋อหน้าเย็นเยียบ ไอ้เรื่องไล่ผีอะไรนั่นยังไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าวันนี้โดนหูเปียวมัดขากลางวันแสก ๆ แบบนี้ อีกหน่อยจะมีหน้าไปพบใครได้? ชื่อเสียงป่นปี้หมด!
นางไม่ได้แยแสอะไรชื่อเสียงนักหรอก แต่ไม่ได้หมายความว่านางไม่แยแสที่จู่ ๆ ก็โดนคนอื่นทำลายชื่อเสียง
คิดได้ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ชี้หูครึ่งเซียนและก่นด่า “หูครึ่งเซียนใช่ไหม? ไอ้แก่ไม่ยอมตาย! มาหลอกผีหลอกเจ้าอะไรที่นี่? เจ้าบอกว่าข้าโดนผีสิง! เจ้ามีหลักฐานไหม?”
“ไม่มีหลักฐานแล้วเจ้ามาทำพิธีบ้าบออะไรที่นี่? ข้าว่าเจ้าคิดไม่ดีแล้วอยากหาเรื่องข้ามากกว่า!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
ขณะนั้นหูครึ่งเซียนมองจางซิ่วเอ๋อ “แม่นางน้อย ข้าทำไปก็หวังดีกับเจ้านะ”
“หวังดีกับข้า? เจ้าก็เลยจะทำลายชื่อเสียงข้าตอนกลางวันแสก ๆ? ไม่กลัวเวรกรรมจะตามทันรึ!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
“ใช่ว่าจะต้องทำแบบนั้นเสมอไป นี่ก็เป็นเพียงแผนรับมือหากเข้าตาจนเท่านั้น ยังมีวิธีอื่นอยู่” หูครึ่งเซียนหยุดสิ่งที่ทำอยู่ ลูบเคราแพะของตัวเองพลางกล่าว
จางซิ่วเอ๋อนึกสนใจ นางอยากรู้ว่าหูครึ่งเซียนนี่มีความคิดชั่ว ๆ อะไรบ้าง “งั้นรึ? เจ้าลองบอกมาซิว่ามีวิธีอะไรอีก?”
หูครึ่งเซียนทำท่าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าเจ้ายอมจ่าย 10 ตำลึงเงินให้ข้าไปทำพิธีที่บ้านผีสิงของเจ้า วิญญาณร้ายนั่นไร้ซึ่งรากฐานก็ต้องสลายหายไปในที่สุด จึงไม่มีความจำเป็นต้องขับพลังร้ายในตัวเจ้าอีก!”
ไม่ทันที่จางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไร แม่เฒ่าจางก็แทรกขึ้นอย่างตะลึง “อะไรนะ? พวกเราให้ไป 8 ตำลึงเงินแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมต้องใช้ตำลึงอีกล่ะ?”
แม่เฒ่าจางยังหวังให้จางซิ่วเอ๋อออกเงินส่วนนี้อยู่ พอตอนนี้เห็นหูครึ่งเซียนขอตำลึงจางซิ่วเอ๋ออีก นางก็กลัวว่าตำลึงของจางซิ่วเอ๋อจะโดนเอาไปจนหมด ไม่เหลือให้ออก 8 ตำลึงเงินของนาง
หูครึ่งเซียนเหลือบมองแม่เฒ่าจางก่อนจะกล่าว “ตำลึงเงินที่เจ้าให้มาไม่ได้บอกว่าจะให้ข้าไปไล่ผีที่บ้านผีสิงนี่ ไปประมือกับผีที่นั่นเลยต้องผลาญอายุขัยข้าเพิ่มอีก ก็ต้องใช้ตำลึงเงินเพิ่มสิ”
พูดมาถึงตรงนี้หูครึ่งเซียนชะงัก “หรือเจ้าจะช่วยจางซิ่วเอ๋อออกเงินก้อนนี้?”
แม่เฒ่าจางสีหน้าเย็นยะเยือก “เงินก้อนของข้าก็ต้องให้จางซิ่วเอ๋อออก! จะให้ข้าออกได้อย่างไร!”
จางซิ่วเอ๋อฟังจากบทสนทนาของทั้งคู่พอเข้าใจแล้ว ว่าแม่เฒ่าจางใช้ไป 8 ตำลึงเงินเพื่อหาเรื่องมาใส่ร้ายตัวเอง แล้วยังให้ตัวเองออกเงินก้อนนี้ด้วย
ส่วนหูครึ่งเซียนน่ะเหรอ? อยากจะหลอกเงินจากนางไปอีก 10 ตำลึงเงินด้วย
สรุปก็ทำไปเพื่อตำลึงเงินนั่นแหละ!
ไม่ต้องพูดเรื่องที่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้มีตำลึงเงินมากมายขนาดนั้นจริง ๆ เพราะนางใช้ไปเยอะ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อมี นางก็ไม่ยอมจ่ายสักแดงเดียว!
จางซิ่วเอ๋อเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้วจึงมองหูครึ่งเซียนพลางกล่าว “หูครึ่งเซียน เจ้าจะให้ข้าจ่ายก็ได้ ข้าไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ถ้าเจ้าพิสูจน์ให้ข้าเห็นได้ว่ามีผีสิงข้าอยู่ ข้าเชิญเจ้าไปไล่ผีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าโต้เถียงกับหูครึ่งเซียนไปก็เปล่าประโยชน์
ยิ่งตัวเองปฏิกิริยารุนแรงแค่ไหน หูครึ่งเซียนก็ยิ่งจะบอกว่าตัวเองโดนผีสิง ตอนนี้มีคนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยโดนหูครึ่งเซียนล้างสมองไปแล้ว ถ้าแข็งข้อตัวเองเสียเปรียบแน่
หูครึ่งเซียนนี่ดูก็รู้ว่าเป็นไอ้งั่ง อีกอย่างในบ้านผีสิงหลังนั้นมีผีหรือไม่นางรู้ดีที่สุด หูครึ่งเซียนเป็นแค่ไอ้งั่งที่หวังเงิน!
ตาข้างที่เหลืออยู่ของหูครึ่งเซียนมีประกายแวบผ่านไป รับปากทันที “ได้! งั้นข้าจะเปิดหูเปิดตาให้พวกเจ้า!”
พูดมาถึงตรงนี้ หูครึ่งเซียนหยิบยันต์เหลืองออกมาหนึ่งแผ่น โบกอยู่ในอากาศและเอาดาบแทง
ยันต์แผ่นนั้นไฟลุกพรึ่บ
ชาวบ้านชิงสือที่มุงดูอยู่อึ้งกับภาพตรงหน้า พวกเขารู้อยู่แล้วว่าหูครึ่งเซียนค่อนข้างมีชื่อเสียงในละแวกนี้ แต่น้อยนักที่จะได้เห็นภาพอภินิหารแบบนี้กับตา
พวกเขาตาโตกันหมด อ้าปากค้างแสดงถึงความอึ้งของตัวเอง
“ตายแล้ว จางซิ่วเอ๋อโดนผีสิงจริง ๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นยันต์จะไฟลุกได้อย่างไร?”
………………………………………