ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายกลืนสวรรค์ตัวนี้จะกลืนกินมิติทั้งหมดไป พื้นที่ของมิติแห่งนี้เล็กลงไปเรื่อยๆ และในขณะเดียวกันพื้นที่ที่ให้พวกเขาอยู่นั้นก็น้อยลงไปเรื่อยเช่นกัน
เสี่ยวหงกล่าวขึ้น “นายท่าน หากให้เจ้าหมอนั่นกลืนกินเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเราเสร็จแน่”
ในตอนนี้เอง สัตว์ร้ายจอมกลืนกินก็ได้พุ่งเข้าไปทางชิงอิ่ง มันกัดขาของเขาเอาไว้
มู่เฉียนซีเป็นกังวลยิ่งนัก “ชิงอิ่ง…..”
สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์นี้ มันจะกลืนกินทุกสิ่งอย่าง!
ถ้าหากว่าขาของชิงอิ่งได้รับบาดเจ็บเข้าละก็ นางนั้นไม่รู้เลยว่าจะสามารถรักษาเขาได้เช่นไร
แต่ที่สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์ได้กัดขาของชิงอิ่งลงไปนั้น มันกลับกัดไม่เข้า!
นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้พบเจอกับสิ่งที่มันไม่สามารถกลืนกินได้ และชิงอิ่งได้ซัดเข้าไปที่มันทันทีหนึ่งหมัด!
ปัง! สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์ตัวนั้นได้ถูกซัดกระเด็นลอยออกไป
มู่เฉียนซีเองก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ชิงอิ่งไม่เป็นอะไรแล้วก็ดี
แต่ทว่าพื้นที่ในมิติที่พวกเขาอยู่นั้นได้เหลือน้อยลงไปทุกที มู่เฉียนซีมองไปที่สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์ที่ดำสนิทตัวนั้น นางแอบกล่าวออกมา “พวกเจ้าชอบกลืนกินนักมิใช่เหรอ? เดี๋ยวจะให้พวกเจ้ากินให้พอ!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ชิงอิ่ง เสี่ยวหง พวกเจ้ากันพวกมันเอาไว้”
มู่เฉียนซีได้หยิบเอาหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมา และได้นำสมุนไพรวิญญาณใส่ลงไปในนั้นอย่างมากมายในทีเดียว ไม่นานนัก มันก็สำเร็จออกมาเป็นเม็ดยา
มู่เฉียนซีได้สะบัดมือยกขึ้น เม็ดยาเหล่านั้นก็ได้ถูกมู่เฉียนซีโยนออกไป
สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์เหล่านั้นได้กลิ่นหอมของยา พวกมันที่รู้จักแต่กินเท่านั้นรู้สึกว่ายาเม็ดที่ละเอียดลออนี้เป็นสิ่งที่รสชาติดีกว่าสิ่งอื่นๆ
พวกมันจึงได้กรูกันเข้าไปเพื่อที่จะกิน และเมื่อยิ่งกินนั้นก็ยิ่งเสพติด
เสี่ยวหงกล่าวขั้น “นายท่าน ท่านให้เจ้าพวกนี้กินยาเม็ด มิใช่ว่าจะเป็นการเพิ่มพลังให้พวกมันหรอกหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “เจ้าคิดว่าพวกมันเป็นชิงอิ่งหรือ?”
เสี่ยวหงตอบกลับ “นั่นก็จริง มีเพียงชิงอิ่งผู้เดียวที่พิเศษเช่นนั้น ผู้อื่นกินเข้าไปเช่นนั้น คาดว่าคงได้จุกท้องตาย”
เมื่อเห็นว่าสัตว์ร้ายกลืนสวรรค์กินยาเม็ดเข้าไปด้วยความรวดเร็วที่มากขึ้นเรื่อยไป มู่เฉียนซีจึงได้เริ่มปรุงยาหม้อที่สองขึ้น และให้พวกมันกินให้เต็มที่
อย่างไรเสียหลังจากที่สัตว์ร้ายกลืนสวรรค์พวกนี้ได้กินยาเม็ดของมู่เฉียนซีเข้าไปแล้ว มันก็ไม่มีความสนใจที่สิ่งอื่นใดอีก
เสี่ยวหงกล่าว “ให้มันกินเช่นนี้ต่อไปข้ากลัวว่าพวกมันจะไม่ได้ถูกทำให้อิ่มท้อง แต่กลับจะทำให้นายท่านเหนื่อยเสียแทน”
มุมปากของมู่เฉียนซียกโค้งขึ้นเล็กน้อย “นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก!”
