บทที่ 139 เสื้อผ้าเสียหาย
ไม่สิ หลาย ๆ ครั้งพอที่ไหน อย่างน้อย ๆ ต้องหลายสิบครั้ง
แม่เฒ่าจางกลัวและไม่กล้าลงกับจางซิ่วเอ๋อ จึงดึงเสื้อจางต้าหูที่อยู่ข้าง ๆ
ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม่เฒ่าจางเป็นคนเช่นนี้เอง เรื่องดี ๆ ไม่เคยนึกถึงจางต้าหูหรอก เรื่องไม่ดีสิถึงจะนึกถึงจางต้าหู
นี่ไงล่ะ แม่เฒ่าจางรู้สึกว่าตัวเองอาจมีอันตราย จึงผลักจางต้าหูให้ออกหน้าแทน
จางต้าหูช่างน่าสงสาร เขาโดนมารดาปั่นหัวจนหัวหมุน แต่คนที่น่าสงสารก็มีจุดที่น่าแค้นเช่นกัน
อย่างเช่นตอนนี้ที่จางต้าหูยืนตัวตรง มองจางซิ่วเอ๋อและพูด “ซิ่วเอ๋อ เจ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร?”
จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองจางต้าหูอย่างเย็นชาและหัวเราะ
“พี่สี่ พี่รีบบอกให้จางซิ่วเอ๋อใช้เงินข้าเร็ว” จางอวี่หมินเห็นมีคนหนุนหลังจึงใจกล้าขึ้น
จางซิ่วเอ๋อกัดฟันกรอด “ข้าไม่เคยซักเสื้อให้เจ้า!”
พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วและหันไปมองจางต้าหู “ท่านคงไม่คิดว่า การที่ข้าเจอแม่ข้ายกของมากมายขนาดนี้ระหว่างทาง และช่วยนางยกกะละมังเสื้อผ้าหนัก ๆ นี่กลับมาในตอนที่นางเกือบล้มจะเป็นการใช้เงินให้ใครหรอกนะ”
“ลูกสาวช่วยแม่ตัวเองทำงานต้องใช้เงินด้วยรึ” จางซิ่วเอ๋อถามย้อนด้วยรอยยิ้มเย็น
จางต้าหูได้ฟังก็รู้สึกเสียหน้า เขากล่าวขึ้น “เจ้าช่วยแม่เจ้าเป็นเรื่องที่ดี แต่เจ้าจะทำเสื้อผ้าอาเล็กเจ้าเสียไม่ได้”
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูตาโต นางรู้อยู่แล้วว่าจางต้าหูเป็นพวกกตัญญูจนโง่เขลา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาถูกจำกัดความแค่กตัญญูจนโง่เขลาไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่าไอ้งั่งเลยล่ะ
ใช่แล้ว ตอนนี้จางซิ่วเอ๋ออยากใช้คำสองคำนี้จำกัดความจางต้าหู
เวลานี้แม่โจวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ถ้าเป็นปกติแม่โจวทนได้ทุกอย่าง เรื่องแบบนี้นางไม่ได้เถียงอะไรแทนจางซิ่วเอ๋อ อย่างมากก็แค่โดนตีแทนจางซิ่วเอ๋อบ้าง
แต่แม่โจวตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว
แม่โจวมองจางต้าหูอย่างผิดหวังพลางกล่าว “ต้าหู ท่านทำแบบนี้กับลูกสาวของเราเหรอ? ซิ่วเอ๋ออธิบายให้เจ้าฟังแล้วว่านางไม่ได้แตะต้องเสื้อผ้านี่ แค่ช่วยยกกะละมังก็ทำให้เสื้อผ้าพังได้เหรอ?”
“อีกอย่าง อวี่หมินบอกว่าเสื้อตัวนี้พัง ท่านไม่ดูด้วยซ้ำก็คิดว่าเสื้อมันพังจริง ๆ เหรอ?” แม่โจวรู้สึกสิ้นหวังอย่างเหลือแสน
แต่งเข้าตระกูลจางมาตั้งนาน นางขยันขันแข็งทุกขณะ ระมัดระวังตลอด ทุ่มเทเพื่อบ้านนี้เต็มกำลังด้วยความเต็มใจ แล้วยังมีลูกถึงสามคน ต่อให้สามคนนี้เป็นผู้หญิงทั้งหมดแต่ก็เป็นลูกหลานตระกูลจาง
แล้วอย่างไร?
แต่จนถึงตอนนี้คนตระกูลจางก็ยังไม่เห็นนางเป็นครอบครัวเดียวกัน กลับเห็นนางเป็นคนใช้ เป็นแม่บ้านให้พวกเขาคอยสั่งงาน
คนอื่นคิดแบบนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้จางต้าหูกลับเข้าข้างมารดาและน้องสาวตัวเอง สำหรับแม่โจวแล้วนี่เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจที่สุด
เมื่อก่อนแม่โจวใช้ชีวิตที่ตระกูลจางแบบนี้เสมอ แต่ตอนนั้นแม่โจวไม่เคยมีความคิดอยากต่อต้าน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าก็ผ่านมาได้ทั้งแบบนี้
แต่นางในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เวลานี้จึงกังขาแทนจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจวอย่างชื่นชม นางสบายใจกับสิ่งที่แม่โจวทำขึ้นมาบ้าง ถึงแม้สิ่งที่แม่โจวสงสัยใช่ว่าจะมีประโยชน์อะไร แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าความคิดของแม่โจวกำลังพัฒนา
จางอวี่หมินได้ยินโวยวายขึ้นมาทันที น้ำเสียงฉุนเฉียวแถมยังชี้ไม้ชี้มือ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าจะหาว่าข้าใส่ร้ายจางซิ่วเอ๋อรึ?”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็ขำพรืด “ใส่ร้ายหรือไม่ ดูเพียงเสื้อตัวนี้ก็รู้แล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อแกล้งลากเสียง “แต่ถ้าคลี่เสื้อดูแล้วไม่เสียหายตรงไหนเลยเจ้าจะว่าอย่างไร? ถึงตอนนั้นเจ้าอย่ามาพูดว่าเสื้อตัวนี้ปนเปื้อนความอัปมงคลของข้า อย่างไรเสียเมื่อครู่เจ้ายังอยากได้เสื้อผ้าบนตัวข้าที่อัปมงคลยิ่งกว่าอยู่เลย…..แสดงว่าเจ้าไม่ได้กลัวนี่!”
จางอวี่หมินได้ยินคำพูดของจางซิ่วเอ๋อแล้วก็มีใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงขึ้นมา
จางต้าหูกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน เขาเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็คลี่เสื้อดูหน่อย ถ้าเสื้อไม่ได้เสียหายก็ไม่ต้องชดใช้ แต่ถ้าเสื้อผ้าเสียหาย…..ซิ่วเอ๋อ อาเล็กเจ้ามีเสื้อผ้าน้อย ช่วงนี้เจ้าเพิ่งซื้อเสื้อผ้าใหม่ ให้อาเล็กเจ้าสักตัวเถอะ ถ้าเสียดายหักเป็นเงินก็ได้เหมือนกัน”
แม่โจวมองจางต้าหูตาโต “จางต้าหู ท่านบอกว่าของพังต้องใช้เงิน ถ้าอย่างนั้นท่านทำจานแพงขนาดนั้นของซิ่วเอ๋อแตก ทำไมไม่ชดใช้ล่ะ?”
จางอวี่หมินได้ยินถามอย่างสงสัย “จาน? จานอะไร?”
