The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1314 – ครองตำแหน่งเจ้าพันธมิตร

ตอนที่ 1314 – ครองตำแหน่งเจ้าพันธมิตร

  ใครเล่าจะคัดค้านได้?

  จากพลังเพียงอย่างเดียวซือหยูมีพลังที่ไม่มีตระกูลปราบอสูรใดเทียบได้ เขามีพลังขององค์ชายและองค์หญิงอสูรในมือ อสูรเจ้าเมืองอีกหกคน และเทพอีกหกคนที่ได้มาจากเทพกงซุน

  ต่อให้เป็นลั่วหวนก็มิอาจมีกำลังคนอันไร้เทียมทานนี้ได้

  ตามพรสวรรค์ลั่วหวนคือผู้ที่จะปรากฏตัวครั้งเดียวต่อหนึ่งยุคสมัย เขาสามารถบงการเทพได้ตามใจคิด แต่ลั่วหวนเป็นเพียงแค่ของเล่นในมือซือหยู

  ไม่มีใครเหมาะที่จะครองตำแหน่งเจ้าพันธมิตรมากไปกว่าซือหยูอีกแล้ว

  ฉีเหมินเจี้ยนกับเทพหลินหลางมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น

  ทั้งสองกำลังคิดถึงบรรพบุรุษที่ก่อตั้งพันธมิตรประจิมขึ้นมาพวกเขาคงไม่คิดว่าในวันหนึ่งจะมีคนต่างแดนมาเป็นผู้นำพันธมิตร

  แต่พวกเขาก็คิดด้วยว่าซือหยูเหมาะสมกว่าใครอื่นเขาคือผู้ที่ชอบธรรมที่สุดแล้ว

  ซือหยูไม่ได้สนับสนุนใครในพันธมิตรประจิมและพลังของเขาเพียงอย่างเดียวก็มิอาจมีใครมางัดข้อได้ด้วย

  ในขณะเดียวกันสถานะตัวแทนเทพของพันธมิตรบูรพาที่เขามีจะทำให้การต่อสู้ร่วมกันของพันธมิตรทั้งสองเป็นไปอย่างราบลื่นขึ้น

  ยิ่งไปกว่านั้นดูจากการที่เหล่าเทพตอบสนองเมื่อครู่ พวกเขาไม่ฉลาดพอและต้องการคนที่สามารถชี้นำได้

  หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนเจ้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งสองจึงพยักหน้า

   ฉีเหมินเจี้ยนผู้นี้ขอแนะนำเทพสีเงินเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่! 

   หลินหลางฟานผู้นี้ขอแนะนำเทพสีเงินเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่! 

  เมื่อทั้งสองสนับสนุนตำแหน่งเจ้าพันธมิตรย่อมลงเอยแก่ซือหยู

  แน่นอนว่าเทพคนอื่นเองก็ต้องสนับสนุนซือหยูด้วยเพราะจะมีใครอื่นให้พวกเขาสนับสนุนอีก?

  ซ์อหยูสีหน้าใจเย็น

   ข้าขอรับตำแหน่งเจ้าพันธมิตรและข้าจะรับตำแหน่งนี้เพื่อทุกคนที่นี่! 

  เหล่าเทพอับอายซือหยูจงใจมาที่นี่เพื่อเป็นผู้นำเพราะเขารู้ว่าไม่มีใครทำได้งั้นหรือ?

  เหล่าเทพทำได้แค่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

   ต่อไปกำจัดลั่วหวน! 

  ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

   ลั่วหวนยังไม่ตายมันจะต้องถูกกำจัด มิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นเสี้ยนหนามของพันธมิตรบูรพา!    เหล่าเทพล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้

  เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่ลั่วหวนจะปรากฏตัวหลักการรุนรานของอสูรและสั่งให้คนที่ยังเหลืออยู่ของเขาแทงพันธมิตรจากด้านหลังแล้วเหล่าเทพย่อมไม่ต้องการความเสี่ยงนี้

  การกำจัดลั่วหวนในตอนนี้อาจทำให้พวกเขาสูญเสียแต่มันก็ดีกว่าความสูญเสียอันใหญ่หลวงในอนาคต

   การกวาดล้างแบ่งเป็นสองระดับระดับแรกคือผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลอุบายของลั่วหวนในทุกขั้นตอนจะต้องถูกกำจัดทิ้ง! คนในตระกูลจะต้องถูกตระกูลเทพที่เหลือจับตาดู ตำแหน่งจะถูกริบคืน สหาย ศิษย์ อาจารย์ ผู้ที่เกี่ยวข้อง จะถูกนำมาไตร่สวนโดยพันธมิตร ผู้ที่ขัดขืนจะถือว่ามีส่วนรู้เห็นและจะถูกประหารอย่างไร้ปรานี! 