จากนั้นยาที่มู่เฉียนซีได้ปรุงต่อจากนี้มิใช่ยาแบบที่เป็นเม็ดอีกต่อไป แต่มันเป็นยาน้ำ!
ยาน้ำนั้นพวกมันก็ชอบที่จะกิน แต่หลังจากที่ได้กินไปแล้วนั้น พลังของยาก็ได้กลับกลายเป็นออกฤทธิ์อย่างดุดันที่สุดขึ้นมา
ฤทธิ์ยาที่รุนแรงนั้นเกิดการตีกันมั่วขึ้นมาในตัวของสัตว์ร้ายกลืนสวรรค์ และได้ทำให้พวกมันสลบไปในทันที
ตุบ ตุบ ตุบ! พวกสัตว์ตะกละตะกลามพวกนั้นได้ล้มลงนอนบนพื้นทีละตัวๆ
มู่เฉียนซีปรบมือแล้วกล่าวขึ้น “จัดการเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องมาดูกันว่าจะออกไปจากที่นี่อย่างไร!”
อาถิงกล่าวขึ้น “ทางด้านซ้ายของมิติมีรอยแตกอยู่ เจ้าให้ชิงอิ่งไปเปิดมันออก!”
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้อย่างว่องไวถึงรอยแตกตรงนั้น นางกล่าวกับชิงอิ่ง “ชิงอิ่ง ทำลายรอยแตกนั่นเสีย!”
ปัง! ชิงอิ่งชกเข้าไปในหมัดเดียวอย่างสุดกำลัง และก็ได้ทำให้รอยแตกนั้นพังทลายลงจริงๆ
พวกนางได้ออกมาจากในมิตินั้นอย่างปลอดภัย หลังจากที่ออกมาได้แล้วนั้นเสี่ยวหงก็ได้หัวเราะพร้อมกล่าวขึ้น “ฮ่าฮ่าฮ่า! นายท่านเก่งกาจยิ่งนัก ข้านับถือจริงๆที่สามารถทำให้สัตว์ประหลาดอย่างสัตว์ร้ายกลืนสวรรค์จุกท้องเสียจนสลบไป”
“ยาน้ำนั้นสามารถทำให้พลังวิญญาณในยาเม็ดเหล่านั้นระเบิดพลังออกมาได้อย่างถึงที่สุดและทำให้พวกมันสลบไปเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกเราไม่รีบหาทางออกมาละก็ เกรงว่าเมื่อพวกมันตื่นขึ้นมาพวกมันคงไม่ติดกับเป็นครั้งที่สองแน่” มู่เฉียนซีกล่าว
นางมองไปยังทางเดินข้างหน้าที่ยาวเหยียดอย่างไร้ที่สิ้นสุด เสียงที่สดใสเสียงนั้นได้ถูกส่งออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ เจ้านั้นนับว่าเป็นผู้แรกแน่นอน ข้าอยู่ที่สุดทางเดินอันยาวเหยียดนี่ ขอแค่เพียงเจ้าเดินเข้ามาก็จะสามารถหาตัวข้าได้พบ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่า ข้าจะเชื่อในคำพูดภูตผีของเจ้ารึ?”
“แต่ว่าข้างหน้าเจ้านั้นมีทางเดินเพียงทางเดียว แม้ไม่เชื่อแต่ก็ต้องเดินมามิใช่หรือ? สาวน้อย………”
“อีกอย่างนึง ข้านั้นเป็นเศษส่วนหนึ่งของวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นคนละสิ่งกันกับผี เจ้าจะสับสนมิได้”
มันพูดถูก ตรงหน้านั้นมีทางเดินเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อมู่เฉียนซีเพิ่งเริ่มก้าวเดินขึ้นมา ก็ได้เข้าไปสู่มิติอีกแห่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีพึมพำขึ้นมา “เป็นกับดักอีกแล้ว ลูกเล่นเช่นนี้ยังเล่นไม่เบื่อกันอีก”
ในห้องแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ แล้วก็ไม่มีสัตว์วิญญาณที่มีสันดานในการโจมตีด้วย
เสี่ยวหงพึมพำ “สถานที่ทรุดโทรมแห่งนี้ก็คงจะสามารถเลี้ยงพวกสัตว์ประหลาดที่ขาดสารอาหารเหล่านั้นได้เท่านั้น ข้าว่าเจ้าหมอนั่นนอกจากจะเล่นสนุกสนานกับเรื่องของมิติแล้ว ยังจะต้องทำอะไรเพื่อที่จะลอบทำร้ายนายท่านอีกแน่นอน”
เจ้าเสี่ยวหงนั้นเป็นพวกปากอีกาอัปมงคลอย่างแน่นอน
เพราะทันทีที่มันกล่าวจบ ประตูอีกบานหนึ่งก็ได้เปิดออก
เงาร่างสีแดงสดเงานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก
อวี้จีได้เดินเข้ามา เมื่อนางเห็นเงาร่างสีม่วงเงานั้นนางก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “น้องสาวสตรีศักดิ์สิทธิ์ ช่างบังเอิญเสียจริงนะ!”
