อย่าว่าแต่ไฟร์วอลทั่วไปเลย ต่อให้ขอให้โปรแกรมเมอร์ทั่วไปช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้ก็ยังไม่อาจขัดขวางการแฮกของโปรแกรมนี้ได้
รุ่นพี่คนนี้ของเธอฝีมือสูงมากในด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
อิ๋งเย่ว์เซวียนยังเคยได้ยินจากคนอื่นในทีมว่า รุ่นพี่คนนี้ของเธอเคยถูกชักชวนเข้าสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม
สมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามเป็นองค์กรแฮกเกอร์อันดับหนึ่งของโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก
แฮกเกอร์ชั้นยอดต่างรวมตัวกันอยู่ในสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม
โดยเฉพาะประธานสมาพันธ์ นั่นคือตำนานแห่งวงการแฮกเกอร์เลยทีเดียว
แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยมีคนเจอเขา ก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง
ด้วยเหตุนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนถึงได้แฮกเข้าคอมพิวเตอร์ของอิ๋งจื่อจินอย่างสบายใจ
เธอเคยหยั่งเชิงท่าทีของจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงหลายครั้งแล้ว
แต่อิ๋งจื่อจินคนคนนี้ เธอกลับรู้รายละเอียดน้อยมาก
แต่ไหนแต่ไรมาเธอจะไม่ทำสงครามที่ตัวเองเสียเปรียบ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางผลีผลาม
อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก กดคลิกขั้นต่อไป
หลังจากที่เธอเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของอิ๋งจื่อจินได้ก็เริ่มควบคุมจากระยะไกล
เธอสามารถดูได้หมดไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ประวัติการใช้งาน บันทึกการสนทนา อะไรก็ตามที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของอิ๋งจื่อจิน
ทว่าหลังจากที่อิ๋งเย่ว์เซวียนคลิกถัดไป บนหน้าจอกลับค้างอยู่นาน ราวกับเครื่องค้าง
เธอกดอีกครั้ง
ยังคงไม่มีการตอบสนอง
อิ๋งเย่ว์เซวียนขมวดคิ้ว
ในขณะที่เธอกำลังจะตรวจเช็กว่าเกิดปัญหาตรงไหน ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง ตู๊ดๆ จากคอมพิวเตอร์
เสียงดังมาก ทะลุออกไปนอกประตู
แม้แต่จงมั่นหวาที่อยู่ห้องข้างๆ ก็ยังหนวกหูจนตื่น
เธอสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกมาเคาะประตู “เสี่ยวเซวียน ทำอะไรอยู่ลูก”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่” อิ๋งเย่ว์เซวียนตกใจ “หนูกำลังเตรียมแข่ง แต่เผลอไปกดผิดปุ่ม เดี๋ยวคอมพิวเตอร์รีสตาร์ทเครื่องใหม่ก็หายแล้วค่ะ”
“รีบนอนนะลูก อย่าหักโหมเกินไป” จงมั่นหวายังคงง่วงมาก จึงไม่ได้เข้าไป “ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกแม่นะ”
พูดจบก็เดินกลับไป
อิ๋งเย่ว์เซวียนโล่งอก
เมื่อความสนใจของเธอกลับมาที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
นอกจากหน้าต่างโปรแกรมนั้น บนหน้าเดสก์ท็อปของเธอว่างเปล่าไปหมด เหลือเพียงถังขยะ เอกสารอื่นๆ รวมถึงไอคอนคอมพิวเตอร์ของฉันก็หายไปไม่มีเหลือ
ถึงถังขยะจะยังอยู่ แต่ในนั้นกลับเกลี้ยงทุกอย่าง
อิ๋งเย่ว์เซวียนมือสั่น รีบเอาเม้าส์ไปกดตรงสตาร์ท
ยังคงว่างเปล่า
แม้แต่โปรแกรมที่ติดมากับเครื่องก็ไม่มีเหลือ
อิ๋งเย่ว์เซวียนใกล้สติแตกเต็มที
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ของเธอเก็บข้อมูลที่ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์ไว้เยอะมาก ทั้งยังมีบทความที่เธอทุ่มเทเขียนไว้ รวมถึงเอกสารสำคัญอื่นๆ