  เมื่อได้ฟังคำสั่งแม้แต่เหล่าเทพที่เตรียมใจมาแล้วก็หวาดกลัว

  นี่ไม่ต่างกับการประหารเจ็ดชั่วโคตร!   แน่นอนว่าซือหยูยังพอเหลือทางออกให้ตระกูลได้สืบเชื้อสายต่อไปบ้างเขาเพียงแค่จองจำคนในตระกูลและมอบให้เป็นข้ารับใช้ตระกูลอื่น

  ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นสหายเก่าคือลูกศิษย์จะถูกไตร่สวนเป็นอันดับแรก

  แม้จะแสดงความเมตตาออกมาบ้างวิธีการของเขาก็โหดร้ายและไม่เข้ากันกับอายุน้อยขวบปีโดยสิ้นเชิง

   ระดับที่สองพวกเจ้าต้องทำหน้าที่เพื่อล้างนามของตัวเอง! เทพคนใดที่เสี่ยงเป็นภัยจะต้องทำตามคำสั่งตระกูลที่เหลือ หากส่งสัญญาณความไม่ภักดีจะถูกประหารสถานเดียว! 

  เทพหลายคนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกพวกเขากลัวว่าตำแหน่งใหม่ที่ซือหยูได้มาจะทำให้เขาหลงในอำนาจและใช้มันอย่างเกินควร

  ถ้าหากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะสูญเสียครั้งใหญ่   เท่านี้ก่อน!ฉีเหมินเจี้ยน หลินหลางฟาน นำกำลังของพวกเจ้าไป ใครที่ขัดขืนหรือปฏิเสธการร่วมมือให้ประหารก่อนแล้วมารายงานทีหลัง! 

   ตามบัญชาเจ้าพันธมิตร! 

  จิตสังหารในคำสั่งของเขาทำให้เหล่าเทพตัวสั่นไปถึงกระดูก

  ความแน่วแน่และทรงอำนาจในอัธยาศัยของซือหยูทำให้ไม่มีใครสงสัยในความเป็นผู้นำของเขาอีกแล้ว

  เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าลั่วหวน

  เหล่าเทพพากันไปทำตามคำสั่งด้วยความเลื่อมใส

  สิบวันต่อมา…

  ตำแหน่งเจ้าพันธมิตรถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด

  หลังจากทำปฏิบัติการกวาดล้างตระกูลเทพสามตระกูลที่ยึดโยงอำนาจกับเจ้าพันธมิตรคนก่อนถูกไตร่สวนและจัดการ   รายงานเจ้าพันธมิตรเจ้าตระกูลปราบอสูรทั้งสามนำโดยเทพกงซุนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการร้าย เทพกงซุนเป็นตัวการคิดแผน ตอนนี้ข้ามาเพื่อขอคำชี้แนะจากเจ้าพันธมิตร 

  ซือหยูตอบอย่างเย็นชา

   วิธีรับมือกับสองตระกูลนั้นมีอยู่แล้วส่วนเทพกงซุน ชิงพลังเทพของมัน เอาโลหิตเทพมันออกมา จากนั้นให้บั่นคอเสียบประจาร คนตระกูลกงซุนจะต้องเป็นทาสไปตลอดกาล จะไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย 

  ความขัดแย้งระหว่างเทพกงซุนและซือหยูเป็นที่รู้กันดีไม่มีใครอ้อนวอนเพื่อตระกูลที่โชคร้าย

   ในที่สุดปฏิบัติการกวาดล้างก็ลุล่วงแล้ว 

  ฉีเหมินเจี้ยนหายใจเข้าลึกมีผู้คนถูกประหารนับไม่ถ้วนในวันที่ผ่านมานี้

  เทพหลินหลางเองก็เริ่มเหนื่อยล้าเขาแทบจะบั่นคอเทพในทุกวัน

  ว่าที่เทพตายไปเสียมากกว่าว่าที่เทพสังเวยชีวิตไม่ต่ำกว่าสี่สิบราย ส่วนมากก็คือลูกหลานของเทพที่ร่วมกระทำผิดนั่นเอง

  ไม่นานการสังหารอย่างเป็นประวัติการณ์ก็ได้สั่นคลอนพันธมิตรประจิมจนถึงแก่น

  แต่เพราะเรื่องนี้ซือหยูจึงได้ชำระล้างพันธมิตรประจิมในคราเดียว เขากำจัดปัจจัยที่ทำให้ไม่สบายใจจนหมดสิ้น

   รายงานเจ้าพันธมิตรมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพูดถึง 

  เทพหลินหลางพูดหลังจากลังเลอยู่นาน

   หืม?เรื่องอะไรล่ะ? 

