มีคนมาตอบด้านล่างกระทู้เกือบหนึ่งพันคอมเมนต์
จำนวนตอบกระทู้ระดับนี้ถือเป็นกระทู้ที่ได้รับความนิยมสูงมากในเว็บบอร์ดโรงเรียนมัธยมชิงจื้อแล้ว
อย่างไรเสียจงจือหว่านก็เคยเป็นนางฟ้าแห่งชิงจื้อ ความนิยมในตัวค่อนข้างสูง
นางฟ้าตกสวรรค์ในชั่วพริบตา เป็นใครก็ต้องคาดไม่ถึง
โดยเฉพาะการที่ตัวละครอีกหนึ่งคนของกระทู้นี้คืออิ๋งจื่อจินที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นเทพในโรงเรียน
ด้วยเหตุนี้พวกนักเรียนถึงถกเถียงกันอย่างเมามัน
ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงมีคนเข้ามาตอบกระทู้อยู่ไม่น้อย กระทู้ก็ถูกดันขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่อิ๋งเย่ว์เซวียนอ่านคอมเมนต์กระทู้นี้หลังจากที่เธอโพสต์ไป
นอกจากคอมเมนต์ด่าจงจือหว่านแล้วยังมีหลายคอมเมนต์ที่บอกว่า ‘บูชาเทพอิ๋ง’ ‘พ่ออิ๋งโปรดเอ็นดู’
ถึงแม้จะเป็นเว็บบอร์ดที่ไม่แสดงชื่อ แต่ดูจากคอมเมนต์ก็รู้ได้ว่านักเรียนพวกนี้มาจากคนละห้อง
จงจือหว่านเดาถูก เธอรู้เรื่องมาจากหลินสี่
จุดประสงค์สำคัญที่สุดที่เธอตั้งกระทู้นี้ไม่ใช่เพื่อช่วยอิ๋งจื่อจิน แต่ต้องการให้จงจือหว่านไป
แต่ตอนนี้จงจือหว่านไปแล้ว คู่แข่งของเธอกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า
อิ๋งเย่ว์เซวียนมองหน้าจออยู่เงียบๆ
รู้แบบนี้ไม่สู้เธอช่วยให้จงจือหว่านได้อยู่ต่อ
อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องออกหน้า และก็มีความสุขสบายๆ
หลังจากที่อิ๋งเย่ว์เซวียนอ่านคอมเมนต์ทั้งหมดเสร็จ ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเธอรู้จักอิ๋งจื่อจินน้อยเกินไป
เธอกดกลับมาที่หน้าโปรไฟล์ส่วนตัวแล้วลบกระทู้นี้ทิ้ง
จากนั้นก็เปิดแอปในโทรศัพท์มือถือ ในนั้นมีโค้ดแถวยาว
อิ๋งเย่ว์เซวียนกดยืนยัน
เมื่อกลับเข้าเว็บบอร์ดของชิงจื้ออีกครั้ง แอ๊กเคานท์นี้ของเธอก็ถูกระงับ ไม่เหลือร่องรอยแล้ว
ตอนเธออยู่ยุโรปเคยเรียนพวกเทคนิคคอมพิวเตอร์จากรุ่นพี่ที่อยู่ในทีมวิจัย
ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นเป็นแฮกเกอร์ แต่ลบข้อมูลแค่นี้ก็พอทำได้
เว็บบอร์ดชิงจื้อไม่แสดงชื่อก็จริง แต่เพื่อความปลอดภัยลบทิ้งจะดีที่สุด
“อ๊า!” อยู่ๆ นักเรียนหญิงเพื่อนร่วมโต๊ะก็ร้องโวยวาย “เย่ว์เซวียน โจทย์นี้มันยากเกินไปหรือเปล่า มีการทดสอบความรู้จิตวิทยาด้วย ฉันเคยเรียนพวกนี้ที่ไหนกัน”
อิ๋งเย่ว์เซวียนหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงอ่อนโยน “อะไรเหรอ”
“เธอดูสิ” นักเรียนหญิงเอาโทรศัพท์มือถือวางตรงหน้าอิ๋งเย่ว์เซวียน “ฉันนั่งทำโจทย์ในคลังไปเรื่อยๆ ฟิสิกส์คณิตศาสตร์อะไรพวกนี้ไม่ได้ยาก ฉันทำจะเสร็จแล้ว ปรากฏว่าโจทย์ข้อสุดท้ายกลับทดสอบความรู้ด้านจิตวิทยา”