อีกทั้งเอกสารบางอย่างก็ไม่ได้เก็บไว้ในแฟลชไดร์หรือระบบเคลาด์
ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว…
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่กล้าคิดต่อ มือของเธอสั่นอย่างรุนแรง กดเปิดวีแชท
[รุ่นพี่คะ เกิดอะไรขึ้น พอฉันใช้โปรแกรมนี้ ไม่ใช่แค่แฮกเข้าคอมพิวเตอร์ของคนที่ขโมยแอ๊กเคานท์คิวคิวฉันไปไม่สำเร็จ แต่เหมือนถูกแฮกกลับด้วยค่ะ เอกสารของฉันหายไปหมดเลย]
ไม่กี่นาทีต่อมาถึงมีข้อความตอบกลับ
[ไม่น่าเป็นไปได้นะ โปรแกรมนี้เป็นการแฮกฝ่ายเดียว คอมพิวเตอร์ของเธอจะถูกแฮกได้ยังไง เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแฮกเกอร์ที่เทพมาก สามารถใช้โปรแกรมของเธอแฮกกลับได้]
อิ๋งเย่ว์เซวียนอ่านข้อความนี้เสร็จสายตาก็จับจ้อง
อิ๋งจื่อจินเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งมากงั้นเหรอ
ต่อให้เก่งอย่างไรยังจะเก่งกว่ารุ่นพี่ของเธออีกเหรอ
ยังไม่ทันที่อิ๋งเย่ว์เซวียนจะได้สติกลับมา สิบวินาทีให้หลังก็มีข้อความเข้ามาอีก
[หรือว่า เธอใส่โค้ดผิด พี่บอกแล้วว่าโปรแกรมนี้มันไม่เสถียร ใช้ได้ครั้งเดียว ถ้าเธอใส่ผิดคอมพิวเตอร์ของเธอจะเกิดปัญหา นี่ถึงได้ถูกแฮกกลับยังไงล่ะ]
อิ๋งเย่ว์เซวียนอึ้ง
จากนั้นเธอก็รีบเปิดหน้าต่างโปรแกรมแล้วเช็กโค้ดไล่ทีละตัวกับในเอกสารเวิร์ด (Word)
เมื่อเธอเช็กไปถึงบรรทัดที่สามนับจากสุดท้าย เธอก็พบว่ามีตัวอักษรหนึ่งที่ผิดไป
แต่ก่อนหน้านี้เธอระมัดระวังมากแล้ว เช็กไล่ทีละตัวอยู่ห้ารอบ
อย่างอื่นเธออาจจะไม่ดี แต่ความจำเธอดีมาก ถ้าผ่านตาก็แทบจะไม่ลืม
อิ๋งเย่ว์เซวียนแน่ใจได้ว่า เธอไม่ได้ใส่ผิดแม้แต่อักษรเดียว
นี่มันเรื่องอะไรกัน
มีเสียง ติ๊ง ของวีแชทดังขึ้นมาอีก
[เดี๋ยวพี่จะลองกู้กลับมาให้นะ]
หัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนที่ลอยคว้างอยู่ถึงได้จมลง
[รบกวนด้วยค่ะรุ่นพี่]
จากนั้นเธอก็มอบสิทธิ์การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ให้กับรุ่นพี่
แต่ผ่านไปสิบนาทีคอมพิวเตอร์ของเธอก็ยังคงไม่กลับมาเป็นปกติ
[โทษที ไม่ได้จริงๆ ในคอมพิวเตอร์ของเธอไม่ได้มีเอกสารสำคัญอะไรใช่ไหม]
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกเจื่อนขึ้นมาทันที เธอขยี้ขอบตาที่เริ่มแดงแล้วตอบ
[ไม่เป็นไรค่ะรุ่นพี่ ฉันเป็นคนขอมาเอง ไม่โทษรุ่นพี่หรอกค่ะ]
ตอนนั้นรุ่นพี่คนนี้ให้โปรแกรมนี้กับเธอมา และก็มีแค่โปรแกรมนี้ที่สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด
เป็นเธอเองที่ไม่ระวังให้ดี กรอกอักษรผิดไปหนึ่งตัว
ถ้าขนาดรุ่นพี่ของเธอยังกู้กลับมาไม่ได้ เธอเอาไปร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากที่อิ๋งเย่ว์เซวียนนั่งอยู่สักพักก็สะบัดหน้า ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วขึ้นเตียง
…
ชานเมืองตอนเหนือ
ภายในคฤหาสน์ร้าง
ดวงตาของอิ๋งจื่อจินขยับ เธอยื่นมือออกไปจั่วไพ่อย่างใจเย็น
ไม่ได้มอง แต่หงายไพ่ตรงหน้าทั้งหมด
ริต้าชะโงกไปดูก็เห็นไพ่ทั้งสิบสามตัวหน้าตาไม่เหมือนกัน
เธอเพิ่งหัดเล่นไพ่นกกระจอกได้ไม่นาน แค่ครึ่งเดือน แต่ก็รู้ว่าการชนะแบบนี้คือสิบสามเดี่ยว
นี่เป็นรูปแบบการชนะที่ยากมาก เพราะจะใช้การกินหรือชนไม่ได้เลย ไพ่แต่ละตัวจะต้องได้มาจากการจั่วเองทั้งหมด
“ไม่มั้ง ชนะแบบนี้เลยเหรอ” ริต้าชี้ไพ่ทั้งสิบสามตัว “เธอโกง!”