   ฉีเหมินเจี้ยนกับข้าจับกลุ่มคนได้ระหว่างกวาดล้างพวกมันพยายามวางแผนหนีจากพันธมิตรประจิม หลังจากคนของข้าเจอตัว พวกเราเลยจับมันมาเพื่อไตร่สวน 

  ซือหยูแปลกใจใครกันที่ต้องใช้กำลังของทั้งฉีเหมินเจี้ยนและเทพหลินหลางในการจับกุม?

   ใครกันล่ะ?ถ้าหากไม่มีความผิด มันก็อภัยให้ได้ 

  ซือหยูกล่าว

  เทพหลินหลางตอบ

   พวกมันคือตัวแทนจากพันธมิตรบูรพาเทพเจิ้ง เทพกระบี่ และบุตรสาวเทพเจิ้ง เจิ้งหยวนชิง 

   ทั้งหมดมาเพื่อเจรจาเรื่องการผูกสัมพันธ์สองพันธมิตรแต่เมื่อพบว่าพันธมิตรประจิมกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกมันจึงเป็นกังวลว่าจะเกี่ยวข้องด้วย เลยพยายามหนีไป 

  ซือหยูผงะเขาเกือบจะลืมคนเหล่านั้นไปแล้ว

  ตัวแทนพันธมิตรบูรพานำโดยเทพเจิ้งได้มาถึงพันธมิตรประจิมเมื่อครึ่งปีก่อนและมาหารือในเรื่องการผนึกกำลังของสองพันธมิตร

  มันยื้อเยื้อยาวนานเพราะกงซุนชางลูกของเทพกงซุนที่ต้องการความงามของเจิ้งหยวนชิง เมื่อไม่สำเร็จ ตระกูลกงซุนจึงพยายามขัดขวางการผนึกกำลังโดยใช้หลากหลายวิธีเพื่อประวิงมันจนถึงวันนี้

   เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญข้าจะจัดการเอง พาคนเหล่านั้นมาพบข้าตามลำพัง 

  เหล่าเทพนั้นเห็นด้วยในการรวมสองพันธมิตรเป็นหนึ่งแต่ลั่วหวนในอดีตที่เป็นผู้นำนั้นทำให้เรื่องช้ามาโดยตลอด

  ตอนนี้ซือหยูเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่หากเขาได้จัดการด้วยตัวเอง มันจะไม่มีการประวิงเวลาอีกแล้ว

  หลังจากนั้น…

  ฉีเหมินเจี้ยนกับเทพหลินหลางไปที่คุกสวรรค์พันธมิตรประจิมด้วยกัน

  ทั้งสองไปยังห้องคุมขังที่มีผู้ถูกจองจำสามคนขังเอาไว้ทั้งสองยิ้มอย่างรู้สึกผิด

   พวกเราทำเจ้าลำบากอย่างมากเจ้าพันธมิตรเชิญพวกเจ้าให้ไปพบ    เทพเจิ้งพูดอย่างเย็นชา

   เจ้าพันธมิตรคนใหม่รึ?พวกเจ้ามีการก่อกบฏในพันธมิตร แล้วทำไมจะต้องมากักขังพวกเรา? พันธมิตรบูรพาจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! 