หลังจากที่เธอสมัครเข้าร่วมแข่งขัน นี่เป็นโปรแกรมทำโจทย์ที่เธอโหลดมาจากในเว็บไซต์ทางการ
แต่รอบคัดเลือกยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ทำได้แค่ทำโจทย์จากในคลัง
ก็เหมือนกับชื่อไอเอสซี ในคลังโจทย์มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ครอบคลุมหลายแขนง รอบด้านมากๆ
อีกทั้งโปรแกรมทำโจทย์โปรแกรมนี้ยังสามารถคุมเข้มได้ถึงขั้นที่ว่าผู้ทำโจทย์ทุจริตโดยการแอบไปเสิร์ชหาคำตอบในเน็ตหรือไม่
รอบคัดเลือกจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 กันยายน ยาวต่อเนื่องทั้งหมดสามเดือน
ในระหว่างนี้นักเรียนที่สมัครเข้าร่วมแข่งขันจะต้องทำโจทย์ในโปรแกรมนี้
โดยพื้นฐานจะมีให้วันละสิบข้อ จำนวนโจทย์เสริมมีไม่จำกัด
ตอบถูกหนึ่งข้อได้หนึ่งคะแนน
ตอบโจทย์เสริมถูกได้สองคะแนน
ตอบผิดไม่หักคะแนน
เวลาในการทำโจทย์ก็ไม่ได้จำกัด
เมื่อการแข่งขันรอบคัดเลือกสิ้นสุดลงในช่วงปลายปีจะมีการจัดอันดับคะแนน
พอถึงตอนนั้นหนึ่งหมื่นอันดับแรกของแต่ละประเทศจะเข้าสู่รอบที่สอง
นักเรียนหญิงถอนหายใจ “ท่าทางโจทย์แบบนี้ฉันคงต้องข้าม”
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่พูดอะไร ลงทะเบียนเข้าร่วมแข่งขันด้วยอีกคน กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือกับข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อผูกแอ๊กเคานท์
จากนั้นก็ล็อกอินเริ่มดูโจทย์ที่อยู่ในคลัง
…
ในเวลาเดียวกันที่ห้องสิบเก้า
ลูกน้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วยสีหน้าระรื่น “เจ๊อวี่ พวกเราก็มาสมัครแข่งไอเอสซีกันเถอะ ลองทดสอบความรู้ที่พ่ออิ๋งให้มา”
ผ่านไปหนึ่งภาคเรียน ห้องสิบเก้าพัฒนาขึ้นไวมาก
ใช่ว่าพวกเจียงหรานเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่เคยเรียนต่างหาก
แต่พวกเขาหัวดีกันพอสมควร ถ้าตั้งใจเรียนผลการเรียนก็ก้าวหน้าขึ้นได้
ตอนนี้คะแนนเฉลี่ยของห้องสิบเก้าตามหลังอยู่แค่คลาสทดลองวิทยาศาสตร์
“พอเหอะ” ซิวอวี่ไม่ไว้หน้าลูกน้องแม้แต่น้อย “นายสมัครไปมีแต่จะโดนยำ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้แต่เธอก็สมัคร
อย่างไรเสียลองดูก็ไม่เสียหาย
หลังจากซิวอวี่ลงทะเบียนเสร็จอยู่ๆ ก็พูดขึ้น “พ่ออิ๋ง เธอได้โควตาเข้ารอบสุดท้ายระดับนานาชาติ แบบนี้ก็ไม่ต้องลงแข่งรอบคัดเลือกใช่ไหม”
“อืม” อิ๋งจื่อจินกำลังเปิดหนังสือที่เกี่ยวกับอวกาศ “ยุ่งยากจริงๆ”
ช่วงศตวรรษที่สิบหกและสิบเจ็ดยังไม่มีคำว่าอวกาศ
และก็เป็นเพราะเทคโนโลยีไม่เจริญก้าวหน้า มนุษย์จึงไม่สามารถสังเกตอวกาศได้
ต่อให้เป็นอัจฉริยะอย่างไซมอน แบรนด์ ก็ทำได้แค่เสนอแนวคิดที่เลื่อนลอย
ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้ขาดความรู้ในด้านนี้อยู่
และการศึกษาด้านอวกาศกับเทคโนโลยีการบินอวกาศก็เป็นเรื่องที่ตอนนี้สังคมต้องการมากที่สุด
จักรวาลกว้างใหญ่ สิ่งที่มนุษย์สืบเสาะไปถึงยังไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเสียด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ” ซิวอวี่อ่านรายละเอียดการแข่งขัน “คณะกรรมการจัดงานอย่างรวย ขนาดแค่รอบคัดเลือกยังให้เงินรางวัลมากขนาดนี้”
อิ๋งจื่อจินหมุนปากกา “ยังไง”
“รอบคัดเลือก อันดับหนึ่งของแต่ละประเทศจะได้เงินรางวัลหนึ่งหมื่นดอลลาร์” ซิวอวี่อ่านให้ฟัง “อันดับหนึ่งของทั้งหมดจะได้เงินรางวัลสามแสนดอลลาร์ อันดับสองกับสามได้หนึ่งแสนดอลลาร์”
อ่านจบเธอก็ถอนหายใจ “พวกวิจัยวิทยาศาสตร์เงินหนากันจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย
เธอวางปากกาลงแล้วกดโทรศัพท์มือถือ “งั้นฉันลงด้วยแล้วกัน”
ดูเหมือนทำโจทย์แข่งขันจะไม่ได้ใช้เวลานานมาก เธอทำตอนเดินก็ได้
ซิวอวี่ “…”
คนในห้อง “…”
สมกับเป็นเทพอิ๋ง
รอบคัดเลือกทำโจทย์ในเน็ต ผูกเบอร์โทรศัพท์กับกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชนก็เท่ากับใช้ชื่อจริงแล้ว
แต่ชื่อผู้ใช้งานกลับไม่ได้มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นชื่อจริง
นี่ก็เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของนักเรียน
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินตั้งชื่อผู้ใช้งานมั่วๆ เสร็จก็ไม่ได้เข้าคลังโจทย์ ล๊อกเอ๊าออกทันที
เจียงหรานที่อยู่ข้างๆ กลับดูโจทย์ด้วยความตื่นเต้น
“ฉันมีธุระนิดหน่อย อาทิตย์นี้คงไม่มาแล้ว” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น พยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าพวกเธอมีคำถามอะไรก็ถามฉันในแชทกลุ่มได้”
คืนนี้เธอกับริต้าจะไปพบนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งแล้ว
เธอไม่เคยเจอ ก็ไม่รู้ว่าตัวตนของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรกันแน่
แต่ต่อให้เจอ ญาณพยากรณ์ของเธอในตอนนี้ก็ยังคงมองไม่เห็นภาพถ้าไม่ใช่คนทั่วไป
แต่ในเมื่อเลือกสถานที่นัดพบเป็นประเทศจีน เกรงว่าก็คงหนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับวงการแพทย์แผนโบราณ
พออิ๋งจื่อจินออกจากห้องเรียนก็กดโทรหาริต้า