“เปล่านะ” อิ๋งจื่อจินหาว “แบบนั้นยุ่งยากกว่าอีก”
เธอคงไม่ถึงกับต้องอาศัยตอนเล่นไพ่ว่างๆ ใช้ญาณพยากรณ์
แร็งส์กับเบสซี่หวาดเกรงมาก
บอสก็คือบอสอยู่วันยังค่ำ ขนาดฝีมือในการจั่วไพ่ยังลึกล้ำกว่าพวกเขา
“ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว” ริต้าโมโหมาก ทำเสียงฮึดฮัด “น่าเบื่อ ฉันชนะไม่ได้”
ชายวัยกลางคนรีบมาเก็บไพ่นกกระจอกลงไป
“ถึงเวลาแล้วด้วย” ริต้าเหลือบมองโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง “ฉันอยากจะรอดูว่านักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งคนนี้หน้าตาเป็นยังไง”
แร็งส์กับเบสซี่ยืนขึ้น กลับไปคุ้มกันข้างตัวริต้าต่อ
อิ๋งจื่อจินยืนพิงกำแพงด้านข้าง ดวงตาหลุบต่ำเล็กน้อย
เธอถือโทรศัพท์มือถือ นิ้วกดบนหน้าจอ
ในเวลาเดียวกันคอมพิวเตอร์ของเธอที่อยู่ในห้องนอนบ้านครอบครัวเวินได้ปิดเครื่องอัตโนมัติไปแล้ว
อิ๋งจื่อจินบิดขี้เกียจเล็กน้อย เอามือจับๆ หน้ากากหนังคนที่อยู่บนใบหน้า
ต้องยอมรับเลยว่า หน้ากากหนังคนที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์หน้ากาก 3D ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของฟู่อวิ๋นเซินเครื่องนั้น เจ๋งยิ่งกว่านักแปลงโฉมติดชาร์ตบางคนเสียอีก
จนกระทั่งตอนนี้ริต้าก็ยังจับไม่ได้ว่าเธอแปลงโฉมมา
เธอเองก็เคยดูในพื้นที่ซื้อขายของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ก็มีเครื่องพิมพ์ 3D อื่นๆ เหมือนกัน แต่ไม่มีเครื่องไหนสู้ของฟู่อวิ๋นเซินได้
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เมื่อเข็มนาฬิกาหยุดที่เวลาตีสองตรงก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
พร้อมกับสายลมยามราตรี สามคนนั้นต่างตัวเกร็งยกเว้นอิ๋งจื่อจิน
ไม่ว่าจะใช่นักปรุงยาพิษหรือไม่ ตราบใดที่เป็นอันดับหนึ่งของชาร์ตนักล่าในแต่ละประเภท นั่นก็คือการมีตัวตนอันน่ากลัวสูงสุด
เสียงฝีเท้านี้เบาลงเรื่อยๆ เมื่อเบาลงจนถึงเงียบไปก็ปรากฏเงาของใครคนหนึ่งภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์นี้
เป็นผู้หญิงที่รูปร่างสูง
ร่างกายของเธอปกคลุมด้วยสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่ผมกับใบหน้าก็ปกปิดอย่างรัดกุม เผยให้เห็นเพียงดวงตา
อิ๋งจื่อจินลืมตา ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอแต่งตัวแบบนี้จริง
สมัยนี้เรียกว่าอะไรนะ
อ๋อ ชุดอาหรับ
เมื่อก่อนเธอไม่ได้สนใจเรื่องความงามอะไร เอาแค่สะดวก
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มองไปที่อื่น สายตามองตรงไปที่ริต้า “ดอกหนิงเสินล่ะ”
น้ำเสียงของเธอไพเราะดุจเสียงเพลง ไม่ได้เป็นเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวแบบนักปรุงยาพิษ
ริต้ายกมือขึ้น ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเดินขึ้นหน้า ในมือมีกล่องอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งในนั้นเป็นดอกหนิงเสินที่ถูกเก็บในความเย็น
ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองแล้วพูดขึ้น “อีกสามวันฉันจะขับพิษให้พ่อของเธอ”
ขณะพูดเธอก็ยื่นมือออกไปจะหยิบกล่อง
“เดี๋ยวก่อน” อิ๋งจื่อจินยืดตัวขึ้น “ก่อนที่คุณจะเอาดอกหนิงเสินไป ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง”
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป “คุณหนู”
เรียกได้ว่านักปรุงยาพิษคนอื่นๆ ต่างมีอารมณ์ที่แปรปรวน ยกเว้นนักปรุงยาพิษสติเพี้ยนอันดับสามของชาร์ตคนนั้น
ถ้าล่วงเกินนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง งั้นวันนี้พวกเขาก็อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอดกลับไปสักคน
ริต้ายกมือขึ้นเพื่อบอกให้เขาเงียบ
“คุณหายตัวไปนานมาก พวกเราก็ยืนยันไม่ได้ว่าคุณเป็นนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งจริงหรือเปล่า” อิ๋งจื่อจินหยิบขวดใบหนึ่งออกมา ในนั้นมีขนมอยู่ชิ้นหนึ่ง “เลยอยากให้คุณช่วยแสดงความสามารถของคุณให้พวกเราดูเป็นขวัญตาหน่อยค่ะ”
เธอปิดกล่องที่อยู่ในมือชายวัยกลางคนแล้วยื่นขวดให้ “เชิญค่ะ”