จางซิ่วเอ๋อได้แม่โจวเตือนจึงพลันนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สุดท้ายนางก็ได้ชดใช้ให้เถ้าแก่เฉียน นั่นน่ะเงินของแท้เลยล่ะ ต่อให้จะไม่ได้จ่ายจริง ๆ ก็เถอะ
แต่ก็หักออกจากเงินที่เถ้าแก่เฉียนต้องจ่ายนาง
จางต้าหูพูดกับจางอวี่หมินเสียงเบา “ข้าทำจานของอิ๋งเค่อจวีแตก ของแพงมาก”
“จางซิ่วเอ๋อมีจานดี ๆ แบบนั้นได้อย่างไรกัน” จางอวี่หมินถามด้วยความสงสัย
เรื่องนี้จางต้าหูไม่ได้พูดให้แม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินฟัง เขารู้สึกอับอายนัก จะเล่าออกมาได้อย่างไร?
จางต้าหูกระแอมเบา ๆ “ของกินจากอิ๋งเค่อจวีที่ตระกูลเนี่ยให้มา”
จางอวี่หมินได้ฟัง เหมือนวันที่หูครึ่งเซียนทำพิธีให้จางซิ่วเอ๋อจะได้ยินเรื่องนี้อยู่ แต่ตอนนั้นจางอวี่หมินโมโหจนแทบคลั่ง จนถึงตอนนี้ก็จำได้แค่เรื่องที่จางซิ่วเอ๋อติดเงินพวกเขา เรื่องอื่นลืมไปนานแล้ว
จางอวี่หมินโมโหอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ “แล้วอย่างไร? เจ้ามีของกินดี ๆ ไม่รู้จักเอามาให้ผู้ใหญ่ ข้าว่าอย่าว่าแต่ทำจานแตกเลย สมควรตีเจ้าด้วยซ้ำ!”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเสียงเย็น ไม่สนใจจางอวี่หมิน นางมองจางต้าหูพลางกล่าว “ท่านก็คิดแบบนั้นเหรอ? ที่ท่านทำจานแตกก็เพราะแบบนี้เหรอ?”
จางต้าหูนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเข้าใจแม่โจวผิด รู้สึกหวั่นขึ้นมาจึงรีบเอ่ย “เราพูดเรื่องเสื้อกันอยู่นะ”
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางต้าหูรู้สึกเสียหน้า ถึงลากเข้าเรื่องเสื้อ
จางซิ่วเอ๋อคลี่ยิ้มเย็น พูดเรื่องเสื้อก็ได้! ใครใช้ให้คนที่หาเรื่องวันนี้ไม่ใช่จางต้าหู แต่เป็นจางอวี่หมิน! ถ้าวันนี้ตัวเองไม่ให้บทเรียนจางอวี่หมินซะบ้าง ก็เสียชาติเกิดที่อยู่มาสองชาติแล้ว!
จางซิ่วเอ๋อจึงกล่าวเสียงดัง “ได้ ในเมื่อเป็นเรื่องเสื้อ งั้นเรากลับมาพูดเรื่องเสื้อกัน”
“แต่ขอพูดไว้ก่อนตรง ๆ เลยนะ ถ้าเสื้อนี่พังข้าชดใช้ให้ได้ แต่ถ้าเสื้อไม่ได้พังล่ะ พวกท่านก็ต้องรับผิดชอบรึเปล่า?” จางซิ่วเอ๋อถามกลับ
จางอวี่หมินได้ฟังแล้วกล่าว “เจ้าจะให้รับผิดชอบอะไร? เจ้าทำเสื้อข้าพังยังจะทำเหมือนเป็นฝ่ายถูกอีก”
เวลานี้จางอวี่หมินอยากได้เงินของจางซิ่วเอ๋อ นางจึงร้อนใจอย่างมาก ตอนนี้ต้องยืนกรานอยู่แล้วว่าเสื้อตัวนี้พัง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่โจวเริ่มสู้คนกลับบ้างแล้วค่ะ เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งเลย
ไหหม่า(海馬)