“คนสวย วางใจได้ วันนี้มาแน่” ริต้ารับรอง “ตอนห้าทุ่มพวกเราเจอกันที่เลขที่ 23 ถนนฝั่งจือ แล้วค่อยไปด้วยกัน”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพูด “เธอพาบอดี้การ์ดไปหลายคนหน่อย”
“ทำไมเหรอ” ริต้าไม่เข้าใจ “วางใจได้ นักปรุงยาพิษคนนี้ไม่มีทางลงมือกับฉัน ถ้าอยากฆ่าคงฆ่าไปนานแล้ว”
นักปรุงยาพิษสามารถเคลือบยาพิษมากับจดหมายที่ส่งมาให้ได้
ด้วยความสามารถของนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องยากถ้าอยากจะทำลายล้างตระกูลเบวิน
ความน่ากลัวของนักปรุงยาพิษอยู่ที่การสังหารหมู่
ไม่เหมือนนักแม่นปืนที่ยังต้องใช้เวลาบรรจุลูกกระสุน
อิ๋งจื่อจินพูด “กันไว้ดีกว่าแก้”
“มีเหตุผล” ริต้าก็ไม่เถียงต่อ “ยังเหลือเวลาอีกสิบสองชั่วโมง ฉันจะให้ทางบ้านส่งคนมาอีกกลุ่ม”
…
ยามบ่าย
ณ เมืองตี้ตู
มู่เฉินโจวลงจากเครื่องบิน
คนขับรถที่ตระกูลมู่ส่งมาได้รออยู่ด้านนอกแล้ว หลังจากเขาขึ้นไปนั่งบนรถ รถยนต์ก็มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลมู่
เดิมทียังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องกลับตี้ตู
เพียงแต่เมื่อคืนวานมู่เฉิงโทรหาเขาอีกครั้ง
บอกว่ารายละเอียดการทดสอบหาผู้สืบทอดออกมาแล้ว ต้องการให้เขากลับตี้ตูเพื่อยืนยันด้วยตัวเอง
เท่าที่มู่เฉินโจวรู้ มู่เฉิงไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ผู้เข้าร่วมทดสอบผู้สืบทอดทั้งหมด
นอกจากเขาแล้วยังมีสมาชิกสายตรงของตระกูลอีกสามคน
มู่เฉินโจวรู้ว่าตัวเองยังด้อยกว่าสามคนนั้นมาก
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะหมดโอกาสอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมู่เฉินโจวกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ สมาชิกคนอื่นที่เข้าร่วมทดสอบก็มาถึงกันหมดแล้ว
สีหน้าของเขาชะงัก เดินไปนั่งแถวแรก
ด้านข้างเขาก็คือหนึ่งในสามสมาชิกสายตรง และก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด
มู่เหวยเฟิง
พอเห็นเขานั่งลง มู่เหวยเฟิงก็หันมา “เฉินโจว เพิ่งกลับมาจากฮู่เฉิง เป็นไงบ้าง”
“ก็เฉยๆ” มู่เฉินโจวขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจอคนที่ไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่กลับมั่นใจในตัวเอง กล้าหาเรื่องแม้กระทั่งตระกูลเมิ่ง”
โชคดีที่สุดท้ายตระกูลเมิ่งไม่ได้เอาเรื่องอิ๋งจื่อจิน ไม่อย่างนั้นเธอคงป่วยไปแล้ว ต่อไปก็หาทางรักษายาก
มู่เหวยเฟิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ เขาละสายตา “นายมาช้า คุณมู่เฉิงมาไปแล้ว บอกว่าพอถึงเวลาคนที่ตัดสินว่าพวกเราจะผ่านการทดสอบหรือไม่ นอกจากคุณปู่แล้วยังมีคนสำคัญอีกคนหนึ่ง”
เฉินโจวอึ้งเล็กน้อย “ใคร”