  เอาตามจริงพวกนางไม่ควรจะต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้

  หลังจากเดินทางไกลมาเพื่อหารือการผนึกพันธมิตรเข้าด้วยกันพวกนางได้พบกับเรื่องที่ไม่ควรเจอมากมาย ในหกเดือนที่ผ่านมา พวกนางมิอาจทำข้อตกลงอันใดได้เลย และตอนนี้กำลังจะต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการก่อกบฏในพันธมิตรประจิมอีก

  ในหลายวันที่ผ่านมาเกิดการนองเลือดไม่เว้นวันเทพมากมายถูกบั่นคอกลิ้งไปทั่วแผ่นดิน

  ทั้งพันธมิตรประจิมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

  เมื่อตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาในการผนึกกำลังเทพเจิ้งจึงได้นำคนแอบหนี แต่ก็ถูกฉีเหมินเจี้ยนและเทพหลินหลางจับตัวเอาไว้และกักขังมาห้าวัน

  ในครึ่งปีที่ผ่านมาเทพเจิ้งได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่คู่ควรกับฐานะแม้แต่น้อย

  แน่นอนว่านางไม่ได้มองเจ้าพันธมิตรคนใหม่ในแง่ดีอยู่แล้วเพราะเขาคือผู้ที่นำการกบฏในพันธมิตร

  ฉีเหมินเจี้ยนกล่าว

   เทพเจิ้งโปรดให้ความร่วมมือเถอะ เจ้าพันธมิตรกำลังรออยู่ 

  เทพเจิ้งถอนหายใจแรง

   แล้วถ้าข้าไม่ไปเล่า?เจ้าจะฆ่าข้ารึ? 

  นางไม่เชื่อว่าเจ้าพันธมิตรคนใหม่จะกล้าฆ่านาง

  แต่สีหน้าของเทพทั้งสองทำให้เทพเจิ้งต้องคิดดูใหม่

   เจ้าพันธมิตรคนใหม่ของเรามีพรสวรรค์สุดยอดและทะเยอทะยานกว่าเจ้าพันธมิตรยุคก่อนทุกคนข้าแนะนำว่าอย่าขัดใจเขาจะดีกว่า 

  ฉีเหมินเจี้ยนพูดเสียงเบา

  เทพหลินหลางกล่าว

   เจ้าพันธมิตรจะไม่ทนผู้ที่แข็งข้อต่ออำนาจในจักรวาลนี้หากยังดื้อรั้น ข้าไม่คิดว่าการเป็นตัวแทนพันธมิตรบูรพาจะรักษาชีวิตเจ้าได้ 

  เมื่อได้ยินสองเทพที่มีตำแหน่งสูงในพันธมิตรประจิมกล่าวนางไม่เชื่อว่าทั้งสองจะนับถือเจ้าพันธมิตรคนใหม่อย่างสูงถึงขั้นนี้

  มีพรสวรรค์สุดยอดรึ?ทะเยอทะยานรึ?

  เจ้าพันธมิตรลั่วหวนคนก่อนนั้นว่ากันว่าเป็นวีรบุรุษที่จะปรากฏตัวในรอบแสนปี

  ทั้งสองกำลังบอกว่าเจ้าพันธมิตรคนใหม่โดดเด่นยิ่งกว่านั้นหรือ?

   แข็งข้อต่ออำนาจในจักรวาลรึ?ช่างกล้าพูดมาได้! แต่ข้าเข้าใจ หากเจ้าเลือกเขา แน่นอนว่าเจ้าย่อมต้องภักดีอยู่แล้ว    เทพเจิ้งถอนหายใจแรง

  ฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลางฟานไร้สีหน้าใดทั้งสองส่ายหน้าเบา ๆ

   หึกับชายที่ท่องโลกอสูร ได้รัชทายาทอสูรมารับใช้ ทำให้อสูรเจ้าเมืองติดตามมาด้วย…ข้าคิดว่าภักดีต่อชายผู้นี้ถือเป็นผลประโยชน์ของเรา 

  เทพเจิ้งตัวแข็งทื่อในขณะที่จะลุกขึ้นนางเงยหน้าด้วยความตกตะลึง

   พูดอะไรของเจ้า?รัชทายาทอสูรรับใช้เขารึ? 

  ก่อนหน้านั้นในระหว่างการต่อสู้ครั้งสำคัญในโลกเสี้ยววิญญาณ พลังอันน่ากลัวขององค์ชายเจ็ดและองค์หญิงหกยังไม่เป็นที่ลืมเลือน

  จะมีใครกันที่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้นได้?

  เทพเจิ้งย่อมไม่เชื่อหู

  แล้วเรื่องท่องโลกอสูรมันอะไรกัน?

  มีตัวตนทีทำให้เทพเก่าแก่เหล่านี้ตัวสั่นอยู่ในธารดาราด้วยหรือ?

   ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ยังมิได้มองเพียงพันธมิตรบูรพาหรือประจิม แต่เป็นทั้งธารดารา! ก้าวถัดไปคือการรวบรวมธารดาราให้อยู่ในอำนาจ และต่อสู้กับโลกอสูร! นี่คือเจ้าพันธมิตรคนใหม่แห่งพันธมิตรประจิม เขามีความทะเยอทะยานที่ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว 

   … 

  เทพเจิ้งมิอาจอธิบายความตกตะลึงได้นางไม่เชื่อว่าพันธมิตรประจิมจะมีผู้นำที่น่ากลัวเช่นนี้

  เทียบกันแล้วพันธมิตรบูรพาที่อ่อนแออยู่แล้วย่อมอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอไปกว่าเดิม…

   เทพเจิ้งคิดให้ดีเถิดหากเลือกขัดใจเจ้าพันธมิตร ตำแหน่งตัวแทนแห่งพันธมิตรบูรพาก็ยื้อชีวิตเจ้าไว้ไม่ได้ 

  ฉีเหมินเจี้ยนกล่าว

  เทพเจิ้งชักสีหน้าในทันทีนางไม่ต่อต้านอีกแล้ว

   เราต้องไปเลยหรือไม่? 

   เขากำลังรอเจ้าอยู่ 

  เทพเจิ้งตัวสั่นระริกใครกันแน่ที่คิดจะปกครองทั้งธารดารา?

  เทพเจิ้งไม่ได้รู้สึกตึงเครียดเช่นนี้มานานแล้วนางใจสั่น

  เทพกระบี่เองก็ตัวสั่นเล็กน้อยแม้ฉีเหมินเจี้ยนกับเทพหลินหลางจะพูดเพียงไม่กี่คำ แต่มันไม่ต่างกับเรื่องเล่าในตำนานยิ่งใหญ่ต่อพวกเขาเลย

  ชายคนหนึ่งท่องโลกอสูรและออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งยังได้รัชทายาทอสูรมาเป็นข้ารับใช้ ได้รับพลังไร้เทียมทาน ได้ก่อกบฏและชิงอำนาจเป็นเจ้าพันธมิตรในเวลาอันรวดเร็ว

  ทุกความสำเร็จที่เขาทำสามารถทำให้ทุกคนลืมหายใจได้อย่างไม่ยากเย็น

  ทั้งสองรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลเหมือนกับตอนที่พวกเขายังคงเป็นเซียนและกำลังจะได้พบกับเทพ

   พวกเจ้าเข้าใจแล้วสินะไปกันเถอะ 

  ฉีเหมินเจี้ยนกล่าวเขามองไปยังห้องที่ขังเจิ้งหยวนชิง

   เจ้าก็มาด้วย 

  เจิ้งหยวนชิงยังคงไม่ขยับตัวไปไหนนางดูเหม่อลอย

  เทพเจิ้งถอนหายใจเบาๆ การเสียซือหยูไปและถูกบังคับให้แต่งงานนั้นแทบจะทำให้ดวงวิญญาณนางสลาย

  แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเศร้าพวกนางต้องไปพบกับชายที่เป็นหนึ่งในใต้หล้า

   หยวนชิงทำอะไรของเจ้า? ถ้าเจ้าดูหมิ่นเจ้าพันธมิตร ต่อให้เป็นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้! 

  เจิ้งหยวนชิงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจเมื่อถูกเตือน

  นางกระซิบเสียงเบา   หนึ่งในใต้หล้าหรือ?หากซือหยูยังมีชีวิตอยู่ ซือหยูย่อมทำได้อย่างเดียวกัน 

  นางศรัทธาต่อซือหยูอย่างสุดหัวใจ

   หุบปาก! 

  เทพเจิ้งตะโกนเสียงดัง

   ซือหยูตายแล้วข้ายอมรับว่าเขาคือมังกร แต่คนตายย่อมเป็นคนตาย ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องพูดถึงอีก คนที่เจ้ากำลังต้องเจอคือจักรพรรดิแห่งธารดารา หยุดพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้ว 

  เจิ้งหยวนชิงยังคงดื้อรั้นหัวใจนางยังคงคิดว่าถ้าซือหยูยังมีชีวิตอยู่ เขาเองก็จะเป็นจักรพรรดิแห่งธารดาราเช่นกัน…หากเขามีเวลา

  แต่อนิจจาไม่มีข่าวคราวของซือหยูมาสองปีครึ่ง หรือเขาอาจจะตายไปแล้ว?

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset