นิยาย Eight Desolate Sword God EDSG ตอนที่ 165 แก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง
“อ่า…”
เห็นฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทุกรวมถึงถังหยุนถั่วเจียว พวกเขากลายเป็นหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจจนสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย
“น่ากลัวจริง ๆ พลังของดาบนั่นแข็งแกร่งมาก มันใช่มาจากพลังของคนผู้นึงจริง ๆ งั้นเหรอ ? แม้แต่ 5 ผู้อาวุโสของนิกายเพลิงผลาญฟ้าก็ไม่มีโอกาสที่จะต้านทาน”
เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของดาบเยือกแข็ง ที่เป็นทักษะแรกของ 7 อํานาจแห่งดาบ พวกเขาได้จ้องมองไปที่รูปลักษณ์ของเย่เฉินเฟิง ด้วยความหวาดกลัว
ทางด้านเย่เฉินเฟิน หลังจากใช้พลังของดาบเยือกแข็งเพื่อฆ่า 5 อาวุโสจาก นิกายเพลิงผลาญฟ้า พลังวิญญาณในร่า งกายของเขาก็กลายเป็นอ่อนแอ ใบห น้าของเขาซีดราวกับไม่มีเลือดไปหล่อ เลี้ยง
แต่ในขณะนี้ไม่มีใครกล้าที่จะทําให้เขาขุ่นเคือง เย่เฉินเฟิงค่อย ๆ จากถานที่แห่งนี้ไปอย่างช้า ๆ ฝูงชนจํานวนมากไม่กล้าขวางทางเขาและเซถอยกลับไปไกล
“แข็งแกร่งเกินไป มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เฉินเฟิง ในอาณาจักรลับวิญญาณแท้จริงกันแน่?”
หยุนถั่วเขียว ที่ได้ยินข่าวลือของเย่เฉินเฟิงมา เดิมทีตอนแรกเธอก็คิดว่า มันก็แค่คุยโวกันเกินจริง แต่เมื่อเธอได้เห็นเย่เฉินเฟิงในวันนี้ มันยิ่งเสียยิ่งกว่า
ข่าวลือซะอีก พลังอํานาจของดาบนั้น เธอรู้สึกว่าแม้แต่ผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุด ก็ยังยากที่จะต้านทานได้
“พลังของทักษะ 7 อํานาจแห่งดาบนั้นร้ายกาจมากก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายในการเรียกใช้ก็สูงมากเกินไป”
เยู่เฉินเฟิง สูดลมหายใจเข้าลึก เขาได้หยิบโอสถฟื้นวิญญาณออกมาสองเม็ดและโยนเข้าปากของเขา และ เริ่มฟื้นฟูพลังวิญญาณของตัวเอง
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากนิกายเพลิงผลาญฟ้าที่หลบซ่อนตัวในเมืองแดนหิมะ หลังจากเห็นเย่เฉินเฟิง ฆ่า 5 อาวุโสได้อย่างรวดเร็ว เขาก็แสดงความหวาดกลัวออกมาและไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ เขาได้ออกจากเมืองแดนหิมะในทันที
“ว่าอะไรนะ ? เจ้าจะบอกว่าเย่เฉินเฟิง ปรากฏตัวขึ้นในเมืองแดนหิมะ และยังสามารถจัดการฆ่าผู้อาวุโสของนิกายเราไปได้ถึง 5 คนในการโจมตีเดียว?”
จ้าวนิกาย ฮาวหยานที่ได้ยินข่าวนี้ก็กลายเป็นตกใจ เขาไม่กล้าจะจินตนาการถึงสิ่งที่เขาได้ยิน
“มันเป็นไปได้ยังไง เย่เฉินเฟิงจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ฮ่าวหยาน ที่รับรู้ถึงพลังของรูปแบบก่อตัว เขารู้ดีว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุด ก็ยังไม่อาจทําลายการป้องกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตสวรรค์
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่จะเป็นพลังของสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์?”
ฮ่าวหยานไม่รู้ว่าเย่เฉินเฟิงได้ครอบครองทักษะวิญญาณระดับเต่า ดังนั้นเขาจึงโยงไปว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับดาบสวรรค์จูเสวี่ย ที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์
“เจ้าสารเลวน้อย เย่เฉินเฟิง ไม่ว่าอย่างไรข้าจะต้องกําจัดมันให้ได้ อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ของมันจะต้องตกอยู่ในมือของข้า”
ฮ่าวหยาน สูดลมหายใจเข้าลึก และพยายามทําให้ตัวเองสงบลง
เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของเย่เฉินเฟิง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับ เย่เฉินเฟิง เพียงเพราะใช้ฟูเหยาเยว่เป็นตัวล่อได้อีกต่อไป
ในคราวนี้หากเขาล้มเหลวในการฆ่าเย่เฉินเฟิงอีกครั้ง ฮ่าวหยานรู้สึกว่าเขาจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคต
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องร้องขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเพียงเท่านั้น”
ฮ่าวหยาน ถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง และเดินออกจากห้องโถงตําหนักสวรรค์ เขาได้ เดินไปยังสถานที่ลับต้องห้ามของสํานัก ที่เป็นสถานที่กักเก็บตัวของอาวุโสสูงสุดของนิกายเพลิงผลาญฟ้า ฮ่าวหลิงจางเหริน
“ท่านอาจารย์,ศิษย์ ฮ่าวหยานมีความจําเป็นจะต้องเรียนเรื่องสําคัญให้ท่านทราบได้โปรดปรากฏตัวออกมาพบศิษย์ด้วย”
ฮ่าวหยาน ได้ตะโกนใส่พื้นที่ต้องห้ามที่มีความร้อนระอุ เขากล่าวพูดอย่างนอบน้อม
หลังจากนั้นภายในพื้นที่หินหนืดที่ร้อนระอุด้านใน เงาร่างของฮ่าวหลิงจางเหริน ก็ปรากฏตัวออกมา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดขั้น 2 เขาได้ออกมาจากพื้นที่แมกม่าที่ร้อนระอุและกล่าวถามด้วยเสียงดัง”ฮ่าวหยาน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
“มีเรื่องสําคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของนิกายเพลิงผลาญฟ้าที่ศิษย์จะต้องแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบ…”ฮ่าวหยานได้กล่าวพูดสิ่งที่เกิดขึ้นออกมา
“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว อย่าได้ประมา ทอัจฉริยะจากสํานักพิทักษ์นิกายเพลิงผ ลาญฟ้า บางคนถูกสวรรค์ลิขิตมาให้มี พรสวรรค์ในเส้นทางการบ่มเพาะพลังที่ โดดเด่น
เมื่อรับรู้ถึงพรสวรรค์ของเย่เฉินเฟิง ฮ่าวหลิงจางเหรินก็รู้สึกเสียใจที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าไม่สามารถได้รับอัจฉริยะฟ้าประทานคนนี้ไว้ได้
หากเย่เฉินเฟิงเป็นศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้า เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่านิกายเพลิงผลาญฟ้าจะทยาน ภายใต้การชี้นําของเย่เฉินเฟิงในอนาคตอันใกล้
“ศิษย์รู้สึกละอายจริง ๆ แต่ว่าพวกเราไม่สามารถมามัวนึกเสียใจได้อีกแล้ว หากไม่สามารถฆ่าเย่เฉินเฟิงได้ มันจะกลายเป็นฝันร้ายสําหรับนิกายเพลิงผลาญฟ้าของพวกเรา”
“ที่สําคัญไปกว่านั้น เขาสมควรได้รับสืบทอดมรดกที่แข็งแกร่งของอาณาจักรลับวิญญาณแท้จริงออกมา บางที หากพวกเราได้ครอบครองมรดกที่ว่านั้น ท่านอาจารย์อาจจะสามารถทะลวงกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับราชันย์ในตํานานได้”ฮ่าวหยานถอนหายใจออกมา