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย บังเอิญที่ไหนกัน? นี่มันคู่แค้นเจอกันในตรอกแคบชัดๆ
อวี้จีลูบไล้ที่รอยแดงบนใบหน้ารูปไข่ของนาง “ตอนนี้ข้ายังเจ็บที่จุดนี้อยู่เลยนะ! น้องสาวสตรีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าว่าทำเช่นไรถึงจะดี?”
กระบี่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวไม่เบาเลย อวี้จีได้ใช้ยาที่ดีที่สุดที่นางมี แต่รอยแผลนี้มันก็มิได้หายไปง่ายดายเช่นนั้น
มู่เฉียนซีโบกมือแล้วกล่าว “อย่าได้พูดพร่ำมากความ เจ้าอยากจะลงมือก็ลงมือเลย!”
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก อวี้จีนั้นก็มิได้มีเจตนาดีอยู่แล้ว มาตอนนี้ได้มาเจอกันในหนทางที่บีบบังคับ มู่เฉียนซีนั้นก็ไม่คิดว่านางจะปล่อยตนเองไปอย่างง่ายดายเป็นแน่
อวี้จียิ้มแล้วกล่าว “น้องสาวสตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน! อย่างไรเสียก็เป็นครั้งแรกที่เห็นน้องอวิ๋นซิวใส่ใจกับสตรีนางหนึ่งมากเช่นนี้”
ปากกล่าวไป แต่ตัวนางได้พุ่งไปทางมู่เฉียนซีแล้ว
ปัง! ชิงอิ่งรีบชิงจังหวะเข้าป้องกันเอาไว้
อวี้จีถอยร่นไปหลายก้าว นางกล่าวขึ้น “น้องสาวนั้นโชคดี เจ้ามิได้แยกทางกันกับองครักษ์ของเจ้า มิน่าละถึงได้มาถึงที่นี่ได้”
บึ้ม! ชิงอิ่งเองก็ไม่ชอบที่จะให้ผู้หญิงนางนี้กล่าวไร้สาระมากความกับมู่เฉียนซี จึงได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมในทันที
“นายท่าน ท่านหาวิธีที่จะออกไป! ข้าจะรั้งนางนี่เอาไว้”
มู่เฉียนซียังไม่ทันที่จะหาทางออกได้พบ ประตูอีกบานหนึ่งก็ได้เปิดออก และมีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา
พวกนั้นเป็นคนของตำหนักเป่ยหาน ใบหน้าของอวี้จีเผยความยินดีออกมา นางกล่าวออกคำสั่ง “จับตัวสาวน้อยนั่นเอาไว้!”
“ขอรับ ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา!”
คนผู้นั้นได้พุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี แต่ในตอนนี้เอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งได้ปรากฏขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย!
ใบหน้าของอวี้จีฉายแววของความประหลาดใจออกมา “หลิง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะช่วยข้า!”
เมื่อเผชิญกับดาบเล่มนั้นที่ใกล้เข้ามา มู่เฉียนซีนั้นไม่ขยับตัวหลบเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ตานางก็ยังไม่กะพริบ
บึ้ม!
เมื่อประตูอีกบานหนึ่งถูกเปิดออก เฟิงอวิ๋นซิวที่ได้เห็นฉากนี้เข้าก็ร้อนรนดั่งไฟเผาใจ
“เฉียนซี! รีบหลบไป!”
“เร็วเข้า!”
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังลอยมา
ดาบนั้นกลับมิได้ทำร้ายมู่เฉียนซี แต่ดาบนั้นได้ฆ่าผู้ที่มุ่งเข้ามาจะทำร้ายนาง
อวี้จีแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ “หลิง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่? เจ้า….”
เฟิงอวิ๋นซิวรีบดึงมู่เฉียนซีมาไว้ข้างตัว เขากล่าวขึ้นอย่างห่วงใย “เฉียนซี! เจ้าไม่เป็นไร!”
ความห่วงใยในดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
ในตอนนี้ความห่วงใยของเขานั้นเหมือนจะมิได้เป็นเพราะว่านางนั้นหน้าตาคล้ายกับใครบางคน เขานั้นแค่ไม่อยากให้มันกลายเป็นการผจญภัยครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาที่มีสาวน้อยผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บด้วยความบริสุทธิ์ใจ