“ในเมื่อเขากล้าที่จะเป็นศัตรูกับนิกาย ของเรา แสดงว่าเขาจะต้องมั่นใจในตัว เอง ดังนั้นถึงแม้ว่าข้าจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็ไม่มีความหมาย เว้นเสียแต่ว่า อาวุโสแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง จะ เป็นคนเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ข้าเชื่อว่า เขาย่อมสามารถจัดการเรื่องนี้ได้”ฮ่า วหลิงจางเหริน กล่าวพูดออกมา
“รอข้าอยู่นี้ข้าจะลองไปสอบถา มอาวุโสแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิงดู ว่า เขาจะช่วยเหลือเราได้หรือไม่”
หลังจากนั้น ฮ่าวหลิงจางเหริน ก็กลับ เข้าไปในพื้นที่หินหนืดที่ร้อนระอุอีกครั้ง
แก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง คือ รากฐานของนิกายเพลิงผลาญฟ้า เขาคือตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังสวรรค์และปฐพี
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป ฮ่าวหยานที่รออย่างอดทน ทันใดนั้นเขาก็ สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ตัวตนสีแดงเพลิงที่ไร้ใบหน้ามีเพียงแขนขาทั้ง 4 ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเข้า
แก่นแท้จิตวิญญาณเพลิงนั้นทรงพลังมาก มันได้อยู่บ่มเพาะฝึกฝนตัวเองในนิกายเพลิงผลาญฟ้าเป็นระยะเวลามากกว่า 10,000 ปี พลังของมันมากพอที่จะคุกคามผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุดขั้น 5 ได้
“ผู้เยาว์ ฮ่าวหยาน แสดงความเคารพต่ออาวุโสแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง”
แม้ว่าฮ่าวหยาน จะเป็นจ้าวนิกายเพลิงผลาญฟ้า แต่ตัวตนของเขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิงที่เป็นใหญ่และได้รับความเคารพที่สุดในนิกายเพลิงผลาญฟ้าแห่งนี้
“อืม”แก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง มีสติ ปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมเขาพยักหน้า ตอบรับทันที”จางเหริน ได้เล่าให้ข้าฟัง แล้ว เจ้าตัดสินใจได้ถูกต้อง หากสารเล วน้อยนั่นถูกกําหนดให้มาเป็นศัตรูของ นิกายเพลิงผลาญฟ้า เช่นนั้นก็ทําลา ยมันทิ้งเสีย”
“ขอรับ,ผู้เยาว์จะดําเนินการต่อไป”
เมื่อเขาได้ยินเสียงของแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง ฮ่าวหยานตอบกลับด้วยความสุภาพ
“ไม่ต้องกังวล คราวนี้ ข้าจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเจ้าด้วยพวกเราจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสมีชีวิตอยู่”ฮ่าวหลิง จางเหรินที่ติดตามแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิงมาติด ๆ เขาได้กล่าวพูดขึ้น
“เย่เฉินเฟิง ความตายของเจ้าถูกกําหนดไว้แล้ว ตราบใดที่เจ้ากล้าแสดงตัวที่เมืองผลาญอัคคีเมื่อนั้นจะเป็นจุดจบของเจ้า”
เมื่อได้ยินว่า ฮ่าวหลิงจางเหริน และแก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง พร้อมที่จะช่วยเหลือในการจัดการเย่เฉินเฟิง ฮ่าวหยานก็แสดงสีหน้าที่เย่อหยิ่งออกมา
เช่นเดียวกัน ฮ่าวหลิงจางเหริน และ แก่นแท้จิตวิญญาณเพลิง ก็ได้ลอบออก จากนิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างเงียบๆ เพื่อไปที่เมืองผลาญอัคคี
จุดประสงค์ของพวกเขาก็คือจัดการ เย่เฉินเฟิง